ไมมี่ที่ยืน‘5ครูโฉด’ นายกฯลั่นละเมิดเด็ก-รับโทษเต็มรมว.ศธ.ชี้ส่อพ้นหน้าที่พ่อพิมพ์


เพิ่มเพื่อน    

  “นายกฯ” ลั่นครูล่วงละเมิดเด็กต้องลงโทษเต็มอำนาจตาม กม. บอกเป็นบุคลากรสำคัญต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี รมว.ศึกษาฯ ยอมรับไม่ได้ ฟันไม่เลี้ยง 5 ครูล่วงละเมิดเด็ก ชาวบ้านยืนยันจะส่งลูกหลานเข้าโรงเรียนเช่นเดิม วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าดูแล องค์กรเด็กร้อง รมว.ยธ.คุ้มครอง 2 เด็กหญิงและพยานเข้าสู่กระบวนการเยียวยา คุ้มครองพยาน

    เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านไลฟ์สดเพจเฟซบุ๊ก "ไทยคู่ฟ้า" โดยกล่าวถึงกรณีที่ครูหื่น 5 คนร่วมมือกับศิษย์เก่า 2 คนรุมข่มขืนเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 และ ม.4 พร้อมถ่ายคลิปข่มขู่ เหตุเกิดในโรงเรียนดงมอนวิทยาคม ตำบลดงมอน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร แต่กลับมีผู้ใหญ่ในพื้นที่ออกมาพยายามปกป้องครู และโทษเป็นความผิดนักเรียนแทน ว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต้องลงโทษเต็มอำนาจตามกฎหมาย ถ้ามีการกระทำความผิดและมีหลักฐานชัดเจน อย่างไรก็ตาม ครูถือเป็นบุคลากรสำคัญ ควรจะต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและสังคม
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพุธที่ 13 พ.ค.63 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหารเพื่อติดตามคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในเขตท้องที่ของ สภ.ผึ่งแดด อำเภอเมืองมุกดาหาร
    วันเดียวกัน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 โดยมี หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นผู้ดำเนินรายการ โดย รมว.ศึกษาธิการย้ำชัดว่า สำหรับครูทั้ง 5 คนนั้นได้มีการลงโทษให้ออกราชการแล้ว และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากสำนวนการสืบสวนปรากฏออกมาว่าผิดจริง ครูดังกล่าวจะไม่สามารถกลับมาประกอบอาชีพครูได้เลยเด็ดขาด และไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ เพราะทางกระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการศึกษาเป็นอย่างมาก หากประพฤติตนไม่ดีและไม่สามารถเป็นตัวอย่างให้กับนักเรียนได้ จะไม่มีที่ยืนให้กับคนผิด
    นายกรรชัยถามว่ามีกลุ่มคนอ้างตัวเป็นเพื่อนครูออกมาให้กำลังใจ โพสต์ตำหนิเด็กนักเรียนแล้วบอกว่าครูพวกนี้เป็นคนดี ทำไมทำแบบนี้ ครูต้องเป็นที่พึ่ง ท่านมองอย่างไร
    นายณัฏฐพลตอบว่า ผมเสียใจที่คุณครูคิดแบบนั้น จริยธรรมความเป็นครูต้องเป็นครูที่ดีทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน พฤติกรรมครูทั้ง 5 ท่านไม่เหมาะสมอย่างรุนแรง ได้ปฏิบัติตนนอกเวลาเรียน กระทรวงศึกษาธิการรับไม่ได้ ส่วนมาตรการป้องกันได้ตั้งศูนย์คุ้มครองช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่ประสบปัญหาโดนล่วงละเมิดทางเพศ ในอดีตอาจเป็นศูนย์เล็กๆ แต่วันนี้เราแยกมาชัดเจน ทำให้เรามีข้อมูลต่อเนื่อง
