บันทึกหน้า4


เพิ่มเพื่อน    

สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ “โควิด-19” ยังเป็น “ทอล์กออฟเดอะเวิลด์” อยู่แบบไม่มีลดกระแสแต่ประการใด ซึ่งล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ทะลุไป 2 ล้านรายใน 210 ประเทศและดินแดนแล้ว ซึ่ง “ตำรวจโลก” อย่าง สหรัฐอเมริกาก็ครองแชมป์ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต แต่ที่น่าสนใจคือ “รัสเซีย” ที่มาแบบเงียบๆ ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มในระดับหลายพันในวันเดียว เรียกว่าแนวโน้มเริ่มจะเหมือนกับบรรดาชาติยุโรปเข้าไปทุกที...๐ ในขณะที่ประเทศไทยนั้น “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงมีผู้ป่วยรายใหม่ 30 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 2,643 ราย และเสียชีวิตสะสม 43 ราย ซึ่งแม้ตัวเลขจะคุมได้แบบไม่ก้าวกระโดดตามที่นักวิชาการซึ่งพยากรณ์ว่าอาจมีผู้ติดเชื้อถึงกว่า 3 แสนราย แต่ “หมอทวีศิลป์” ก็ได้ยกกราฟเปรียบเทียบผู้ป่วยในช่วงเดือน มี.ค.เทียบกับ เม.ย.ให้ได้ฉุกคิดกัน ที่บอกว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อในบ้านเพิ่มขึ้นจาก 8% มาเป็น 23% แม้จำนวนจะลดลง แต่ก็ต้องระมัดระวังการอยู่ร่วมกันให้มากขึ้น...๐ มีการแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจ เมื่อ “นพ.สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์” หรือหมอหนึ่ง ศัลยแพทย์ประจำรัตตินันท์คลินิก ได้ประเมินการระบาดในไทยว่า ที่มองว่าการติดเชื้อของไทยที่ต่ำจะเป็นแบบยืดเยื้อนานและไม่จบ รวมทั้งประเมินว่าจะมี การติดเชื้อระลอกใหม่อีกครั้งในช่วง ก.ย.-ต.ค. และอาจมีผู้ป่วยถึงระดับกว่าหมื่นคน!!! ที่สำคัญยังประเมินว่า “โควิด-19” จะกลายเป็นโรคหวัดตามฤดูกาลไปจนกว่าจะได้วัคซีนในปี 2565 ถึงจะกลับมาเป็นปกติ 100%...๐ ไม่ต่างจากผลการศึกษาจากการทำแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ประเมินเช่นกันว่า “โควิด-19” จะเป็นเหมือนไข้หวัดตามฤดูกาลที่มีอัตราการติดเชื้อสูงในช่วงฤดูหนาว รวมทั้งคาดการณ์ว่าโควิด-19 จะไม่หายไปหลังการระบาดระลอกแรก แต่จะเหมือนกับการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ที่ระบาดระหว่างปี 2545-2546 ในขณะที่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเอ็กซ์-มาร์แซย์ในฝรั่งเศสก็ระบุถึงความทนทายาดของ “ไวรัสโควิด-19” ยังสามารถแบ่งตัวเพื่อแพร่เชื้อระลอกใหม่ได้ หลังผ่านความร้อนสูง 60 องศาเซลเซียสนานถึง 1 ชั่วโมง!!! โดยต้องเพิ่มความร้อนที่อุณหภูมิเป็น 92 องศา หรือใกล้จุดเดือด 15 นาที จึงฆ่าไวรัสทั้งหมด จึงไม่แปลกที่ “WHO” จะระบุว่าโควิด-19 มีความรุนแรงกว่า “หวัดนก” ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว...๐ ยังคงมะงุมมะงาหราว่าด้วยเงินเยียวยา 5,000 บาทอยู่ และเริ่มกลายเป็นประเด็นมากขึ้นเรื่อยๆ หลังมีภาพประชาชนที่ผิดหวังบุกไปยังกระทรวงการคลัง เพราะล่าสุดดูเหมือนพลพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นต่างได้ทีเฮโลออกมาตำหนิติติงกันถ้วนหน้ากับระบบเอไอหรือระบบคัดกรองของรัฐ แหม! ก่อนหน้านี้ที่รัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแพลมเรื่องแจกเงิน 5,000 บาทแบบไม่มีข้อกำหนดประการใด กลุ่มคนเหล่านี้ก็ออกมาฉะแบบ “สาดเสียเทเสีย” ว่าคิดได้แต่แจก แต่ทำไมวันนี้กลับเปลี่ยนไปยิ่งกว่าหน้ามือเป็นหลังมือเสียเล่า…๐ เรื่องการคัดกรองที่มีปัญหานั้น “รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์” ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี โพสต์เฟซบุ๊กให้น่าคิดว่า ปัญหาอาจมีการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ หมดหรือไม่ แล้วที่สำคัญมีการอัพเดตและติดตามความเคลื่อนไหวหรือไม่อย่างไร เพราะได้ยกการทำงานพัฒนาระบบข้อมูลให้หลายหน่วยงานที่ผ่านมา ที่พบว่าเชื่อมโยงข้อมูลยาก การจะได้ข้อมูลที่สมบูรณ์จริงๆ ว่าทำได้ยากพอควร...๐ หันกลับมาดูเรื่องบ้านๆ และมีผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริงบ้าง ซึ่งก็คือการอาศัยระบบขนส่งสาธารณะของผู้หาเช้ากินค่ำและ มนุษย์เงินเดือนที่ยังโอดโอยเรื่องการ “รถคันสุดท้าย” ของรถเมล์กันจำนวนมาก ซึ่งไม่รู้ว่า “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม และ “ลุงตู่” จะสนใจไยดีชาวบ้านหรือไม่ เพราะการเคอร์ฟิว 4 ทุ่มนั้น บรรดาอู่รถเมล์สายต่างๆ ต่างคิดคำนวณไปถึงบรรดาพนักงานของ ขสมก.ในการเดินทางกลับเข้าไปด้วย ฉะนั้นเราจึงได้เห็นรถเมล์ที่ติดป้ายคันสุดท้ายในเวลา 19.00 น.บ้าง 19.30 น.บ้าง หรือ 20.00 น. ทั้งที่ความจริงควรจะทอดเวลามากกว่านั้น ไม่เช่นนั้นเชื่อว่าปัญหาการร้องเรียนจะมากขึ้นและจะขยายวงจากการบุกประท้วงที่กระทรวงการคลังไปที่กระทรวงคมนาคมนะจะบอกให้...๐ แล้วก็มีผู้คิดได้ เมื่อ “กลุ่มธุรกิจรายย่อย” เมืองโคราช วางหรีดดำไว้อาลัยธนาคารพาณิชย์ ในมาตรการช่วยเหลือธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งก็ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจแต่รวมถึงประชาชนผู้เป็นหนี้ว่าเป็นการหมกเม็ด เพราะพักชำระหนี้แบบซ้อนดอกเบี้ย ไม่จริงใจแก้ปัญหา ซึ่ง งานนี้ไม่รู้จะเข้าหู “วิรไท สันติประภพ” ผู้ว่าแบงก์ชาติและสมาคมธนาคารไทยหรือไม่ เพราะเป็นพวกลูกจ๊อกที่ ธปท.และแบงก์พาณิชย์ไม่แม้แต่จะเหลียวแลมาแต่ไหนแต่ไรแล้วจ้า...๐


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"