
ข้ออ้างเรื่อง "ไม่มีเวลา" น่าจะใช้กับชีวิตยามนี้ที่ทุกคนต้อง "อยู่บ้าน-หยุดเชื้อ-เพื่อชาติ" ไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำเสียแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ตอกย้ำด้วยการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่วลา 4 ทุ่มจนถึงตีสี่ คำว่า "เวลา" น่าจะมีเหลือทิ้งเหลือใช้มากมาย..จริงไหม!!
เท่าที่เห็นแชร์กันในห้องไลน์ สังคมออนไลน์ยอดนิยมคนวัยเกษียณ มีอยู่ 2-3 อย่างที่คล้ายๆ กันสำหรับการทำลายเวลาในแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่ฝึกทำเมนูต่างๆ ที่อยากทำมานานแล้ว เพราะมีคนพร้อมหน้าพร้อมตาต้องยอมชิมเต็มบ้านกันเลยทีเดียว อีกจ๊อบที่ฮิตติดลมคือการเคลียร์บ้าน โละสมบัติบ้าทั้งหลายที่เก็บไว้นานจนลืม และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ก็คือการไล่ดูซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ญี่ปุ่น ซีรีส์ฝรั่งทั้งหลายทั้งปวงที่ชาวบ้านเขาคุยกันโขมงโฉงเฉงมานานแสนนาน
ใครเป็นมนุษย์เลือกใช้เวลาแบบไหนก็เป็นสิทธิและเสรีภาพที่ใครก็ไปห้ามไม่ได้ ตราบเท่าที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และไม่เป็นต้นเหตุของการเผยแพร่เชื้อโรค..จริงไหมคะ?!?
ส่วนมนุษย์ป้าอย่างเราที่จำเป็นต้องออกจากบ้านทุกวัน (แต่ขอยืนยันว่าไม่เที่ยวแวะเกะกะที่ไหนเลย) นั้น ก็มีวิธีใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ซึ่งอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนใคร..จะไปรู้ได้ไง!! แต่ขอเล่าสู่กันฟัง ณ จุดจุดนี้
นั่นคือ ขับรถจากที่ทำงานกลับบ้าน เปลี่ยนเส้นทางทุกวัน โดยจดเข็มไมล์รถไว้ทุกครั้งจากจุดเริ่มต้น เพื่อจะดูว่า ระยะทางเส้นไหนหนอที่มันสั้นที่สุด
555 ..มนุษย์ลูกมนุษย์หลานอาจจะแอบหัวเราะว่า ป้าใช้กูเกิลแม็พไม่เป็นล่ะสิ ถึงต้องใช้วิธีโบราณ
อิอิ...ก็จะสารภาพว่าจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง เพราะยุคนี้สมองทำงานไม่เต็มที่แล้ว ความจำชักจะถดถอย หลายครั้งต้องพึ่งพากูเกิลแมพพาไปโน่นมานี่นะคะ แต่ที่ไม่เปิดแผนที่เวลากลับบ้านนั้น ก็เพราะว่าอยากเห็นวิวแต่ละเส้นทางค่ะ ว่ามันเปลี่ยนไปยังไงบ้าง อันนี้เป็นการใช้เวลาที่ถนนว่างแก้เบื่อค่ะ และไหนๆ ก็จะแก้เซ็งแล้วก็วัดระยะทางจากของจริงถึงหน้าบ้านเลย มันจะเสียหายตรงไหนกันเล่า
เชื่อระบบดิจิทัล 100% ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ขอใช้วิธีโบราณบ้าง สมองจะได้ทำงานบวกลบคูณหารไม่ลืม ย่อมเหมาะกับ สว.อย่างเราจริงๆ นะคะ
ใครอยากลอกเลียนแบบก็ได้นะคะ ยกตัวอย่างเลยค่ะ จากคลองเตยไปดอนเมือง หากขึ้นทางด่วนท่าเรือไปลงดินแดง จะใช้ระยะทางประมาณ 20 กม. แต่พอต้องยูเทิร์นเพื่อหันกลับมาเข้าเมือง กลายเป็นว่ากินระยะทางเพิ่มอีกเกือบ 5 กม. และกว่าจะถึงหน้าบ้านก็ปาเข้าไป 27 กม.
แต่ถ้าไม่ขึ้นทางด่วนแล้วใช้เส้นทางถนนรัชดาภิเษก แล้วตรงไปเรื่อยๆ ผ่านถนนอโศก ถนนพระราม 9 จนถึงทางรัชดาตัดเส้นลาดพร้าว เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธินแล้วไปเลี้ยวซ้ายหลังจากผ่านวัดพระศรีฯ เข้าถนนแจ้งวัฒนะล่ะก็ ใช้ระยะทางแค่ 24 กม.ค่ะ พอๆ กับเส้นทางขึ้นทางด่วนแล้วลงดินแดง แต่แทนที่จะอยู่บนถนนวิภาวดีฯ ตลอดทางนั้น เลี้ยวซ้ายออกสะพานลอยลาดพร้าว ใช้ถนนพหลโยธินไปจนทะลุวัดพระศรีฯ ล่ะก็ ใช้ระยะทาง 24 กม.ใกล้เคียงกันเลยค่ะ แตกต่างกันแค่ต้องเสียค่าทางด่วน 50 บาท หรือจะไม่เสียเลยสักบาท
วิธีแบบนี้ คิดว่ากูเกิลแม็พละเอียดสู้แม็พกูไม่ได้เนาะ. "ป้าเอง"
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |