13 เม.ย. 63 - นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนใน ศบค. เพื่อให้คำปรึกษาข้อเสนอแนะการป้องกันและแก้ปัญหาของภาคธุรกิจเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่านับเป็นเรื่องดีที่นายกฯ ตั้งคณะที่ปรึกษาชุดนี้ขึ้นมาเพื่อนายกฯ จะได้รับข้อมูลตรงจากภาคเอกชนที่จะช่วยสะท้อนความเป็นจริงว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ทั้ง 3 ฉบับ สามารถตอบโจทย์ในการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจของไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น 

โดยเฉพาะให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยออกซอฟท์โลน (Soft Loan) ดูแล SME และดูแลเสถียรภาพทางการเงิน ถ้านายกฯ รับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน ทั้งจากสภาหอการค้าสภาอุตสาหกรรม สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสมาคมธนาคารไทย อย่างตรงไปตรงมาแล้ว เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้เงินให้คุ้มค่า 

"นอกจากตั้งการคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนแล้ว อยากฝากให้นายกฯ ได้พิจารณาตั้งคณะที่ปรึกษาด้านสังคมอีกชุดหนึ่งด้วย เพื่อดูแลผลกระทบที่เกิดกับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ในสังคมซึ่งมีเป็นจำนวนมากที่อาจจะรอดหูรอดตาจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ ขณะนี้ถ้าสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลายผู้คนในสังคมไทยยังต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน ไม่สามารถทำมาหากินใช้ชีวิตตามปกติได้ ผลกระทบทางสังคมจะนับวันรุนแรงมากขึ้น ทั้งผลกระทบที่ทำให้ไม่มีรายได้ประทังชีวิต และผลกระทบทางด้านจิตใจ" นายองอาจ ระบุ

สำหรับคณะที่ปรึกษาด้านสังคมชุดนี้ นอกจากส่วนราชการต่าง ๆ ที่ทำงานด้านสังคมโดยตรงแล้ว ควรมีตัวแทนภาคประชาสังคม NGO สมาคมกลุ่มองค์กรที่ทำงานด้านสังคมใกล้ชิดกับประชาชนมาร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาด้วย จะช่วยให้เข้าใจปัญหาที่ทำให้เกิดผลกระทบและมีแนวทางการแก้ไขจากผู้ทำงานจริงในพื้นที่อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น 

เชื่อมั่นว่าถ้านายกฯ ตั้งคณะที่ปรึกษาด้านสังคมควบคู่ไปกับคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชน ที่นายกฯ ตั้งไปก่อนหน้านี้แล้ว จะช่วยทำให้การทำงานดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด- 19 เป็นไปอย่างตรงจุดสามารถตอบโจทย์ของประชาชนได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น.