แค่ปรับ..แต่ไม่ได้เปลี่ยน


เพิ่มเพื่อน    

 

        ชีวิตดีๆ มีให้เห็นทุกวัน ถึงแม้ใครจะบ่นเบื่อบ่นเซ็งที่ต้องหยุดอยู่บ้าน เพื่อหยุดเชื้อช่วยชาติ ..ก็ตาม 

                ล่าสุดกับการเห็น "ตู้ปันสุข" กระจัดกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ก็เป็นสิ่งดีๆ ในชีวิตที่เราสามารถตักตวงมาเป็นแรงกายและใจบอกกับตัวเองว่า คนไทยไม่เคยที่จะทิ้งกันไม่ว่าจะในช่วงวิกฤติอะไรก็ตาม

                ส่วนคนที่มองอะไรก็ลบไปเสียทุกอย่าง จากวันแรกที่ปิดบ้านปิดเมืองล็อกดาวน์ แม้จนถึงวันนี้ที่สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายลงไปบ้างแล้ว ก็คงเหนือบ่ากว่าแรงที่เราจะไปคาดหวังให้เขาเปลี่ยนใจ

                แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนคนไม่ยอมปรับเปลี่ยนใจนั้นมีอยู่แค่หยิบมือเดียว ส่วนคนที่ร่วมมือร่วมใจพร้อมที่จะปรับและเปลี่ยนตัวเองเพื่อส่วนรวมนั้นมีมากกว่าแน่นอน มิเช่นนั้นชื่อเสียงในการ "เอาอยู่" ไวรัสไวร้ายโควิด-19 ของประเทศไทยคงไม่กว้างไกลไปทั่วโลก..จริงๆ นะ

                เราต้องยอมรับว่า ทุกช่วงหนึ่งของชีวิตที่เป็นเหตุการณ์เลวร้าย หรือมีเรื่องราวน่าสะเทือนใจผ่านเข้ามานั้น สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักเรียนรู้และยอมที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องปรับแบบจิ้งจกเปลี่ยนสี เพื่อความอยู่รอด แต่มันก็ใกล้เคียง มิเช่นนั้นเราก็คงอยู่ยากกับสถานการณ์ของโลกที่หมุนเปลี่ยนไม่เคยหยุดนิ่ง

                การปรับตัว ไม่ใช่การเปลี่ยนตัวเอง เพราะการปรับตัวคือทำตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์และสภาพแวดล้อม มันเป็นเรื่องชั่วครั้งชั่วคราว เข้าทำนอง เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม แต่ระหว่างการหลิ่วตา หรือปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้น หลักการ อุดมการณ์ ความคิด ของเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปด้วย มิเช่นนั้นเราก็จะไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง หรือหนักเข้าอาจจะไม่เหลือความเป็นมนุษย์ก็ได้

                ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อเราเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ไปอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ทางภาคเหนือ เราจะคาดหวังหรือเรียกร้องว่าชาวบ้านในหมู่บ้านที่เราไปเยือนต้องสวมหน้ากากอนามัยเหมือนคนกรุงเทพฯ นั้น มันก็ยากพอๆ กับเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะวิถีชีวิตของเขานั้นอยู่กลางแจ้ง กลางแดด ไม่ได้อุดอู้ในห้องแอร์อย่างเมืองกรุง อีกอย่างเขาต้องทำงานแบบหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน ใส่หน้ากากทำงานคงเป็นลมหมดแรงเสียก่อน

                แต่สิ่งที่เราจะปรับให้เขาคิดใหม่ทำใหม่ได้ นั่นคือการรู้จักสุขอนามัยในเรื่องการล้างมือทุกครั้งที่จะหยิบอาหารเข้าปาก และเวลากระแอมกระไอนั้น ก็ให้ปิดปาก

                การเจอกันตรงกลางเป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนเรานั้นจะใส่หน้ากากโชว์ให้เขาเห็นว่าเป็น New Normal ของชีวิตยุค 2020 ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครห้าม

                ฉะนั้น เวลาที่เห็นใครหงุดหงิด เมื่อพบคนมิได้สวมหน้ากากแล้ว ก็อย่าลืมกระตุกชายเสื้อให้หยุดคิดวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนคนนั้นไม่ดี ทำไม่ถูก แต่เราควรกลับมาจัดการกับตัวเองดีกว่า ด้วยการอยู่ให้ห่างจากคนที่เราคิดว่า เขาทำให้คนอื่นไม่ปลอดภัย เพราะตึงเกินไปใช้กับตัวเราได้ค่ะ แต่อย่าไปบังคับหรือกดดันว่าคนอื่นต้องตึงอย่างเรา..นะจ๊ะ.

                                                                                                                                  "ป้าเอง"

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"