ใช้พลังงานอย่างมีคุณค่า


เพิ่มเพื่อน    

      ท่ามกลางกระแสคัดค้านโครงการขนาดใหญ่ด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่จังหวัดกระบี่ และที่เทพา จังหวัดสงขลา สลับกับกระแสกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่เดินหน้าสนับสนุนโครงการดังกล่าว ทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านพลังงาน อย่างกระทรวงพลังงาน ต้องรับศึกหลายด้าน และต้องหาวิธีบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อให้ประชาชนและสาธารณชน รับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงโดยรอบ โดยเฉพาะแนวทางการจัดการ โครงการโรงไฟฟ้า ที่ต้องทำศึกษาทบทวน ถึงที่ตั้งของโรงไฟฟ้าที่เหมาะสม ผ่านการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ หรือ SEA แม้ว่าจะทำให้โครงการล่าช้าและอาจจะมีความเสี่ยงในด้านความมั่นคงของไฟฟ้าภาคใต้ก็ตาม แต่ถือยังคงเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

        นอกจากเรื่องร้อนๆ ดังกล่าวที่แข่งกับอากาศร้อนของประเทศไทยในช่วงนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องราวที่กระทรวงพลังงานในฐานะที่กำกับดูแลด้านพลังงานของประเทศ ที่ต้องบริหารจัดการคือการลดค่าครองชีพของประชาชนในด้านค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ให้สามารถลดผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ ที่อากาศร้อนๆ จนต้องเปิดใช้แอร์กันอย่างล้นหลาม

        ดังนั้น จากมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อต้นเดือน มี.ค. ซึ่งจากทั้ง 3 การประชุมสำคัญ ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา จึงมีข่าวดีให้ประชาชน ถึง 3 เรื่อง

        เรื่องแรก ที่ประชุม กพช. เห็นชอบการปรับลดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่คณะกรรมการกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเสนอ จากปัจจุบันที่เก็บ 0.25 บาท/ลิตร คงเหลือ 0.10 บาท/ลิตร ลดชั่วคราวเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าว กองทุนฯ ก็ยังมีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะสามารถบริหารจัดการตามภารกิจได้ ซึ่ง เงินส่วนลด 0.15 บาท/ลิตรนั้น จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ 5,350 ล้านบาทต่อปี

        ข่าวดีที่ 2 ที่ประชุม กกพ. ได้มีมติให้ตรึงราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.2561 ไว้ที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย ถึงแม้ว่าค่าเชื้อเพลิงทุกชนิด ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตา และถ่านหิน จะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ก็ทำให้ในช่วงหน้าร้อนนี้ ประชาชนที่ต้องเปิดแอร์เพื่อคลายความร้อนค่าไฟฟ้าก็จะยังอยู่ในราคาเดิม ซึ่งยังคาดว่าในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2561 หรืองวดถัดไป ทาง กกพ.จะสามารถตรึงราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ไว้ได้ ซึ่งถือเป็นข่าวดีด้านพลังงานลำดับ 2 ในช่วงเวลาไม่กี่วันจากการปรับลดราคาน้ำมัน

        และข่าวดีสุดท้ายที่ประชุม กบง.มีมติให้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ลง 0.6330 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากเดิมที่กองทุนน้ำมันฯ ชดเชยที่ 3.3754 บาทต่อกก. เป็นชดเชย 2.7424 บาทต่อกิโลกรัม ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป ซึ่งผลจากการปรับลดเงินชดเชย จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี และราคาขายปลีกยังคงเดิมอยู่ที่ 19.82 บาทต่อ กก. และผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายสุทธิลดลงจาก 790 ล้านบาทต่อเดือน คงเหลือจ่ายสุทธิประมาณ 693 ล้านบาทต่อเดือน หรือสรุปง่ายๆ ว่า ราคาก๊าซหุงต้มจะอยู่ในราคาเดิม แถมกองทุนฯ ก็ยังมีภาระรายจ่ายลดลงอีกด้วย

        มุมดีๆ ของการบริหารจัดการจากกระทรวงพลังงานครั้งนี้ ได้ช่วยให้ประชาชนลดภาระรายจ่ายได้รอบด้าน ทั้งราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และค่าก๊าซหุงต้มดังกล่าว ยังถือเป็นข่าวดีๆ ด้านพลังงาน ท่ามกลางกระแสกลุ่มผู้ชุมนุมรอบด้าน ทั้งการคัดค้าน และสนับสนุนโรงไฟฟ้าที่กำลังร้อนแรง รวมทั้งประเด็นการคัดค้านการเปิดประมูลปิโตรเลียม ที่เป็นเหมือนแรงต้านสำคัญ ที่กระทรวงพลังงานต้องฝ่าออกไปให้ได้ในเร็ววัน

        อย่างไรก็ตาม เมื่อมีมุมดีๆ ที่ช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนแล้ว ประชาชนที่เป็นผู้ใช้ก็ต้องอย่าลืมในเรื่องของการใช้พลังงานอย่างเหมาะสมและมีประโยชน์สูงสุด และผู้ที่กำกับดูแลในด้านพลังงานเองก็ต้องอย่าลืมหน้าที่ถึงความเหมาะสมในการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศที่เหมาะสมด้วย รวมถึงการรณรงค์มาตรการประหยัดไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างจิตสำนึกให้การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า.

บุญช่วย  ค้ายาดี


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"