คำตอบ "ปิดต่อหรือเปิด"?


เพิ่มเพื่อน    

    ครับ......
    จากวันนี้ (๒๐ เม.ย.๖๓) ไปอีก ๑๐ วัน ถึง ๓๐ เมษา.
    ครบกำหนด
    ที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งใช้มาตั้งแต่ ๒๖ มีนา.
    ชาวบ้านร้านตลาด ห้างสรรพสินค้า เริ่มขยับตัว ยึดสัญญา สิ้นสุด ๓๐ เมษา.กันแล้ว
    รุ่งขึ้น ๑ พฤษภา.ยกเลิก Lockdown!
    ในขณะที่รัฐบาล สองจิต-สองใจ ขยายต่ออีกซักเดือน เพื่อให้แน่ใจว่า "เอาอยู่" แล้วจริงๆ 
    กับคลายล็อก ให้เศรษฐกิจเดินได้ ไม่บีบรัดชีวิตปกติผู้คนยาวนานเกินไป จนเกิดปฏิกิริยาต้าน
    ถ้าถามผม ต้องการแบบไหน ก็อยากบอก เมื่อถึงจุดหนึ่ง บางครั้ง การเลือกอย่างใด-อย่างหนึ่ง ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง 
    เพราะโลกไม่ตัน ......
    ธรรมชาติจึงให้สติ-ปัญญากับมนุษย์ เพื่อใช้ค้นหา "ทางเลือก" ด้วยปัญญาประยุกต์ปัญหา
    อย่างการมาของ "โควิดล้างโลก" มันยังไม่มีสูตร-ทฤษฎีอะไรเพื่อใช้ปราบ นอกจากรอกันอย่างเดียวทั้งโลก 
    คือรอ "วัคซีน"!
    ในการรอที่ไร้จุด "สิ้นสุดการรอ" เหตุนั้น ทุกประเทศในโลก ไม่มีใครต้องคอยดูปลายเท้าใครในการก้าวเดิน
     ต้องพลิกแพลงสูตร-ทฤษฎี-วิธีการ "ของใคร-ของมัน" เอาทั้งประชาชน ทั้งเศรษฐกิจประเทศตัวเองให้รอด!
    การเอาทั้ง ๒ อย่างรอดพร้อมๆ กัน มันจะไหวหรือ?
    ไหว....
    ก็ไหวพริบ-ปฏิภาณของแต่ละผู้นำประเทศนั่นไง อย่างไทย ที่โควิดบุกมา ๓ เดือนเต็ม แต่ไม่สามารถทลายกำแพงกรุงรัตนโกสินทร์ได้
    ก็เพราะการพลิกแพลงด้วยไหวพริบปฏิภาณของผู้นำรัฐบาลที่ชื่อ "พลเอกประยุทธ์"
    สงครามโควิดเป็น "สงครามโรค"
    ขืนเอา "การทหาร-การเมือง" เป็นทัพหน้าออกรบ เสียเมืองให้มันแน่
    นายกฯ จึงพลิกแพลง......
    เชิญเหล่าขุนพลแพทย์ที่เร้นกายในแต่ละสำนักออกมา แต่งทัพ "แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์" เป็น "ทัพหลวง" เข้าปะทะ
    เสร็จเลย........
    โควิดเสร็จ ไม่ใช้ทัพหมอเสร็จ ล่าสุด เมื่อวาน (๑๙ เม.ย.) ในขณะทั้งโลกบานทะโรค ป่วยทะยานเข้าหลักล้านที่ ๓ ตายเข้าหลักแสนที่ ๒ 
    แต่ที่ไทยป่วย ๓๒ คน สะสมสามเดือนแค่ ๒,๗๖๕ คน ในจำนวนนี้ "รักษาหาย" กลับบ้านแล้ว ถึง ๑,๙๒๗ คน! 
