'ดอกไม้-ก้อนอิฐ' เลือกเอง


เพิ่มเพื่อน    


    เห็นข่าวตำรวจโรงพักมุกดาหาร ลูกน้อง พ.ต.อ.เกียรติภูมิ สุวรรณไตรย์ ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร จับกุมลูกสาวผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 แบบไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม 
    ต้องเสียบ "ดอกไม้" ชื่นชม!!!
    ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ "ผู้รักษากฎหมาย" ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม
    เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงกลางดึกของการประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คืนวันที่ 6 เม.ย. เวลาประมาณ 22.30 น. บริเวณจุดตรวจ 4 แยกไฟแดงเมืองใหม่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร น.ส.อภิญญา ขำสุภาพ อายุ 19 ปี และ น.ส.เปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีดำ หมายเลขทะเบียน 5 กธ 1986 กรุงเทพมหานคร ซึ่งคนขับมีอาการคล้ายมึนเมาสุรา เอะอะโวยวายด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่พอใจที่ขอให้หยุดตรวจ
    อ้างว่าเป็นลูกของผู้ว่าฯ อยู่จังหวัดพิษณุโลก!!!!
    ทว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้หวาดกลัวหรือปล่อยตัวไป เพราะเป็นลูกผู้หลักผู้ใหญ่ กลัวจะโดนผู้บังคับบัญชาตำหนิ กลัวผู้บังคับบัญชาจะต่อว่า แต่เลือกที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยยึดกฎหมายเป็นหลัก ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย    
    จากนั้นศาลจังหวัดมุกดาหารมีคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องลูกสาวผู้ว่าฯ พิษณุโลก เป็นจำเลย ในความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พิพากษาให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
    ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมของ ส.ต.อ.พิทักษ์ พลโยราช ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด ขับรถช่วงฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิวเสียเอง แถมภายในรถยังพบหน้ากากอนามัยจำนวนถึง 7,500 ชิ้น ซึ่งนำเข้ามาจากต่างประเทศโดยไม่เสียภาษีอากร รถคันที่ขับก็ติดป้ายทะเบียนไม่ตรงกับที่จดทะเบียน
    ต้องขว้าง "ก้อนอิฐ" ตำหนิ
    เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ "ผู้รักษากฎหมาย" กระทำความผิดเสียเอง สมควรที่จะได้รับโทษมากกว่าชาวบ้าน
    เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เม.ย. เวลาประมาณ 23.50 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจคัดกรองการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถนนโพนทอง-กุฉินารายณ์ หมู่ที่ 3 ตำบลแวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด พบรถยนต์มี ส.ต.อ.พิทักษ์เป็นผู้ขับขี่ โดยมีภรรยานั่งโดยสารคู่มาด้วย ตรวจค้นภายในรถพบหน้ากากอนามัย 3 ลัง จำนวน 7,500 ชิ้น 
    สอบถาม ส.ต.อ.พิทักษ์ให้การว่า เดินทางมาจากจังหวัดมุกดาหารและกำลังจะกลับที่พักในตัวจังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงที่มาของหน้ากากอนามัย แต่ ส.ต.อ.พิทักษ์ให้การบ่ายเบี่ยง 
    เล่นเอา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ควันออกหู!!!
    สั่งผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดให้ตรวจสอบโดยละเอียดถึงที่มาของหน้ากากอนามัย และมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด รวมถึงเคยกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อนด้วยหรือไม่ หากพบความผิดให้ดำเนินคดีทุกข้อหา เช่น ความผิดเกี่ยวกับการมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินกำหนด หรือการกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นขบวนการหรือไม่ นอกเหนือจากความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว รวมทั้งให้พิจารณาโทษทางการปกครองและวินัยอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปด้วย
    จำได้ว่า ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยังตำรวจทุกนายต้องเป็นแบบอย่างที่ดีกับประชาชนและหน่วยงานอื่นในการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบข้าราชการตำรวจกระทำผิดเสียเองจะลงโทษสถานหนัก และยังกำชับไปยังผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นให้กวดขันความประพฤติและระเบียบวินัยของผู้ใต้บังคับบัญชา 
    ผิดชัดๆ ขนาดนี้ "ผบ.แป๊ะ" คงไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"