"อะไรที่ไม่ทึ่ง...ก็ไม่ใช่ไทย"


เพิ่มเพื่อน    

           การที่ "ทอน ลูกแม่สมพร"

            เสียตำแหน่ง "นายกฯ โซเชียล" ให้ "เสี่ยโป้ อานนท์" ในรายการ "โม้แหลก-แจกหลอก" ที่ไลฟ์สดไปสัปดาห์ก่อน

                สร้างความเซ็งเป็ดให้แฟนๆ มุมส้ม-มุมแดงมาก!

                เพราะเป็นการแพ้หมดรูป-หมดราคา เมื่อพูดถึงไฟต์ล้างตา ทุกคนส่ายหน้า ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า

                หมามันก็ยังไม่แล!?

                ลิ่วล้อเริ่มมีปฏิกิริยา เมื่อเห็นลูกพี่เป็น "ไอ้เสือปืนฝืด" สมตามคำร่ำลือ เยี่ยมยุทธ์อย่างเดียวคือ ลูกกะล่อน

                จะยิงแต่ละที ยังต้องเรี่ยรายกระสุน แบบนี้ ไม่ไหวมั้งลูกพี่ เป็นเห็บเกาะหางต่อไป มีหวังผอมตายทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์

                ว่าแล้ว เมื่อวาน (๗ พ.ค.)

                พวกเห็บส้มกลุ่มหนึ่ง จึงด้านๆ ไป "ตีตั๋วเด็ก" ผสมโรงชาวบ้าน ขอเงินเยียวยาโควิดกะเขามั่ง ที่หน้ากระทรวงคลัง!

                แฮชแท็ก ก็ปั่นไม่ขึ้น

                ข่าวเป่าตูด ข่าวเฟก ยิงออกไปแต่ละชุด ก็ถูกชูตกลับมาหน้าตาแหก!

                เฮ้อ หมู่นี้ไม่รู้เป็นไง.....

                มวยค่าย "ส้ม-แดง" ขึ้นเวทีทีไร แพ้หมดรูป-หมดราคาทุกตัวทีนั้น ถูกน็อกคาเวทีมั่ง ถูกจับเป็นมวยย้อมแมวมั่ง ถูกโห่จนมุดหัวหนีไม่ทันมั่ง

                จะว่าไปแล้ว เวที "หน้ากระทรวงคลัง" นี่อาถรรพณ์ ใครมาดรามา เป็นถูกจับแก้ผ้าประจาน

                "ป้ามุด ๕๐๐ จ๊อบ"

                อุตส่าห์ปลอมชื่อ-ปลอมหน้า เป็นมวยหน้าใหม่ ใสซื่อขึ้นเวที ดรามาหน้ากล้องโทรทัศน์ "ชาวบ้านจะอดตายหมดแล้ว" คนดูกำลังจะอินอยู่เชียว

                ดันมีคนจำได้..........

                ขุดภาพเก่าสมัยเปิดอกโชว์แตงร้านยานโตงเตงเมื่อปี ๕๒-๕๓" ครั้งเผาบ้าน-เผาเมือง" มาเทียบ

                อ้าว...ป้ามุดเป็น "มวยย้อมแมว" มาแสดงละครหวังให้คนด่ารัฐบาลเป็นการดิสเครดิตกันนี่เอง

                "ป้ามุดเสียมวย...ป้ามุดเสียมวย" กระหึ่มไปหมด!

                ค่ายส้ม-แดงถือภาษิต "ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก" ไม่ละพยายาม เปลี่ยนหน้า ส่ง "ป้าทองสา" มาขึ้นเวทีมั่ง

                มวยค่ายนี้ ต้องชมว่าแต่ละตัว จี๊ด..จัดจ้านดีจริงๆ แม่นบทอีกตะหาก

                กล้องจับปั๊บ ป้าทองสาตีบทคนจนถูกรัฐบาลทิ้งกระจุย ทั้งน้ำหู น้ำตา น้ำมูก พรั่งพรู (กูจะอ้วก)

                ก็บอกแล้ว การทำงานของ "นิวนายกฯ" ยุค "นิว นอร์มอล" จะเหมือนเดิมไม่ได้

                ส่ง "หน่วยพิสูจน์สิทธิ์" ไปส่องกล้องตลบหลังถึงถิ่นร้านบ้านกำเนิดที่ต่างจังหวัดโน่นเลย

                ก็อย่างที่เห็นเป็นข่าวสาวไส้ป้าทองสาออกมาตามหน้าโซเชียลนั่นแหละ จนระดับป้าทองสา ที่โอยโอดจะอดตายอยู่แล้ว

                ไปพบว่า บ้านช่องห้องหอครอบครัวของป้า ขาดอย่างเดียว คือ "เพชร" ประดับฝาเท่านั้น

                โปรไฟล์ก็ย่อยซะที่ไหน เห็นภาพถ่ายกิจกรรมร่วมรุ่นกันแล้วกระมัง ค่ายเดียวกับ "ป้ามุด" นั่นเอง!

