แฉโจรใต้แอบหลังไวรัส ข้ามแดนป่วนรอมฎอน


เพิ่มเพื่อน    


    คนไทยในต่างแดนลงทะเบียนกลับบ้านร่วม 2 พันคน เฉพาะด่านชายแดนภาคใต้ 1,604 ราย จากมาเลเซียเข้ามาแล้วล็อตแรกกว่า 200 คน หน่วยข่าวความมั่นคงพบมีคนไทยตั้งแก๊งป่วนขอเข้าแบบผิดกฎหมาย-ไม่ตรวจโควิด-19 แฉกลุ่มก่อความไม่สงบหวังสวมรอยเข้ามาก่อเหตุช่วงรอมฎอน 
    เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานข้อมูลลงทะเบียนของคนไทยที่จะเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 15-18 เม.ย. ในด่านชายแดนทั่วประเทศ จำนวน 1,984 คน โดยด่านชายแดนใต้จำนวน 1,604 คน ซึ่งเฉลี่ยแต่ละวันเดินทางผ่านเข้ามาประมาณ 200 คน ซึ่งสามารถรองรับได้ ส่วนผู้ที่จะบินกลับมาถือว่ามีน้อยมาก ส่วนสถานที่กักตัวในแต่ละพื้นที่ถือว่าเพียงพอกับคนที่จะเข้ามา หากพื้นที่เต็มก็จะขยับไปจังหวัดใกล้เคียง
    โฆษก ศบค.เผยว่า มีนักเรียนทุนเอเอฟเอส 2 เที่ยวบินเดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มแรกจำนวน 162 คน ลงที่สนามบินอู่ตะเภา เมื่อเวลา 11.15 น. และช่วงเวลา 21.45 น.ซึ่งเป็นเที่ยวสุดท้ายอีกจำนวน 132 คน จะลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยในการประชุมของ ศบค.วงเล็กในวันเดียวกันนี้ อยากฝากประชาชนที่อยู่รอบๆ สถานที่กักตัวคนไทยกลับจากต่างประเทศไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีการประกอบการทำงานจากหลายภาคส่วน ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร และสาธารณสุข และสถานที่ใช้กักตัวมีการประเมิน มีระบบดูแลให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ และตามกระบวนการทุกอย่าง 
    "มั่นใจได้ว่าสถานที่กักตัวทุกแห่งถูกประทับตราว่ามีคุณภาพเพียงพอ ท่านที่อาศัยอยู่รอบๆ ไม่ต้องกังวลว่าผู้ป่วยเมื่อไอหรือจามอากาศที่อยู่แถวนั้นจะลอยมาติด ไม่ต้องไปคิดขนาดนั้น เพราะระยะ 2 เมตรละอองฝอยก็ตกลงพื้นแล้ว และคนที่ถูกกักตัวไม่มีสิทธิ์จะออกมาข้างนอก รวมถึงการเก็บขยะและอาหารมีการจัดเก็บตามมาตรฐานสาธารณสุข"
     ถามต่อว่า คนไทยกักตัวที่บ้านรับรองสัตหีบครบกำหนด 14  วัน แต่พบว่ามี 4 คนมีไข้สูงมีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 แม้ว่าจะกักตัวไว้ 14 วันหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ชี้แจงว่า เราพยายามดูแลเอาช่วงเวลา 14 วันมาคัดกรอง เพื่อให้มั่นใจ และให้แต่ละคนได้ดูแลพื้นฟูร่างกาย ซึ่ง 4 คนดังกล่าวไม่ใช่ 4 คนแรกที่พบว่ามีไข้ ในช่วงจะครบ 14 วัน ก่อนหน้านี้มีกลุ่มแรงงานเดินทางกลับจากประเทศเกาหลี และกลุ่มคนไทยกลับจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ก็ถูกกักตัวครบ 14 วัน พบว่ามีไข้เช่นกัน จากนี้ 4 คนดังกล่าวเราก็จะนำไปเข้ารับการรักษาต่อไป ส่วนคนที่เหลือสามารถกลับบ้านได้ แต่ก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นเดียวกันถ้าไปในที่คนพลุกพล่านหรือไม่ใส่หน้ากากอนามัย 
    ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ดูแลสุขภาพคนไทยในต่างแดน กองทัพเรือ สวัสดิการอาคารรับรองกองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ส่งคนไทยในทวีปยุโรป 17 ประเทศ จำนวน 280 ชีวิต ที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ควบคุมเฝ้าดูอาการ ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากต่างแดนเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 เม.ย.63 คืนสู่ภูมิลำเนาเกิด โดยมีการจัดรถบัส 13 คัน และรถตู้ 2 คัน ในการเดินทาง ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ ของกองทัพเรือและสาธารณสุข ได้มาร่วมส่งพร้อมอวยพรให้ทุกคนเดินทางกลับถึงที่หมายอย่างปลอดภัย 
ทะลักด่านชายแดนใต้
    อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือได้ขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นถึงความปลอดภัย เพราะคนไทยที่เดินทางกลับจากทวีปยุโรปไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อ แต่เป็นคนปกติทั่วไป ภายหลังจากนี้ทางศูนย์จะยังไม่มีการปิดตัว เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามคำสั่งการของรัฐบาล ในส่วนพื้นที่กักกัน หลังส่งตัวกลับทั้งหมดแล้ว จะสั่งการให้กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือเข้าดำเนินการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในทันที
    หลังจากประเทศมาเลเซียปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม- 28 เมษายน ส่งผลให้มีแรงงานไทยที่อยู่ประเทศมาเลเซียตกค้างเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 18 เมษายน เป็นวันแรกที่เปิดด่านรับคนไทยจากประเทศมาเลเซียที่กลับเข้าประเทศไทย ซึ่งเป็นแรงงานไทยที่ลงทะเบียนไว้กับสถานทูตมาเลเซียจะเดินทางเข้ามาล็อตแรก จำนวนทั้งสิ้น 262 คน ดังนี้ ด่านสะเดา จ.สงขลา 100 คน,  ด่านสุไหงโกล-ก จ.นราธิวาส  91 คน, ด่านเบตง จ.ยะลา 20 คน,  ด่านตำมะลัง (ด่านทางน้ำ) 16 คน, ด่านวังประจัน จ.สตูล 35 คน
    พ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผกก.ตม.จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า จะอนุญาตให้เฉพาะคนไทยกลับเข้าประเทศเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นคนที่ผ่านการลงทะเบียนเพื่อขอกลับไทยกับกระทรวงการต่างประเทศ และกลับเข้ามาได้วันละไม่เกิน 100 คนต่อช่องทาง ซึ่งทุกคนที่จะกลับเข้าประเทศต้องมีใบรับรองแพทย์ Fit to Travel และหนังสือรับรองจากสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ ที่มีการลงนามยินยอมให้กักตัว 14 วัน เพื่อสังเกตอาการในสถานที่ที่รัฐกำหนด 
    และเมื่อมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองบริเวณจุดผ่านแดน เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคจะคัดกรองโดยตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หากไม่มีไข้ จะกำหนดจุดให้พักรอ เพื่อตรวจเอกสารการเข้าเมือง และถ้าผ่านจุดนี้แล้วจะมีเจ้าหน้าที่รับตัวไปขึ้นรถ เดินทางไปยังสถานที่กักตัวที่แต่ละจังหวัดกำหนดไว้
     ที่จังหวัดปัตตานี กลุ่มคนที่กลับจากประเทศมาเลเซียมาถึงแล้ว ผ่านด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่จังหวัดปัตตานีเตรียมรถลำเลียงมาจนถึงจุดตรวจกลางของจังหวัดปัตตานี ที่สนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานี โดยมีทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เตรียมพร้อมคอยรับมือกลุ่มคนที่ทยอยกันมาอย่างต่อเนื่อง
    โดยจุดคัดกรองที่สนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานี จะคอยรับกลุ่มผู้คนที่เดินทางจากกลุ่มต่างๆ ที่ทางจังหวัดได้กำหนดไว้ และมีทีมเจ้าหน้าที่กว่า 40 ทีม ที่คอยสลับสับเปลี่ยนกันอยู่ตลอด ซึ่งเบื้องต้นกลุ่มที่เดินทางกลับจากมาเลเซียวันนี้ประมาณการไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 50 คน และตอนนี้ยังไม่พบคนที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อหรือผู้ที่มีไข้สูงแต่อย่างใด
ตั้งแก๊งขอเข้าผิดกฎหมาย
    ส่วนบรรยากาศที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ทันทีที่แรงงานไทยเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาในช่วงเช้า ได้มีมาตรการคัดกรองอย่างรัดกุมที่สุด โดยมี พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผวจ.สงขลา ไปดูแลทุกขั้นตอนการปฏิบัติ มีการฉีดยาฆ่าเชื้อทั้งร่างกายและกระเป๋าสัมภาระ การตรวจสอบรายชื่อว่าตรงกับลงทะเบียนไว้หรือไม่ จุดพักรอเพื่อให้อุณหภูมิร่างกายปรกติ จุดวัดไข้ 
    จากนั้นจึงค่อยเข้าสู่กระบวนการตรวจหนังสือเดินทางและคัดแยกภูมิลำเนา และหากรายใดมีไข้สูงกว่า 37.3 องศา จะต้องถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสะเดาและโรงพยาบาลปาดังเบซาร์เพื่อเพาะเชื้อว่าป่วยโควิด-19 หรือไม่
    ส่วนผู้ที่อาการปรกติก็จะนำเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน ตามภูมิลำเนาของแต่ละคน ทั้งสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนจังหวัดอื่นๆ ได้เตรียมสถานที่กักตัวไว้ที่โรงแรมสาธิตแกรนด์วิว และโรงแรมเอ็มโซโฮ ชายแดนไทย-มาเลเซีย
