โถ!ป้อม:เข้ามาปราบโกง จ่อเปิดบิ๊กพม.งาบคนจน


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กตู่" ลั่นเอาจริง ขรก.ทุจริต "ประวิตร" ยัน คสช.เข้ามาปราบคอร์รัปชันไม่ทำผิดเอง "เลขาฯ ป.ป.ท." แย้ม 3 เม.ย.เปิดชื่อ "บิ๊ก พม." อยู่เบื้องหลังโกงเงินคนจน ชี้พบหลักฐานมัดเอาผิดทั้งอาญา-วินัย "รมว.ศธ." ไม่เชื่อ "รจนา" ทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ คนเดียว สั่งขยายผลเพิ่มหลังพบปี 48 มีเงินโอนเข้าบัญชีตำรวจยศ ร.ต.ต.และวัดแบบผิดปกติ
    เมื่อวันที่ 2 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีมีเรื่องร้องเรียนการทุจริตโครงการรัฐหลายโครงการว่า ทุกอย่างมีกฎหมาย ถ้าทำกันจริงจังมากขึ้นจะดีขึ้นเอง ไม่มีอะไรที่จะแก้ไขได้ 100% ในทันที การสอบสวนมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่าเรื่องที่ร้องเรียนมาเป็นจริงหรือไม่ จากนั้นจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีกรอบหนึ่งเพื่อนำไปสู่กระบวนการปลด ไล่ออก โทษทางวินัย หรือแม้แต่การฟ้องศาลในคดีอาญา ขั้นตอนเป็นอย่างนี้ก็ขอให้ระมัดระวังในการสื่อข่าวหรือการรับรู้รับทราบจากทางโซเชียลมีเดีย
    "การปกครองข้าราชการที่มีอยู่จำนวนมากไม่ง่าย แต่ขอให้ข้าราชการทำดีต่อไป ส่วนคนไม่ดียืนยันจะลงโทษหมดด้วยกระบวนการยุติธรรม ผ่านการตรวจสอบ สอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งประชาชนอาจยังไม่เข้าใจและใช้การตัดสินโดยโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นพลังสำคัญที่ทำให้การบริหารราชการยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง ถ้าจริงก็แก้ไข ถ้าไม่จริงก็ออกมาชี้แจง และขอให้ทุกคนดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการ เพื่อสร้างสังคมที่มีความสามัคคีปรองดอง" นายกฯ กล่าว    
    ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยทำโพลสำรวจ พบการทุจริตคอร์รัปชัน 3 ปียุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สูงสุดว่า คสช.เป็นผู้ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายทุจริตในช่วงที่ผ่านมาย้อนหลังหลายปี  ไม่ใช่ว่า คสช.คอร์รัปชัน
    พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช.แถลงผลการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เลขาธิการ คสช.เป็นประธานว่า การปราบปรามการทุจริต เป็นสิ่งที่ คสช.ดำเนินการมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เพราะตระหนักดีว่าการทุจริตคอร์รัปชันส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน ล่าสุดได้เสนอมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในระบบราชการเพื่อเสริมการทำงานในเรื่องดังกล่าวให้รัฐบาล ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วให้มีความเข้มข้นยิ่งขึ้น 
    "เลขาฯ คสช.สั่งการให้ทุกส่วนงานให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในระบบราชการดังกล่าว พร้อมนำไปดำเนินการในทุกมิติให้เกิดเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยด่วน" รองโฆษก คสช.กล่าว
    ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งว่า ในวันที่ 3 เม.ย.นี้จะทราบถึงตัวตนบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการทุจริตเงินศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในระดับที่สูงกว่า ผู้อำนวยการศูนย์ฯ โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ ป.ป.ท.ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ที่ร่วมตรวจสอบข้อมูลกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จนได้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนถึงเส้นทางการทุจริต แม้จะมีการจ่ายเงินในรูปแบบของเงินสดก็ตาม
    "ขั้นตอนหลังพบหลักฐานที่โยงถึงตัวผู้ทุจริตในระดับสูงกว่าผู้อำนวยการศูนย์ฯ จะเอาผิดทางอาญาโดยการส่งสำนวนการตรวจสอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  หรือ ป.ป.ช.เพื่อไต่สวนต่อ เนื่องจากเกินอำนาจของ ป.ป.ท. รวมถึงการเสนอเรื่องให้ต้นสังกัดพิจารณาความผิดทางวินัยควบคู่ด้วย" พ.ท.กรทิพย์กล่าว