    ถึงจุดนี้ จะไปทางไหนต่อ ระหว่าง "เซฟโรค-ไม่เซฟเศรษฐกิจ" หรือไป "ทางร่วม" เซฟทั้งโรค เซฟทั้งเศรษฐกิจ?
    นายกฯ เชิญ ๒๐ มหาเศรษฐีไทยผู้เป็นขุนพลเศรษฐกิจมาให้คำแนะนำวันนี้แล้วไง 
    เผลอๆ อาจถึงขั้นแต่ง "กองเรือสำเภา" เป็นทัพเศรษฐกิจเข้ารบกระหนาบสะสมเสบียงกรังไปพร้อมๆ กับทัพหลวงก็เป็นได้
    นี่เป็นตัวอย่าง เพื่อชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่เอาแต่จนจ่อ รอฟ้าดินบันดาล การพลิกแพลงกระบวนทัพให้สอดคล้องร่องคลื่น เรือ...คือประเทศ ไม่มีทางจม
    การไต่ยอดคลื่นเป็นศิลปะ ตะแคงข้างหลบหรือรอปะทะ โครมเดียว เรือจม 
    คลื่นมา พุ่งหัวเรือใส่ จมหายตามร่องคลื่น แต่ไม่ต้องตกใจ เมื่อเข้าร่องพักเดียวทะยาน "ตัดยอดคลื่น" ละลิ่ว แล่นฉิวไปรวย!
    ทั้งหมด "แพ้-ชนะ" อยู่ที่ข้อมูล
    จะปิดเมืองต่อหรือจะเปิดวันที่ ๑ พฤษภา. เราทั้งหลายตอบตัวเองได้ ถ้าศึกษาข้อมูล
    เอาคร่าวๆ อย่างนี้ละกัน ไทยเรามี ๗๖+๑ กทม.เป็น ๗๗ จังหวัด 
    เมื่อวาน (๑๙ เม.ย.) หมอทวีศิลป์ แจงตัวเลขบางตัว ประมาณนี้
    จังหวัดที่ "เคยมีผู้ป่วย" .........
    แต่ขณะนี้ไม่พบรายงานผู้ป่วยรายใหม่ ในช่วง ๑๔ วัน นับแต่ ๕-๑๘ เมษา. ๓๓ จังหวัด 
    ๑.เชียงราย ๒.เพชรบุรี ๓.เพชรบูรณ์ ๔.แพร่ ๕.แม่ฮ่องสอน ๖.กาญจนบุรี ๗.กาฬสินธุ์ ๘.จันทบุรี 
    ๙.นครนายก ๑๐.บุรีรัมย์ ๑๑.มหาสารคาม ๑๒.มุกดาหาร ๑๓.ยโสธร ๑๔.ร้อยเอ็ด ๑๕.ราชบุรี 
    ๑๖.ลพบุรี ๑๗.ลำพูน ๑๘.ศรีสะเกษ ๑๙.สมุทรสงคราม ๒๐.สระบุรี ๒๑.สุโขทัย ๒๒.หนองคาย 
    ๒๓.หนองบัวลำภู ๒๔.อำนาจเจริญ ๒๕.อุดรธานี ๒๖.อุตรดิตถ์ ๒๗.อุทัยธานี ๒๘.ระยอง 
    ๒๙.ตาก ๓๐.ประจวบคีรีขันธ์ ๓๑.พระนครศรีอยุธยา ๓๒.สกลนคร และ ๓๓.สุรินทร์
    และอีก ๙ จังหวัด นับแต่โควิดระบาด ไม่มีคนป่วยเลย
    ๑.กำแพงเพชร ๒.ชัยนาท ๓.ตราด ๔.น่าน ๕.บึงกาฬ ๖.พิจิตร ๗.ระนอง ๘.สิงห์บุรี และ ๙.อ่างทอง
    เห็นอย่างนี้ บอกได้เลย.........