    "ผมหวังว่าศูนย์นี้จะห้ามปรามให้ผู้ตั้งใจทำความผิดมีความเกรงกลัว เพราะเราใช้กลไกของศูนย์ขับเคลื่อนกล่าวโทษแทนผู้เสียหาย ครอบครัวผู้เสียหายได้ ในอดีตอาจมีการเกรงกลัวอิทธิพล มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารในเขตพื้นที่ แต่ตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายชัดเจน เราจะยอมให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องความปลอดภัยในโรงเรียน ซึ่งเป็นเสมือนบ้านหลังที่สอง เป็นความมั่นใจให้ผู้ปกครอง ถ้ามาโรงเรียนแล้วความปลอดภัยไม่ได้ต่างจากบ้าน" รมว.ศึกษาธิการกล่าว
    ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตำบลดงมอน พบชาวบ้านดงมอน ตำบลดงมอน อำเภอเมืองมุกดาหาร ยืนยันว่าแม้โรงเรียนจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็จะไม่ให้ลูกย้ายโรงเรียนไปไหน เพราะโรงเรียนแห่งนี้มีการเรียนการสอนที่ดี ที่ผ่านมาก็มีศิษย์เก่าสอบได้เป็นครู เป็นหมอ มีหน้าที่การงานที่ดีก็ที่โรงเรียนนี้ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็แล้วแต่เรื่องของบุคคล ไม่เกี่ยวกับโรงเรียน
    ชาวบ้านดงมอนเล่าว่า ในส่วนที่อยากให้เร่งแก้ไขคือ อยากให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงมาแก้ไขกันอย่างจริงจัง ไม่เห็นด้วยกับการนัดส่งงานหลังเลิกเรียน ทำงานต่อที่โรงเรียนตอนเย็นหรือหลังเลิกเรียน เพราะที่ผ่านมาเคยไปตามลูกสาวให้กลับบ้าน รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมที่นัดนักเรียนไปส่งงานที่บ้านพักหลังเลิกเรียน อยากให้ออกข้อบังคับไปให้ชัดเจนเลยว่าเด็กต้องผมสั้น ห้ามแต่งหน้าจนเกินงาม เพราะอาจจะเป็นที่มาของคดีข่มขืนหรือเป็นที่ดึงดูดใจของครูก็ได้
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโรงเรียนที่เกิดปัญหาขึ้นเป็นโรงเรียนระดับตำบล มีนักเรียนประมาณกว่า 300 คน ครู 25 คนที่ผ่านมามีการเรียนการสอนที่ดี ชาวบ้านอยากให้กำลังใจคุณครูที่ทำงานดีอยู่แล้วทำงานต่อไป สร้างเยาวชนของชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วขอให้เป็นขั้นตอนของกฎหมาย
    ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก พร้อมด้วยนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และเครือข่ายปกป้องเด็กและเยาวชน ลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม กว่า 10 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงนำผู้เสียหายและครอบครัวเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ควบคู่กับการฟื้นฟูสภาพจิตใจ เสริมพลังเพื่อให้ผู้เสียหายมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และได้เข้าถึงการเยียวยาจากกองทุนยุติธรรม กรณีครูและรุ่นพี่รวม 7 คนข่มขืนนักเรียนหญิงที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร
    นายชูวิทย์กล่าวว่า กรณีเด็กถูกครู 5 คนและศิษย์เก่าอีก 2 คน ข่มขืนต่อเนื่องตั้งแต่มีนาคม 2562-มีนาคม 2563 โดยพบว่ามีการถ่ายคลิปไว้เพื่อแบล็กเมล์ข่มขู่ กรณีนี้ผู้เสียหายเป็นนักเรียนทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.ผึ่งแดด ทางศึกษาธิการจังหวัดมุกดาหารได้ให้ครูทั้ง 5 คนออกจากราชการไว้ก่อน และสั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้เข้ามอบตัวและรับการประกันตัวออกไป ทำให้น่าเป็นห่วงว่าผู้เสียหายและครอบครัวจะถูกข่มขู่ คุกคามเอาชีวิต หรือเสียหายต่อรูปคดี เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ก่อเหตุจำนวนมาก กระทำกันเป็นกระบวนการมายาวนานนับปี และอาจมีอิทธิพล มีอำนาจแฝงเข้ามาเกี่ยวข้อง
