นักวิชาการมาตรา 1 ชี้เคอร์ฟิวบ้าบอไม่ได้ช่วยป้องกันโควิด แค่แสดงอำนาจบาตรใหญ่เหนือหัวประชาชน-จี้ยกเลิกได้แล้ว!


เพิ่มเพื่อน    

9 พ.ค. 63 - ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
#ยกเลิกเคอร์ฟิวได้แล้ว

ไม่ได้ออกนอกบ้านช่วงหัวค่ำมาเกือบ  2 เดือนแล้ว วันนี้ไปงานสวดศพพี่ดาตอร์ปิโด จึงมีโอกาสแวะย่านตลาดเย็นเพื่อกินข้าวและซื้ออาหาร ใกล้สองทุ่มตลาดเริ่มเงียบ พ่อค้าแม่ค้าแผงอาหารต่างๆ ทยอยเก็บของให้ทันเคอร์ฟิวสี่ทุ่ม ช่วงเวลาค้าขายทำมาหากินสั้นลงมากๆ กว่าจะตั้งร้าน กว่าเก็บร้าน ไม่ใช่เรื่องง่าย เราเองก็ต้องรีบเดินรีบซื้อ 

ทุกคนรู้ดีว่าเคอร์ฟิวบ้าบอนี่มันไมได้ช่วยป้องกันโควิด 19 อะไรหรอก มันไร้เหตุผลสิ้นดี และหน้าที่จริงๆ ของเคอร์ฟิวนี้ก็คือ การแสดงอำนาจบาตรใหญ่เหนือหัวประชาชนก็เท่านั้นเอง"

สำหรับ ผศ.ดร.ชลิตา เคยเป็นข่าวช่วงหนึ่งครั้งรณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 โดยร่วมเวทีเสวนากับพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเธอกล่าวช่วงหนึ่ง ว่า "... เช่น ประเทศไทยอาจจะไม่จำเป็นต้องมีรัฐเดี่ยวหรือแบบรวมศูนย์ ดิฉันหวังว่าในกระบวนการแก้ รธน.เราจะมีพื้นที่จะสามารถอภิปรายเรื่องนี้ได้ เราจะต้องทำให้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เราจะถกเถียงกันในมาตราต่างๆ ใน รธน.ที่เราจะแก้ไข (ปัญหาชายแดนใต้) ได้โดยตรง ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตราที่ 1 ด้วยก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอบคุณค่ะ"  คำกล่าวของเธอ มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมทั้งนำไปสู่การฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"