                สรุปแล้ว......

                มวยค่าย "แดง-ส้ม" เจอค่ายเขียว "ตู่ ศิษย์ป้อม" เข็มขัดแชมป์กระเด็นหมด ทั้งแชมป์ชาย-แชมป์หญิง

                ป้ามุด ถือว่าเหนียวสุด

                รักษาแชมป์ได้ยาวนานน้องๆ "เขาทราย แกแล็คซี่"

                ถ้ายิ่งลักษณ์ "หัวหน้าค่าย" ไม่มุดช่องทางธรรมชาติหนีซะก่อน ก็ไม่แน่ "แชมป์ตลอดกาล" จะเป็นของป้ามุดตลอดไป

                เพราะน้ำเลี้ยงดี........

                ลูกสะบัดแตงร้านยากจะมีใครทาบ เพราะป้าสะบัดได้สะท้านทรวงสุด!

                เฮฮาหน้าร้อนกันไปแล้ว ก็มาคุยที่เป็นเรื่อง-เป็นราวกันดีกว่า

                เรื่องโควิด เมื่อบ้านเรา "หลักเดียว" เหนียวเป็นสัปดาห์อย่างนี้ เท่าที่ฟังหางเสียงนายกฯ และโฆษกซินตึ๊ง สัปดาห์หน้า คือกลางๆ เดือนพฤษภา.

                บ้านเมืองน่าจะได้เปิด "เฟส ๒"!

                คืออะไรๆ ที่ยังปิดไว้ เช่น ห้างสรรพสินค้า ก็น่าจะถึงเวลาได้เปิด พาแฟนไปกินข้าว ก็ไม่ต้องแยกโต๊ะ แล้วไลน์กะหนุงกะหนิงกันอย่างตอนนี้

                คนไทยเรานี่ว่าไปแล้วน่ารักโคตรๆ ยามปกติ ดูเหมือนไปคนละทิศ-ละทาง พูดจาภาษามนุษย์ไม่เข้าใจกัน

                มองหน้าหน่อยเดียว ปร๊าดถึงตัว คว้าคอเขย่าถาม มองหน้าหาพ่องมึงเรอะ?

                หรือไม่ก็ "ข้องเหรอ?"

                แต่พอมีอะไรหรือใครมีปัญหาเกิดขึ้น กลับเฮช่วยกัน ร่วมอก-ร่วมใจ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว พร้อมเป็นตายด้วยกัน

                เออ...มันก็พิลึก

                ต่อให้โคตรนักวิจัยสังคมมนุษย์ มาวิจัยพฤติกรรมคนไทย จ้างมันก็สรุปออกมาเป็นสูตร เป็นตำราไม่ได้!

                อย่างกรณีโควิด พอบอกว่า โควิดจากจีนมาถึงไทย ทั้งโลกสดุดีเป็นเสียงเดียวกัน

                "เจ๊งแล้ว...ไทย"

                แล้วเป็นไง คนไทยที่พูดด้วยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง กลับเป็นชาติเดียวที่พูดกันรู้เรื่อง ที่สุด!

                ขอเพียงได้บ่นนิด-บ่นหน่อยบ้างเท่านั้น นอกนั้นรัฐบาลจะออกมาตรการอะไร บอกให้ทำแบบไหน

                คนไทยเป๊ะ...เป๊ะตามนั้น!

                คนไทยนี่ ขอให้พูดให้เข้าหู อย่าดูถูก-ดูแคลนกันเท่านั้น นอกนั้น ว่าไง รับได้หมด

                เห็นมั้ย จากให้ปิดบ้าน-ปิดเมือง ก็ยอมปิด จากปิด ให้เปิดแบบแง้มๆ เอ้า...แง้ม ก็แง้ม

                แง้มแล้วยังไม่ยอมให้ขายเหล้า ก็เกาหัว ขมิบก้น บ่นรัฐบาลกัน ก็แค่บ่น แต่ก็ยอมอดเหล้านอกพรรษาก๊งยาธาตุแก้ลงแดงกันตาย

                เนี่ย....

