การเมืองแบบจัดสรรปันส่วนผสม


เพิ่มเพื่อน    

      การเมืองช่วงนี้...ออกไปทางสะบัดร้อน สะบัดหนาว หรือไม่รู้ว่าจะร้อน หรือจะหนาว พอๆ กับ หน้าหนาวเดือนเมษาฯ อะไรประมาณนั้น แถมบางช่วง บางระยะ ยังเจอเข้ากับฝนที่มากับพายุฤดูร้อน เล่นเอาเปียกๆ แฉะๆ ไปซะอีกต่างหาก ด้วยลักษณะอาการที่ คาดเดาแทบไม่ได้ เช่นนี้นี่เอง มันเลยทำให้ใครต่อใครออกอาการหวาดระแวง ออกอาการ เกร็ง กันชนิดขนหัว ขนคอ ตั้งกันไปเป็นแถบๆ...

                                                         ---------------------------------------------------

      เรียกว่า...เล่นเอาบางราย หันไปรื้อเสื้อสเวตเตอร์ กะเอามาใส่รับหน้าหนาวในฤดูร้อนกันเลยก็มี บางรายถึงกับคว้าร่ม เอาไว้เตรียมกันฝนทั้งที่แดดเปรี้ยงแจ๋ๆ แม้จะมี พรรคการเมือง กรูมาขอลงทะเบียนไปแล้วหวิดๆ จะร้อยพรรคเข้าไปแล้ว แต่แต่ละพรรคก็ยังไม่รู้ว่าจะ สวมชุดไหนดี มันถึงจะเหมาะกับอุณหภูมิอากาศ เหมาะกับบรรยากาศการเมืองแบบ หน้าหนาวเดือนเมษาฯ ได้แบบจริงๆ จังๆ จะหันไปใส่สเวตเตอร์ ถือร่ม ใส่เสื้อกล้าม นุ่งโจงกระเบนแบบบุพเพสันนิวาส หรือเผลอๆ...อาจต้องหันไป แก้ผ้า ฯลฯ ก็ยังแทบไม่รู้หมู่ รู้จ่า ไม่รู้ว่า ท่านสารวัตร จะเอายังไงกันแน่!!!

                                                        -------------------------------------------------------

      เหตุที่อะไรต่อมิอะไรมันออกไปทางเลเพลาดพาด เปะปะ เลื่อนเปื้อน ชนิดแทบ คาดเดากันไม่ได้ เช่นนี้...ก็น่าจะมาจากจุดเริ่มต้นที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกออกแบบ ดีไซน์ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าจะต้องเป็นไปในแบบที่เรียกว่า จัดสรรปันส่วนผสม นั่นแล คือเป็นการเมืองแบบที่จะปล่อยให้ ความเป็นประชาธิปไตย เป็นไปในแบบเพียวๆ แบบบริสุทธิ์ อิสระ หรือแบบที่บรรดานักการเมืองต่างสุข สดชื่น เหมือนยืนอยู่บนเนินเขาแบบเดิมๆ ไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว จำเป็นจะต้องเปิด พื้นที่ทางการเมือง บางส่วน หรือหลายๆ ส่วน ให้กับบางสิ่ง บางอย่าง ที่ช่วยเป็นตัวสร้างหลักประกัน การันตี ให้กับ ความเป็นไทย ที่จะแปลความหมายไปในทางที่ดี หรือไม่ดี ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...

                                                       ----------------------------------------------------

      แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ผู้ที่ยึดหลักในสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย ที่ว่านี้ ท่านดันมี ปืน อยู่ในมือ จะไม่คิด เปิดพื้นที่ ใดๆ ให้ท่านเลย ยังไงๆ...ก็คงเป็ง-ปาย-ม่าย-ล่ายอยู่แล้วแน่ๆ การ จัดสรรปันส่วนผสม ให้เกิด ความลงตัว ระหว่าง ความเป็นประชาธิปไตย กับ ความเป็นไทย จึงถือเป็นภาระหน้าที่ของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นทหาร นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ ไปจนกระทั่งบรรดา ปวงชนชาวไทย ทั้งหลาย ที่นอกจากจะต้องยอมรับ ข้อเท็จจริงทางการเมือง ในลักษณะที่ว่านี้ ยังต้องหาทางปรับตัว ปรับความหวัง ความต้องการ หรือแม้แต่ปรับทัศนคติ เพื่อให้ ส่วนรวม หรือประเทศไทยทั้งประเทศ พอมีโอกาส เดินหน้า ต่อไปได้มั่ง...