    ค่อนประเทศ ไม่จำเป็นต้อง Lockdown ที่เหลืออีกเกือบครึ่ง เลือกเป็นรายพื้นที่-รายกิจการ บางกิจการ ยังจำเป็นต้องปิดต่อ
    สรุป ควรผ่อนคลายให้เข้าสู่ภาวะ New Moral คือทุกคน-ทุกฝ่าย ต้องปรับตัว-ปรับวิถีให้เข้าสถานการณ์ใหม่    
    ทั้งกิจการร้านค้า-ห้าง-ประชาชน ต้องเคร่งวินัย ถ้าหย่อนยาน ส่อว่าเสี่ยง ต้องใช้มาตรการบังคับตามเดิม
    แต่เท่าที่สังเกต คนไทย "ปรับตัวเก่ง" ไม่ใช่คนดื้อรั้น อวดเก่ง ท้าทาย ลักษณะถ่อยเถื่อนอนารยะ จะมีก็เฉพาะ "บางพวก-บางกลุ่ม" เท่านั้น
    สรุป.......
    รอนายกฯ ฟังข้อมูลจาก ๒๕ มหาเศรษฐีก่อน นำเข้าสมการแล้วออกมาเป็นแบบไหน นายกฯ คงบอกเร็วๆ นี้
    คุยเครียดกันหลายวัน คลายด้วย "นิทานโซเชียล" ซักนิดเป็นไง ลอกเขามา คงอ่านกันแล้วด้วยซ้ำ
    ..............................
    Saharat Siriarchawattana
    "ลองทายดูซิ รู้ได้งัย"
    เช้าวันหนึ่ง ชาวนาชื่อ "ซิด" กำลังพาฝูงปศุสัตว์ ออกตระเวนไปตามทุ่งกว้าง ในยอร์กเชียร์เหนือ 
    แล้วเขาก็เห็น BMW รุ่นใหม่ล่าสุดคันหนึ่ง แหวกม่านฝุ่นวิ่งตรงมายังเขา หนุ่มคนขับในชุดสูท Brioni รองเท้า Gucci แว่นตา Ray Ban ผูกไท YSL 
    ชะโงกหน้าออกมาจากรถ ด้วยมาดพระเอก แล้วถามซิดว่า
    "ถ้าผมสามารถบอกจำนวนวัวและลูกวัวทั้งฝูงได้ถูกต้อง..น้าจะยอมให้ลูกวัวผมหนึ่งตัวไหม?"
    ซิดพินิจหนุ่มยัปปี้นั้นครู่หนึ่ง 
    แล้วหันไปมองฝูงปศุสัตว์ของเขา ที่กำลังและเล็มหญ้า อย่างสงบสุข แล้วก็ตอบออกไปเรียบๆ ว่า
    "ทำไมจะไม่ได้ ถ้าทำได้จริงก็เอาไปเลย"
    ยัปปี้หนุ่มยิ้มกระหยิ่มใจ จอดรถเข้าร่ม คว้าโน้ตบุ๊กของ Del ขึ้นมาเชื่อมต่อเข้ากับโทรศัพท์มือถือ RAZRV3 ของตน แล้วเปิดอินเทอร์เน็ต.....
