ญี่ปุ่นจ่อฉุกเฉิน นายกฯอังกฤษ เข้าโรงพยาบาล


เพิ่มเพื่อน    


    นายกฯ ญี่ปุ่นรอฤกษ์ประกาศภาวะฉุกเฉินเร็วสุดวันอังคารนี้ รับมือการแพร่เชื้อที่ยังเพิ่มขึ้นรายวันในเมืองใหญ่แต่ยังไม่มีแผนล็อกดาวน์เหมือนชาติอื่น ส่วนนายกฯ อังกฤษเข้าโรงพยาบาลเฝ้าตรวจอาการป่วยโควิด-19 หลายชาติยุโรปเริ่มมีหวังยอดตายรายวันลดลง แต่สหรัฐกราฟยังพุ่งไม่หยุด เสียชีวิตใกล้หลักหมื่นแล้ว
    รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น แถลงในวันเดียวกันนี้ว่า เขาจะประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายภูมิภาคของญี่ปุ่นที่กำลังมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    พร้อมกันนี้เขายังเตรียมงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 108 ล้านล้านเยน (ราว 32.5 ล้านล้านบาท) หรือเท่ากับ 20% ของจีดีพีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโรคระบาดครั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลจะประกาศภาวะฉุกเฉินอย่างเป็นทางการได้เร็วที่สุดในวันอังคารที่ 7 เมษายนนี้
    "ขณะนี้เรากำลังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเขตเมืองเช่นโตเกียวและโอซากา" อาเบะกล่าวกับผู้สื่อข่าว 
    ภาวะฉุกเฉินนี้จะให้อำนาจรัฐบาลท้องถิ่นในการร้องขอให้ประชาชนอยู่ในเคหสถาน, การสั่งหยุดกิจการธุรกิจร้านค้าที่ดึงดูดผู้คนมารวมตัวกัน และการเรียกใช้ที่ดินหรืออาคารสำหรับประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ยังไม่ถึงระดับมาตรการล็อกดาวน์แบบที่ใช้ในหลายประเทศของยุโรป ที่ให้อำนาจตำรวจออกลาดตระเวนและลงโทษปรับผู้ที่ฝ่าฝืน มาตรการของญี่ปุ่นซึ่งอาเบะคาดว่าจะบังคับใช้นาน 1 เดือนนี้ จะขอความร่วมมือจากประชาชนลดการติดต่อระหว่างคนสู่คนที่อาจนำไปสู่การแพร่เชื้อ แต่ไม่ได้ให้อำนาจทางกฎหมายในการบังคับให้ประชาชนอยู่แต่ในเคหสถาน หรือลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน
    นายกฯ อาเบะเคยทำให้ชาวญี่ปุ่นตกตะลึงเมื่อเขาเรียกร้องให้ปิดโรงเรียนทั่วประเทศเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเวลานั้นญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศซึ่งใช้มาตรการแบบเดียวกัน ถึงวันจันทร์ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นประมาณ 3,650 ราย เสียชีวิต 85 ราย แต่หลายวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นรายวันในเมืองใหญ่ 
    โดยเฉพาะที่กรุงโตเกียว ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 148 คน และวันจันทร์พบเพิ่มอีก 83 คน สถานการณ์ที่น่าวิตกมากขึ้นในเมืองหลวงทำให้ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าราชการจังหวัดเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน ในขณะที่ตัวเธอประกาศเรียกร้องให้ชาวโตเกียวงดออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น และขอให้ทำงานจากที่บ้าน
     ที่อังกฤษ รัฐบาลออกแถลงการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เข้าโรงพยาบาลแล้วเมื่อวันอาทิตย์เพื่อเฝ้าสังเกตอาการป่วยโควิด-19 ผู้นำอังกฤษวัย 55 ปีถูกตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 27 มีนาคม เขาเป็นผู้นำประเทศมหาอำนาจคนแรกที่ติดโรคนี้ จอห์นสันแยกกันกันตนเองนับแต่นั้น หลังผ่านมาครบ 1 สัปดาห์ เมื่อวันศุกร์เขาประกาศว่าจะกักตัวต่อไปเนื่องจากไข้ไม่ลด
     สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า จอห์นสันเข้าโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการเพิ่มเติม ไม่ได้เป็นเรื่องฉุกเฉิน แต่เป็นการป้องกันไว้ก่อนตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดมินิก ราบ จะทำหน้าที่รักษาการแทน แต่แหล่งข่าวในรัฐบาลอังกฤษเผยว่า จอห์นสันยังทำหน้าที่ได้อยู่
     ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กล่าวว่า หมอน่าจะตรวจประเมินการทำงานของตับ, ปอด, ไต และหัวใจของนายกรัฐมนตรี รวมถึงเฝ้าสังเกตสัญญาณชีพที่สำคัญ เช่น ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด และตรวจเลือดเพื่อดูว่าภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อไวรัสอย่างไร
     คำประกาศของรัฐบาลอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ออกมาราว 1 ชั่วโมงคล้อยหลังสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มีกระแสพระราชดำรัสต่อชาวสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ ว่าความอุตสาหะร่วมกันจะทำให้สามารถเอาชนะโรคระบาดครั้งนี้ได้ และพระราชทานขวัญกำลังใจแด่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เป็นกำลังหลักในการรับมือสถานการณ์นี้ 
     ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แสดงความห่วงใยต่อนายกฯ จอห์นสัน ผู้ที่เป็นเพื่อนของเขาและเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม โดยเขาหวังและมั่นใจว่าจอห์นสันจะหายจากโรคนี้
     สหราชอาณาจักรมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4,934 รายนับถึงวันอาทิตย์ โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 621 คนใน 24 ชั่วโมง ส่วนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 47,806 ราย เทียบกับประเทศในยุโรปยังน้อยกว่าอิตาลี, สเปน, เยอรมนี และฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี สามประเทศนี้เริ่มมีผู้เสียชีวิตรายวันลดลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา 
    โดยเมื่อวันอาทิตย์อิตาลีมีผู้เสียชีวิตรายวันน้อยที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ ที่ 525 ศพ ยอดรวมอยู่ที่ 15,887 ศพ จากผู้ติดเชื้อสะสม 128,948 ราย สเปนก็เสียชีวิตน้อยลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวันจันทร์ โดยเสียชีวิตอีก 637 ราย เป็นอัตราต่ำที่สุดในรอบ 13 วัน ส่วนยอดรวมอยู่ที่ 13,055 ราย มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากอิตาลี จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 135,032 ราย ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิต 357 คนเมื่อวันอาทิตย์ ต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ยอดรวมอยู่ที่ 8,078 ศพ จากผู้ติดเชื้อสะสม 93,780 ราย
     สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก โดยยอดสะสมตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ถึงช่วงค่ำวันจันทร์ อยู่ที่ 337,933 ราย ยอดเสียชีวิต 9,653 ศพ โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในรอบ 24 ชั่วโมงมากกว่า 1,200 คนนับถึงเวลา 07.30 น.วันจันทร์ตามเวลาไทย รัฐนิวยอร์กมีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 4,159 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในมหานครนิวยอร์ก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"