    โดยในส่วนของด่านพรมแดนสะเดา มีคนไทยที่ได้ลงทะเบียนไว้กับสถานกงสุลไทยในมาเลเซียเดินทางเข้ามาประมาณ 1,500 คน
    หน่วยข่าวความมั่นคงได้รายงานถึง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าว่า มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนไทย-มุสลิมจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย และต้องการที่จะเดินทางกลับประเทศ ไม่ให้ทำตามกฎระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ และกรมควบคุมโรคติดต่อ ขอเดินทางกลับโดยไม่ได้รับการตรวจและขอใบรับรองแพทย์ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมงจากโรงพยาบาลมาเลเซีย โดยอ้างว่าไม่มีเงินจ่ายค่าตรวจโรค 30 ริงกิต คิดเป็นเงินไทย 210 บาท และไม่สามารถเดินทางไปยัง รพ.ได้ เพราะค่าเช่ารถแพง ไม่มีรถโดยสารสาธารณะบริการ เพราะมาเลเซียปิดประเทศ และมีการเตรียมแรงงานจำนวน 300 คน เพื่อเดินทางเข้าประเทศ โดยที่ไม่มีใบรับรองแพทย์ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเป็น ส่วนหน้าในการกดดันเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหากได้รับการยกเว้น คนอีกหลายพันคนที่จะเดินทางกลับมาก็ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์
    กลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการให้แรงงานไทยเรียกร้องขอยกเว้น ได้อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 72 ว่ารัฐจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด จึงไม่ควรที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับแรงงาน ที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเดือดร้อนอย่างมากในความเป็นอยู่ ตั้งแต่มาเลเซียปิดประเทศเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา
ผู้ก่อความไม่สงบสวมรอย
    นายมงคล สินสมบูรณ์ กงสุลใหญ่เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน มาเลเซีย กล่าวว่า รับทราบข่าวว่าจะมีการขอยกเว้น การตรวจโรคโดยอ้างเรื่องเงินและความไม่สะดวก ซึ่งทางเอกอัครราชทูตไทย กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย รับทราบแล้วเช่นกัน แต่คงจะกลับเข้าประเทศโดยไม่มีการตรวจโรคไม่ได้ เพราะเป็นกฎกติกา
    ในขณะที่เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางการสื่อสารกับแรงงานไทยในมาเลเซียเป็นภาษาไทยและมลายูให้ทราบว่าทางสถานทูตมีความพร้อมในการส่งสิ่งของจำเป็นและถุงยังชีพให้กับคนไทยที่อยู่ในมาเลเซียอย่างทั่วถึง ในกรณีที่ไม่กลับประเทศไทยก็ให้ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับสิ่งของช่วยเหลือเพื่อการอยู่ในประเทศมาเลเซียได้ ที่สถานทูตไทยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และสถานกงสุลปีนัง สถานกงสุลโกตาบารู 
    ทั้งนี้ สิ่งที่หน่วยข่าวความมั่นคงเป็นห่วงคือการลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติด้าน จ.นราธิวาส ซึ่งมีข่าวว่านอกจากเป็นแรงงานในพื้นที่ซึ่งรู้จักช่องทางเข้า-ออกได้ดีแล้ว ยังมีแนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดนอีกจำนวนหนึ่งที่เตรียมเดินทางเข้ามายังพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอในช่วงของเดือนรอมฎอน ที่จะมาถึงในปลายเดือนเมษายน เพื่อเตรียมการก่อการร้าย เพราะในทุกปีของเดือนรอมฎอนจะมีการก่อการร้ายมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการ ปลุกระดมว่า การฆ่าศัตรูในเดือนรอมฎอนจะได้บุญกว่าในเดือนธรรมดาถึง 10 เท่า ถึงแม้ว่าจะมีกำลังทหารเฝ้าระวังแนวชายแดนอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด เพราะคนพวกนี้ชำนาญพื้นที่ และชายแดน จ.นราธิวาสมีความยาวมากทั้งทางน้ำ และทางบก
    พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (โฆษก กห.) เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับ หน่วยขึ้นตรง กห.และเหล่าทัพ ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อรับทราบการบริหารจัดการมาตรการกักตัวควบคุมโรคของรัฐ ( State Quarantine) ในการต้อนรับดูแลคนไทยจากต่างประเทศที่เดินทางกลับอย่างต่อเนื่อง