    ต่อเข้ากับเว็บไซต์ของ NASA แล้วได้สัญญาณ ตรงไปยังดาวเทียม GPS ได้พิกัดแน่นอนของตนเอง ซึ่งเขาก็ส่งต่อไป ยังดาวเทียมอีกดวงหนึ่ง 
    ให้ถ่ายทอดพื้นโลกในพิกัดนี้ออกมา เป็นข้อมูลภาพถ่ายที่ละเอียดยิบ ส่งมายังคอมพ์ของเขาได้ในที่สุด
    เมื่อได้มาแล้ว หนุ่มสมองใสรายนี้ ก็ส่งข้อมูลภาพดิจิตอลนี้เข้าสู่ระบบจัดการภาพ Adobe ให้ส่งเป็นข้อมูลต่อไปยังบริการแปลงข้อมูลภาพดาวเทียม ที่ฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ในทันที 
    ภายในวินาทีเดียว Palm Pilot ของเขาก็รายงานว่า ภาพดิจิตอลได้ถูกจัดการเรียบร้อย พร้อมพิมพ์ได้แล้ว ดังข้อมูลที่ส่งมาด้วยแล้วนี้
    ยัปปี้ไฮเทคทำหน้าตาฉลาด ใช้การเชื่อมต่อกับ ODBC ด้วยอีเมลใน Blackberry ของตน กระโจนเข้าสู่ฐานข้อมูล MS-SQL ทันที 
    แล้วก็ได้รับบริการข้อมูล ตอบกลับมาในไม่กี่วินาที ด้วยข้อมูลนี้ เขาจัดการใช้เลเซอร์ปรินเตอร์ ชนิดพกพา พิมพ์ออกมาเป็นภาพสี คมชัด พร้อมทั้งรายงานการวิเคราะห์ข้อมูล อีกหนึ่งปึก
    ชายหนุ่มเดินตรงมา ยื่นเอกสารทั้งปวงให้ "ซิด" ยืนถูมืออย่างสะใจแล้วพูดว่า
    "นี่คือหลักฐานว่า.. น้ามีวัวและลูกวัวเป็นๆ อยู่ทั้งหมด ๑,๕๘๖ ตัว"
    "ถูกต้อง... ข้าว่า เอ็งคงได้ลูกวัวหนึ่งตัวแล้วล่ะ"
    ซิดตอบ...เขายืนมองชายหนุ่มเลือกเอาสัตว์ของเขาไปหนึ่งตัว แล้วมีสีหน้าเพลิดเพลินใจมาก เมื่อชายหนุ่มแบกมันกลับไปที่รถ
    "นี่ไอ้หลานชาย....... 
    ถ้าข้าบอกได้ว่า เอ็งทำงานอะไร เอ็งจะคืนลูกวัวให้ข้าไหม?" ซิดถาม
    หนุ่มหัวใสเลิกคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตอบว่า 
    "ทำไมจะไม่ได้ล่ะน้า"
    ซิดตอบกลับทันทีว่า "เอ็งต้องเป็น ส.ส.แน่ๆ เลย"
    "โอ๊ย....ถูกเผงเลย นี่น้าเดาออกได้ยังไงกันนี่" ไอ้หนุ่มโวยวาย
    "ไม่ต้องดงต้องเดาให้ลำบากเลย..ของมันชัดมาก
    ข้อแรก เอ็งชอบเสือก เสือกโผล่มานี่ โดยไม่มีใครเชื้อเชิญ,
    ข้อสอง...เอ็งจะเอาค่าตอบแทน จากการให้คำตอบที่ข้ารู้อยู่แล้ว สำหรับคำถามที่ข้าไม่ได้ถามเลย,
    ข้อสาม เอ็งขี้โอ่ เอ็งใช้เครื่องมือราคาเป็นล้าน เพื่อโชว์ว่าเอ็งเก่งกว่าข้า
    ท้ายสุด.....
    เอ็งชอบอ้างว่า เป็นตัวแทนผู้คน....แต่กลับโง่เง่า ไม่รู้เลยว่า ผู้คนเขาทำมาหากินกันอย่างไร ไม่รู้จักกระทั่งวัว เห็นฝูงแกะของข้า เอ็งกลับนึกว่าฝูงวัว
    และที่แบกมาไว้ในรถนั่น ก็ไม่ใช่ลูกวัวเชี่ยอะไรที่ไหน...
มาๆ ไอ้ ส.ส.เอ๊ย....เลิกทำหน้าตาฉลาด แล้ว..ส่งหมาของข้าคืนมาเดี๋ยวนี้"
55555..+++ เอิ้กก!!
Via:Ramet Tanawangsri


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"