    เลขาฯ ป.ป.ท.กล่าวว่า นอกจากนี้ในวันที่ 3 เม.ย.จะมีการรายงานผลการตรวจสอบการทุจริตศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 37 แห่ง ซึ่งเป็นการตรวจสอบเร่งด่วนของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณเกิน 1 ล้านบาท 
    "ในส่วนการตรวจสอบทุจริตศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง นิคมสร้างตนเอง ศูนย์ประสานงานสหกรณ์ ภายใต้สังกัดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้" เลขาฯ ป.ป.ท.กล่าว
    ส่วนนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.ตนได้ลงนามสั่งพักราชการข้าราชการในสังกัด ให้ขาดจากเงินเดือนและสวัสดิการแล้ว 5 คน คือ ผอ.ศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น และหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการของศูนย์ฯ ขอนแก่น 2 คน ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.เชียงใหม่ 1 คน และศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.เชียงใหม่ 2 คน ทั้งนี้เป็นข้าราชการสังกัด พส. 3 คน และข้าราชการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง พม. 1 คน และข้าราชการสังกัดกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.)  1 คน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงเพิ่ม 9 แห่ง รวมทั้งอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงอีก 28 แห่ง
    วันเดียวกัน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตว่า ขณะนี้คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงที่มีนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธาน ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร แต่ตนยังไม่ปักใจเชื่อ จึงยังไม่เลิกละความพยายามที่จะให้สืบสวนต่อไป 
    "ภายในสัปดาห์นี้ถ้ามีพยานหลักฐานว่ามีมูลความผิด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่เหลือจะถูกย้ายออกจากตำแหน่งก่อน ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระบบราชการของ คสช. ขณะที่ผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการโกง แต่มีส่วนรับผิดชอบทางการเงินการคลังและปล่อยให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ถือว่ามีส่วนบกพร่องทางวินัย จะร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงขึ้นอยู่กับผลการสืบ โดยคณะกรรมการสืบฯ  จะสรุปผลการสืบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นก่อนสงกรานต์นี้ เพื่อนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยให้เสร็จสิ้นภายในเดือน เม.ย." นพ.ธีระเกียรติกล่าว
    ด้านนายอรรถพลกล่าวว่า ในวันที่ 5 เม.ย. คณะกรรมการสืบฯ จะเชิญนางรจนา สินที อดีตข้าราชการระดับ 8 ศธ.ซึ่งออกจากราชการไปแล้วมาให้ปากคำ เพราะพบประเด็นเพิ่มเติมจากการตรวจสอบตั้งแต่ตั้งกองทุน พบปี 2547 มีความผิดปกติ 1 รายการ แต่ปี 2548 ความผิดปกติเริ่มชัดและค่อนข้างเยอะ เพราะมีการโอนเงินเข้าบัญชีของนางรจนาเอง รวมทั้งยังมีการโอนให้นายตำรวจยศ ร.ต.ต. และยังโอนให้วัดและบุคคลที่มีคำนำหน้าว่านาย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะผิดวัตถุประสงค์ของกองทุน 
    "เฉพาะในปี 2548 มีการทุจริตจำนวนกว่า 2.9 ล้านบาท ส่วนยอดรวมอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่ปี  2547-2561 เป็นเงิน 110,343,227 บาท และมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นทั้งคนเสนอเรื่อง ผ่านเรื่อง อนุมัติ และสุดท้ายคือขั้นตอนการจ่าย ซึ่งนอกจากนางรจนาแล้วก็มี ผอ.สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ฝ่ายการเงินการคลัง รองปลัด ศธ. และปลัด ศธ. แต่ต้องดูว่าเกี่ยวข้องในฐานะใด และจะพิจารณามูลความผิดตามฐานที่กฎหมายกำหนดว่าใครทุจริต ใครประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สรุปว่าใครผิดใครถูกจนกว่าข้อมูลจะนิ่ง" ผู้ตรวจราชการ ศธ.ระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"