    ภาพรวมปัจจุบัน มีคนไทยที่ทยอยเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยสายการบินต่างๆ ผ่านเข้าสู่กระบวนการคัดกรองและยังคงพักอยู่ในความดูแลของรัฐตามมาตรการควบคุมโรค ณ อาคารรับรองทหาร และโรงแรมต่างๆ ที่กำหนด จำนวน 1,320 คน โดยครบกำหนดส่งกลับบ้านวันนี้จำนวน 431 คน ขณะเดียวกัน คนไทยในสหรัฐและนักเรียนไทยโครงการ AFS ได้เริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าไทยตั้งแต่ 17-19 เม.ย.63 จำนวนกว่า 400 ชีวิต ใน 3 เที่ยวบิน โดยทั้งหมดจะผ่านกระบวนคัดกรองและเข้าสู่มาตรการควบคุมโรคของรัฐที่กำหนด โดย 2 เที่ยวบินแรก จำนวน 254 คน เดินทางลง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เข้าพัก ณ รร.รามาดา (รัชดาภิเษก กทม.) สำหรับเที่ยวบินที่ 3 จำนวน 163 คน ลงสนามบินอู่ตะเภา เข้าพัก ณ รร.แอมบาสซาเดอร์จอมเทียน
ชายแดนลาวทยอยกลับ
    พร้อมกันในวันนี้ พื้นที่ภาคใต้ได้เปิดด่านชายแดนจำนวน 5 ด่าน อำนวยความสะดวกต้อนรับคนไทยในมาเลเซียที่แจ้งความประสงค์ผ่าน กต. และเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าประเทศไทยแล้ว จำนวน 262 คน ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ได้เข้าไปอำนวยการและสนับสนุนกระบวนการคัดกรอง และส่งต่อเข้าสู่มาตรการควบคุมโรคของรัฐ ที่แต่ละจังหวัดดำเนินการภายใต้การดูแลของสาธารณสุข ( Local Quarantine) โดยในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
    และย้ำว่า การปฏิบัติตามกระบวนการควบคุมโรคแห่งรัฐเป็นความร่วมมือกันของหลายหน่วยงาน ทั้ง สธ., กต., กห., มท., คค.,  ตร. และ กทม. รวมทั้งภาคเอกชน จึงขอให้ทุกเหล่าทัพดำรงการสนับสนุนและทำงานร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับทุกหน่วยงานอย่างเข้มข้นต่อเนื่องกันไป พร้อมทั้งขอให้ประสานเตรียมความพร้อมสถานที่ควบคุมโรคแห่งรัฐและระบบบริหารจัดการให้มีคุณภาพและปริมาณเพียงพอ รองรับคนไทยจากต่างประเทศที่ประสงค์จะเดินทางกลับเข้ามาอีกจำนวนมาก
    ทั้งนี้ ขอให้ประสาน สธ.เพื่อรับมอบห้องผู้ป่วยแรงดันต่ำที่ร่วมกันผลิตแล้วเสร็จ จำนวน 44 ห้อง นำลงไปกระจายติดตั้งตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อการควบคุมโรคและช่วยเหลือชีวิตพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จชต.ที่มีอัตราการติดเชื้อจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ขอให้ประสานกับ พณ.อย่างใกล้ชิด ช่วยสนับสนุนยานพาหนะขนส่งผลไม้ตามฤดูกาลในพื้นที่ จชต. กระจายสู่ท้องตลาด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ 
    ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย มีเพียงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง, เจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ภายในด่านสะพานฯ เป็นปรกติ ซึ่งในวันที่ 18 เม.ย.  ได้รับการประสานงานจากทาง สปป.ลาว ว่าจะมีคนไทยประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยกว่า 40  คน 
    สำหรับคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร จาก สปป.ลาว ผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ล่าสุดข้อมูลในช่วงบ่ายของวันที่ 17 เม.ย.63  ที่แจ้งความประสงค์ไว้ล่าสุดมีทั้งหมด 40 คน โดยจะเดินทางเข้ามาในวันที่ 18 เมษายน 63 รวม 8 คน, วันที่ 19 เมษายน 63 จำนวน 9 คน, วันที่ 20 เมษายน 63 จำนวน 15 คน, วันที่ 21 เมษายน 63 จำนวน 4 คน, วันที่ 22 เมษายน 63 จำนวน 1 คน, วันที่ 25 เมษายน 63 จำนวน 1 คน และวันที่ 1 พฤษภาคม 63 จำนวน 2 คน
    จากกรณีได้มีผู้โดยสารคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.63 ถูกเจ้าหน้าที่นำขึ้นรถบัสมาส่งยังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การเฝ้าระวังคนไทยกรณี COVID-19 พื้นที่สัตหีบ กองทัพเรือ กิจการอาคารรับรองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และครบกำหนด 14 วันในการเฝ้าดูอาการไวรัสโควิด-19 ตามมาตรฐานสากลในการเฝ้าดูอาการ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"