                                                       --------------------------------------------------------

      แต่ก็นั่นแหละ...การปรับตัว ปรับความหวัง ความต้องการ ปรับทัศนคติของแต่ละส่วนๆ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แบบสามารถสั่งหันขวา-หันซ้ายได้แบบทันที-ทันใด หรือขณะที่ฝ่ายหนึ่งยอมหัน แต่อีกฝ่ายหนึ่งดันไม่ยอมหัน หรือหันไปคนละทาง โอกาสที่จะหา จุดลงตัว มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งฝ่ายหนึ่งหันไปกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่คิดจะหัน ไม่คิดจะปรับตัว อีกฝ่ายหนึ่งก็เลยหันมาต่อว่าอีกฝ่ายหนึ่งว่าหันแบบมั่วๆ ไม่ได้มีหลัก มีเกณฑ์ ไม่ได้แสดงออกถึงความมีวินัย ความถูกต้อง ชอบธรรมใดๆ แม้แต่น้อย หรือทำให้ การจัดสรรปันส่วนผสม ไม่ได้ออกไปทางแค่ เอาขี้มาผสมกับข้าว เท่านั้น แต่ชักออกไปทาง เอาขี้มาผสมกับขี้ จนแทบไม่รู้ว่า อะไรเป็นขี้หมู ขี้หมา หรือออกไปทาง อัปรีย์ไป-จัญไรมา เข้าไปทุกที...

                                                          ------------------------------------------------------

      อันนี้นี่แหละ...ที่มันทำให้ การจัดสรรปันส่วนผสม มันเลยหา จุดลงตัว ได้ยากซ์ซ์ซ์ขึ้นๆ แถมยังทำให้ ความเป็นไทย กับ ความเป็นประชาธิปไตย ออกไปทางเละเทอะ เลอะเทะ ไปด้วยกันทั้งคู่ แทนที่จะเป็นตัวช่วยเสริม ช่วงส่ง ให้พออยู่ๆ กันไปได้ หรือพอให้เกิดการ เดินหน้าประเทศไทย ไปตาม ข้อเท็จจริงทางการเมือง อันเป็นตัวเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน คือถ้าหาก ความเป็นไทย นั้น...มันถูกทำให้โดดเด่น ชัดเจน จนสามารถแปลความ ตีความ ให้เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกันกับ ความเป็นธรรม การตั้งมั่นอยู่ในความบริสุทธิ์ ยุติธรรม คุณธรรม ศีลธรรม เป็นพื้นฐานแล้วล่ะก็ โอกาสที่จะนำเอาไปผสมกับ ความเป็นประชาธิปไตย ในรูปไหนก็ได้ ย่อมไม่ถึงกับยุ่งยาก มากความ อะไรจนเกินไป เพราะโดยจุดมุ่งหมายปลายทางของแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันคงไม่แตกต่างไปจากกันซักเท่าไหร่นัก...

                                                      ---------------------------------------------------------

      แต่ด้วยเหตุเพราะ 3-4 ปีที่ผ่านมา... ความเป็นไทย ที่ว่า มันก็ยังไม่ถึงกับถูกทำให้โดดเด่น ชัดเจน อย่างเท่าที่ควรจะเป็น ยังเต็มไปด้วยขี้อะไรต่อมิอะไรสอดแทรกอยู่ในข้าว ชนิดเล่นเอาพะอืดพะอมกันไปมิใช่น้อย การ จัดสรรปันส่วนผสม มันจึงไม่เพียงแต่หา จุดลงตัว ได้ยากขึ้นๆ แต่ยังออกไปทาง ฝนตกขี้หมูไหล หนักยิ่งขึ้นทุกที จนทำให้การนำเอา ความเป็นไทย กับ ความเป็นประชาธิปไตย มารวมกันให้กลายเป็น ประชาธิปไตยแบบไทยๆ หรือแบบ ไทยนิยม มันจึงกลายเป็นการจัดสรรปันส่วนผสมระหว่าง ทหาร นักการเมือง ข้าราชการประจำ นักธุรกิจ โดยที่บรรดา ปวงชนชาวไทย แทบไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย และนั่นเอง...ที่ทำให้มันกลายไปเป็นความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ กลายเป็นอะไรที่ คาดเดาแทบไม่ได้ จนใครต่อใครต้องหาเสื้อสเวตเตอร์มาใส่ในหน้าร้อน หันมากลางร่มขณะแดดแจ๋ๆ เกิดอาการสะบัดร้อน สะบัดหนาว ไปจนถึงเปียกๆ แฉะๆ  ในระหว่าง เมษาฯ หน้าหนาว ด้วยประการละฉะนี้....แล...

                                                          --------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sanskrit saying... สัมปโท มหตาเมวะ มหตาเมวะ จาปทะ วรุธเต กษียะเต จันโทระนะ ตุ ตาราคณะ กะวะจิต-ความเจริญและความเสื่อม เป็นเรื่องของคนใหญ่คนโต อุปมาดั่งพระจันทร์ซึ่งมีขึ้นมีแรม ส่วนดวงดาวทั้งหลาย หาได้มีการผันแปรไม่...

                                                          ---------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"