'เด็กเพื่อไทย'อัด 4 เดือน 4 ความล้มเหลวรัฐบาลแก้วิกฤตโควิด


เพิ่มเพื่อน    

19 เม.ย.63-นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส แกนนำคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหากล่าวถึง ความผิดพลาด และล้มเหลวในการบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถอดรหัส 4 เดือน การแก้ปัญหาวิกฤตการระบาดโรคโควิด-19 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะสามารถมีมาตรการการป้องกัน และเยียวยา ที่มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วได้หรือไม่ ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่เฝ้ารอความหวัง (ถึงแม้จะคาดเดาผลลัพธ์ล่วงหน้า) จากการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งครั้งจะถือว่าเป็นบทพิสูจน์ภาวะผู้นำและฝีมืออย่างแท้จริง 

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมมีบทเรียนที่อยากจะเสนอแนะความคิดเห็นไว้ดังต่อไปนี้ 1. “ความล้มเหลวด้านบริหารวิกฤต” ด้วยความชะล่าใจ และไม่ได้เตรียมความพร้อมของภาครัฐ ส่งผลกระทบทางตรงสู่ประชาชนจำนวนมาก ทำให้ผู้คนตกงาน ไม่สามารถประกอบอาชีพทำมาหากินได้ปกติ โดยภาครัฐสามารถที่จะประเมินได้ล่วงหน้าเพื่อการเตรียมความพร้อม ทั้งจากตัวเลขผู้เข้ารับการตรวจ หรือจำนวนผู้ติดเชื้อประจำวัน รวมทั้งบทเรียนจากประเทศอื่นๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นจึงหมายความว่า รัฐบาลไม่ได้นำเอาข้อมูลต่างๆ มาเตรียมมาตรการป้องกัน และเยียวยาให้ทันท่วงที ตั้งแต่กรณีการรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น ไปจนถึงการล็อกดาวน์ประเทศโดยมิได้มีการประชาสัมพันธ์ที่เพียงพอ ส่งผลให้คนไทยจำนวนมาก ยังตกค้างอยู่ต่างประเทศ ที่สำคัญคือความล้มเหลวในการเตรียมหน้ากากอนามัยที่เพียงพอสำหรับบุคลากร ทางแพทย์ และประชาชน รวมถึงขาดมาตรการควบคุมไม่ให้สินค้ามีราคาแพง หรือการจัดเตรียมอุปกรณ์ชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิดที่เพียงพอ นี่เป้นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้นที่ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวที่เกิดขึ้น

2. “ความล้มเหลวด้านระบบ” ที่ชัดเจนมากที่สุดคือ การจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อคน ที่ภาครัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ประกอบอาชีพ ฐานภาษี และรายได้ ได้ทันที รวมทั้งผู้ที่มีประกันสังคม แต่ภาครัฐกลับเลือกวิธีให้ลงทะเบียนใหม่ ซึ่งเป็นความซ้ำซ้อน ขาดการบริหารจัดการข้อมูลที่ทางรัฐมีอยู่แล้ว

การให้ประชาชนลงทะเบียนใหม่ ก็มีปัญหา เพราะระบบการลงทะเบียน ล้มเหลวตั้งแต่วันแรกที่เปิดลงทะเบียน มาจนถึงวันนี้ที่ประชาชนควรได้รับเงินเยียวยาในกระเป๋าแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ยังมีประชาชนอีกจำนวนหลายล้านคน ที่ระบบแจ้งว่าข้อมูลผิดพลาด ทั้งเป็นเกษตรกร หรือไม่เข้าเกณฑ์อื่นๆ กว่าจะยื่นอุทธรณ์ และกว่าได้รับเงิน ประชาชนก็รอไม่ไหวแล้ว อดตายกันหมด จึงเห็นภาพการออกไปประท้วงที่กระทรวงการคลังแบบที่เกิดขึ้น 

3. “ความล้มเหลวด้านการสื่อสาร” ล้มเหลวตั้งแต่ตัวท่านนายกรัฐมนตรีเอง ที่ไม่อาจทำให้ประชาชนรู้สึกเชื่อมั่นได้ รวมถึงไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมการรับมือกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังจะประกาศ ส่งผลให้มีข่าวลือออกมามากมาย นำไปสู่ปรากฏการณ์ที่ผู้คนแห่ไปกักตุนสินค้าเป็นจำนวนมาก จนทำให้สินค้าไม่เพียงพอ และความล้มเหลวในการสื่อสารสร้างความเข้าใจต่อมาตรการการกักตัว ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในกรุงเทพฯ แห่กลับภูมิลำเนาของตน และเป็นที่มาของการกระจายเชื้อสู่จังหวัดต่างๆ กว่าจะมาแก้ก็สายเกินไป

4. “ความล้มเหลวด้านความเชื่อมั่น” จากความผิดพลาดของภาครัฐที่ผ่านมา ทั้งด้าน 1.)การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในขาลงต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนวิกฤตโควิด ส่งผลให้ภาคการส่งออกชะลอตัว 2.)ความผิดพลาดในการบริหารงบประมาณแผ่นดิน ทำให้งบขาดดุล และยังไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ออกนโยบายที่ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเรือดำน้ำ เป็นต้น สู่ การล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิดในวันนี้ ส่งผลกระทบทางตรงต่อประชาชน และนักลงทุน ว่ารัฐบาลนี้จะพาประเทศไปต่อได้หรือไม่ 

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องติเพื่อก่อ เป็นบทเรียนสำคัญในการทำงานในอนาคต เราทุกคนอยากมีอนาคตที่ดีกว่าเดิม อยากมีความหวัง อยากก้าวไปข้างหน้า และพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลอยู่แล้ว แต่รัฐบาลต้องใจกว้าง รับฟัง ไม่เห็นเสียงประชาชนเป็นปัญหา ถ้าท่านหาทางออกไม่ได้ ไร้ฝีมือ ก็ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องพิจารณาตัวเองออกไปจากปัญหาที่ท่านสร้างขึ้นมาเพิ่มเติมครับ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"