    “สิ่งที่น่าเศร้าใจอีกเรื่องคือ มุมมองความคิดของครูบางส่วนที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมุ่งไปทางกล่าวโทษให้ร้ายเด็ก ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ เป็นผู้เสียหาย และสื่อสารไปในทางปกป้องผู้ก่อเหตุ เสมือนหนึ่งว่าเรื่องแบบนี้ใครๆ ก็ผิดพลาดกันได้ ซึ่งถือเป็นตรรกวิบัติที่ไม่ควรเกิดขึ้นในคนที่มีวิชาชีพครู การให้โอกาส ให้ความรัก ความเมตตาลูกศิษย์ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ มิใช่การใช้อำนาจที่เหนือกว่าทั้งกายภาพและหน้าที่การงานมาเป็นโอกาสในการข่มขืน คุกคามทางเพศเช่นนี้ และครั้งนี้ทีมงานตั้งใจเข้าไปช่วยเหลือเด็กและครอบครัวผู้เสียหายอย่างเต็มที่ ในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจนสุดทาง” นายชูวิทย์กล่าว
    นางทิชากล่าวว่า จากประสบการณ์การเข้าไปมีส่วนร่วมทำงานในคดีเด็กและเยาวชน เช่น กรณีค้ามนุษย์ที่ผู้เสียหายเป็นเด็กในพื้นที่บ้านน้ำเพียงดิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมถึงกรณีเด็กหญิงถูกรุมโทรมจากผู้ชายหลายสิบคนนานนับปีในพื้นที่บ้านเกาะแรด จังหวัดพังงา เมื่อ 3 ปีก่อน ข้อค้นพบที่น่าจะเป็นประโยชน์และเป็นบทเรียนในการทำงาน จากความร่วมมือของหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน พบว่ายังมีช่องว่างบางประการที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการยุติธรรม และการคุ้มครองเด็กและเยาวชนผู้เสียหายและครอบครัว
    “เมื่อมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำนองเดียวกันอีกที่จังหวัดมุกดาหาร เครือข่ายจึงมีจุดยืนและข้อเสนอต่อกระทรวงยุติธรรมดังต่อไปนี้ 1.ขอสนับสนุนกระทรวงยุติธรรมให้เร่งรัดกระบวนการนำเด็กนักเรียนผู้เสียหายและครอบครัวเข้าสู่การคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยเร็วที่สุด รวมถึงการเร่งรัดมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาจากกองทุนยุติธรรมเป็นการด่วน
    2.นอกเหนือจากมิติด้านความปลอดภัยในกระบวนการคุ้มครองพยานแล้ว ข้อที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ การฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เสียหายและครอบครัว ยิ่งกรณีนี้มีการข่มขืนจากครูหลายคนมาอย่างยาวนาน นอกจากการมีและใช้อำนาจของครูในทางฉ้อฉลแล้ว ยังสะท้อนความหวาดกลัวและด้อยในการต่อรองของนักเรียนที่เป็นผู้เสียหายด้วย จำเป็นต้องมีการฟื้นฟู การเสริมพลังเพื่อให้ผู้เสียหายเห็นคุณค่าของตัวเองและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    3.ขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมเป็นแม่งานในการระดมสมองเพื่อหาทางออกจากเขาวงกตที่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ กับบุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรในส่วนราชการ โดยเชิญภาคประชาสังคมที่มีประสบการณ์ด้านนี้มาร่วมหาทางออกอย่างเป็นระบบ และ 4.ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารโดยไม่ละเมิดสิทธิเด็กและครอบครัวผู้เสียหาย ระมัดระวัง ไม่ตอกย้ำหรือกดทับสร้างบาดแผลทางจิตใจซ้ำเติมทั้งทางตรงและทางอ้อม” นางทิชากล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"