ใกล้ 30 เม.ย.โจทย์ใหญ่'รัฐบาล' คลายล็อกเจ็บเพื่อจบอาจสูญเปล่า!


เพิ่มเพื่อน    

      เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคงที่ในระดับหลักสิบมาร่วมสองสัปดาห์ ขณะที่ผู้ติดเชื้อที่รักษาหายก็มากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อแล้วเสียชีวิตก็ยังไม่สูง

      อย่างตัวเลขล่าสุดของวันจันทร์ที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ตามข้อมูลของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พบว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 27 ราย ยอดสะสม 2,792 ราย โดยไม่มีผู้เสียชีวิต รวมเสียชีวิตสะสม 47 ราย หายแล้วรวม 1,999 ราย

      ผนวกกับ ปลายสัปดาห์หน้า 30 เม.ย. ก็สิ้นสุดระยะเวลาการ lockdown ตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่ให้มีการหยุด-งดเว้นการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายอย่าง เช่น การปิดศูนย์การค้า-การห้ามนั่งรับประทานอาหารภายในร้านทุกประเภท รวมถึงการเคอร์ฟิว เป็นต้น

      อันเป็นมาตรการยาแรงเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แต่อีกด้านหนึ่งก็อย่างที่เห็น ทำให้มีประชาชนจำนวนมาก ทุกระดับ เดือดร้อนกันหลายล้านคนเพราะว่างงาน ขาดรายได้ จนเกิดกระแสไม่กลัวตายเพราะโควิดแต่กลัวอดตาย!

      ปัจจัยข้างต้นที่สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทยเริ่มนิ่ง เลยเข้าล็อก ยิ่งทำให้กระแสเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และประธานศูนย์ ศปค. ของรัฐบาล ตัดสินใจคลายล็อก ผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเดินหน้าได้ อย่างน้อยทำให้คนได้กลับเข้าไปทำงาน หารายได้

      เรื่องดังกล่าวเชื่อได้ว่า ยิ่งใกล้ถึงวันที่ 30 เม.ย. กระแสกดดันรัฐบาลจะยิ่งมากขึ้น อันเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าจะคลายล็อกยังไง เพื่อให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจไม่หยุดนิ่งทั้งระบบ แต่หากคลาย lockdown ก็ต้องสามารถควบคุมการแพร่เชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ปลดล็อกแล้ว หลังจากนั้นไม่นานต้องกลับมาทบทวนมาตรการใหม่ แล้วกลับมาล็อกดาวน์อีกเพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งก็มีบทเรียนลักษณะข้างต้นให้เห็นกันแล้วในบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น

      โจทย์ใหญ่ข้อนี้ของ พลเอกประยุทธ์ คงสร้างความหนักใจให้กับนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่ม "บุคลากรทางการแพทย์" ที่หวั่นเกรงว่าหากคลายล็อกหลัง 30 เม.ย. แม้ทำแค่บางส่วน เช่น การให้ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดอีกครั้งแบบเต็มรูปแบบ ถึงต่อให้ยังคงเคอร์ฟิว ไม่ให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจตอนกลางคืน และปิดสถานที่เสี่ยงบางแห่งเช่นสนามมวยเอาไว้ แต่บุคลากรทางการแพทย์ก็อาจมองว่ายังวางใจไม่ได้ เพราะหากตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีก ทุกอย่างที่คนไทยทั่วประเทศ ทุกสาขาอาชีพ พร้อมใจกันยอมอดทน เสียสละ ยอมเจ็บเพื่อจบ กันมาร่วมสองเดือนจะสูญเปล่า หากตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้น บุคลากรทางการแพทย์ที่รับภาระหนักอยู่แล้วจะยิ่งรับไม่ไหว และพลอยจะเสียกำลังใจกันไปด้วย

      การตัดสินใจของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น เมื่อไปดูผลการประชุมบอร์ดในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เมื่อ 20 เม.ย. ที่พลเอกประยุทธ์นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม

      ข่าวบอกว่า ในวงประชุมมีช่วงหนึ่งได้มีการหารือเรื่องการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้ย้ำว่า การปลดล็อกจะต้องมีมาตรการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน รวมทั้งพิจารณามาตรการตรวจสอบ การคัดกรองให้เหมาะสม

      นอกจากนี้ นายกฯ แสดงความเป็นห่วงถึงผลกระทบและความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนโดยภาพรวม แต่เนื่องจากบางพื้นที่ยังมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนที่มากอยู่ จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขไปประเมินและหารือกับผู้ประกอบการและร้านค้าที่ได้รับผลกระทบในแต่ละพื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่ไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อ เพื่อพิจารณาผ่อนปรนมาตรการให้กับบางอาชีพ โดยย้ำว่าให้เป็นการผ่อนคลายทีละส่วนตามลำดับ เช่น พวกร้านค้าบางประเภทที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ที่มีความจำเป็น แต่ก็จะต้องมีมาตรการเข้มในการป้องกันการแพร่เชื้อ 

      ขณะเดียวกัน ข่าวบอกว่าสำหรับกรณีสถานบันเทิง ร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มแอลกฮอล์ พลเอกประยุทธ์ย้ำว่า จะต้องใช้มาตรการเข้มอยู่ต่อไป และยังคงมีมาตรการเคอร์ฟิวต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีการขยายเวลาประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต่อไปก่อน ซึ่งไม่น่าจะต่ำกว่า 1 เดือน

      อย่างไรก็ตาม ท่าทีทั้งหมดคงต้องรอการตัดสินใจและการประกาศอย่างเป็นทางการจากพลเอกประยุทธ์ ที่รัฐบาลต้องตัดสินใจและแจ้งต่อประชาชนก่อน 30 เม.ย.นี้ ขณะที่ก็มีข่าวว่ากิจการบางแห่ง ห้างสรรพสินค้าใหญ่บางราย ก็มีการแจ้งเป็นการภายในกับผู้เช่าพื้นที่ในห้างและพนักงานแล้วว่าให้เตรียมพร้อมกับการเปิดห้างอีกครั้ง 1 พ.ค.นี้

      ต้องดูกันว่า เมื่อมีการปลดล็อก หลัง lockdown กันมาร่วมเดือนกว่า สถานการณ์การแพร่เชื้อโควิดในประเทศไทยจะมีสภาพอย่างไร โดยหากตัวเลขกลับมาพุ่งขึ้นแบบพรวดพราด พลเอกประยุทธ์ก็คงต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปเต็มๆ!!!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"