                ทีมอาจารย์แพทย์ โดย "คุณหมอปิยะสกล" แนะนำอย่างไร นายกฯ ในฐานะประธาน ศบค.ก็สั่งการอย่างนั้น

                เรียกว่าแย้มพระวิสูตรประเทศทีละสเต็ป ค่อยๆ..ค่อยๆ เพื่อให้มั่นใจว่าโควิดไปแล้วให้มันไปเลย

                ขืนเปิดประเทศพรวดพราด โควิดมันย้อนมา ก็จะเสียท่าเหมือน "ป้าทองสา" ถูกทีมพิสูจน์สิทธิ์ของ "พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ตลบหลังนั่นแหละ

                เรา "บ่นกันไป-ทนกันไป" มาได้ขนาดนี้แล้ว

                ทนอีกนิด...นี้ดดดดเดียวเท่านั้น พ่อทูนหัว

                ถึงมิถุนา.ผมว่าเราจะแฮปปี้ กระดี๊-กระด๊า ด้วยโควิดชิดซ้ายหายหน้าไปจากคนไทย

                ถ้าพวกเราตบะแตก เฮฮาปาร์ตี้เต็มสตรีมกันแต่เดี๋ยวนี้ เกิดพลาดท่า มันย้อนมาจ๊ะเอ๋ ต้องกลับไปนับ ๑ เข้าพรรษากันใหม่

                เจ็บใจน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก...

                เจ็บอาย ด้วย "เสียหน้าคนไทย" นี่ซี มันทนไม่ได้ ทั้งสิงคโปร์ ทั้งมาเลย์ ทั้งใคร-ต่อใครทั่วโลก เขาต้องหัวเราะเยาะ

                ไหนว่าเจ๋ง....

                แล้วก็ "เจ๊ง" ไม่เป็นท่า!

                แบบนี้ พวกเราเลือดไทย ทนไม่ได้-ยอมไม่ได้แน่ ฉะนั้น กัดฟันทน "เพื่อชาติ" กันซักอึดใจพระพุทธ ก็จะเรียบร้อย

                พูดแล้วนึกถึงหน้า "นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์" อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

                ผมชอบทรงผมท่านนะ

                ยิ่งแซมดอกเลา ยิ่งเท่ กระชากวัยเหมือนนักเรียนแพทย์ปี ๑ ปี ๒ หน้าตาเป็นเด็กน่ารัก

                ท่านพูดถึงการทดลอง "วัคซีนโควิด-๑๙" ของไทยวันก่อน แบบถ่อมตนในความยิ่งใหญ่ที่ใกล้สำเร็จ สไตล์คนไทยตอนนี้

                คือยอมหัวเราะทีหลัง เพื่อแลกชัวร์ ซึ่งมันจะดังกว่าแน่ ก็ลองอ่านดูนะ

                กรณีทดสอบวัคซีนของนักวิทยาศาสตร์ไทย ร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลจุฬาฯ, ศิริราชพยาบาล, รามาธิบดีและอื่นๆ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

            ทราบว่า มีข่าวดี.......

            โดยผลการทดลองวัคซีนของทีม "ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม" จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

            จากการพัฒนาวัคซีนต้นแบบที่เรียก DNA วัคซีน ที่ได้ทดสอบในสัตว์ทดลอง คือ หนู

            ด้วยวิธีฉีดวัคซีนต้นแบบเข้าไปในตัวหนู และเอาเลือดมาตรวจ เพื่อตรวจสอบ ว่ามีภูมิคุ้มกัน หรือเกิดแอนติบอดี้ขึ้นหรือไม่นั้น

            ผลทดสอบทางห้องปฏิบัติการของ "กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์" พบว่า

            หนูที่ได้รับการทดลองฉีดวัคซีนต้นแบบของทางจุฬาฯ ที่พัฒนาขึ้นมีการสร้างแอนติบอดี้ขึ้น ในระดับค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ

            หลังจากนี้จะมีการทดสอบวัคซีนดังกล่าวในหลายๆ รูปแบบทั้งในสัตว์ทดลองและเอาเลือดมาตรวจซ้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าเกิดแอนติบอดี้ที่มีประสิทธิภาพ และได้ขนาดรูปแบบที่เหมาะสม ในการใช้ในคนต่อไป

            “ถือว่าเป็นความสำเร็จก้าวเล็กๆ

            แม้ว่าความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีนตามขั้นตอนของไทยจะไม่ทันในหลายประเทศที่ได้มีการพัฒนาไปก่อนหน้านี้           

            แต่ก็หวังว่า การที่นักวิทยาศาสตร์ของไทยได้พยายามทดลองพัฒนาวัคซีนโควิด-19 จะได้ผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจในอนาคต”

            โอ้...แม่เจ้า พ่อเจ้า!

                ไม่เล็กหรอกครับท่านอธิบดี ลอง "กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์" พูดเต็มปากขนาดนี้

                ไม่เพียง "ประเทศไทย-คนไทย" มั่นใจรอด เพื่อนบ้านอาเซียนก็จะได้รอดไปด้วยกัน

                เบ่งกำลังใจไปช่วยกันลุ้นเน้อ...พวกเรา!.

               


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"