ตร.ขอ2วันหาข้อกม. เอาผิดมือยิงเลเซอร์


เพิ่มเพื่อน    

 อีก 2 วันรู้ยิงเลเซอร์ตามหาความจริงเหตุเผาบ้านเผาเมืองเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ "หมอวรงค์" แนะถ้าอยากรู้ความจริงให้ไปอ่านรายงาน คอป. เสื้อแดง-ชุดดำถล่มเมือง ลูกสาว เสธ.แดงยันพ่อเป็นทหารของประชาชนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย "จตุพร" ลั่นถ้ามีการชุมนุมเพราะประชาชนหิวโหยให้ตีขิมนั่งรอได้เลย รัฐบาลจะรู้นรกมีจริง "อดุลย์" กังวลซ้ำรอยพฤษภาทมิฬเพราะ "บิ๊กตู่" ไม่ต่างจาก "บิ๊กสุ" 

    เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบการยิงเลเซอร์ทำกิจกรรมตามหาความจริง ที่คณะก้าวหน้ายอมรับเป็นผู้ดำเนินการว่า เขายอมรับแล้ว ต้องดูอีกครั้งว่ามีใครบ้าง ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ และต้องดูว่าเข้ากฎหมายหรือเปล่า 
    เมื่อถามว่าพฤติกรรมดังกล่าวคล้ายๆ กับการเคลื่อนไหวในต่างประเทศ จะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่าอันนี้ไม่ทราบ ถามอีกว่าการออกมายอมรับของคณะก้าวหน้าจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่มากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่าไม่รู้ ต้องไปถามเขาดู
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะก้าวหน้าเตรียมจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ต่างๆ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในการดูแล เมื่อถามย้ำว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวจากนี้ฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลเข้มข้นหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่าเราดูแลตลอดอยู่แล้ว 
    สำหรับการกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายความผิดปลุกปั่นหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่ายังตอบไม่ได้ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กฎหมาย และไม่รู้จะเข้าข่ายปลุกปั่นหรือไม่ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการกันอยู่แล้ว เชื่อว่าความวุ่นวายทางการเมืองจะไม่กลับมาอีก
    พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ไปพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ในฐานความผิดใด ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีฝ่ายกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
    ส่วนจะมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ออกมาประกาศตัวว่าเป็นผู้กระทำหรือไม่นั้น รายละเอียดทั้งหมดได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
    ผู้สื่อข่าวถามว่า พฤติกรรมเบื้องต้นเข้าฐานความผิดยุยงปลุกปั่นหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ รอง ผบ.ตร.ย้ำว่า เรื่องทั้งหมดมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณา
    ด้านพลตำรวจโทภัคพงศ์เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนพิสูจน์ทราบว่าจะเข้าความผิดข้อหาใด และกลุ่มคนใดเป็นผู้สนับสนุนหรือเป็นผู้ดำเนินการในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการในระดับ  สน.พื้นที่ ที่มีทีมกฎหมายพิจารณาความผิดตามแต่ละสถานที่ ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
    เบื้องต้นคาดว่าประมาณ 1-2 วันน่าจะมีความชัดเจนในประเด็นว่าผิดหรือไม่ ความผิดข้อหาใด แต่อยากขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่า ในสถานการณ์แบบนี้การกระทำใดที่จะมีประโยชน์ต่อภาพรวมมากกว่าออกมาสร้างความเข้าใจผิดๆ เพราะในประเด็นที่มีการยกมาพูดถึงยังอยู่ในขั้นตอนของกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการอยู่ ซึ่งหากมีผู้ใดเกิดความสงสัยก็สามารถสอบถามไปยังหน่วยงานดังกล่าวได้
    "ขณะนี้อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ควรที่จะมาร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหานี้เสียก่อนจะกระทำการสิ่งเหล่านี้" ผบช.น.กล่าว 
    พลตำรวจตรีสมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น.เผยว่า การแสดงออกทางการเมืองนั้น ตำรวจมีหน้าที่ตรวจสอบว่าการกระทำเหล่านั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ โดยผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้แต่ละ สน.พื้นที่เกิดเหตุ แต่ละ บก.ทำรายงานสรุปมาเพื่อทำการตรวจสอบ
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ความจริงที่คณะก้าวไกลต้องการตามหา โดยเฉพาะเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในปี 2553 สามารถหาอ่านฉบับเต็มจากรายงานของ คอป. เช่น การปราศรัยมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ชี้นำ หรือส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรง เช่น "พี่น้องไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า  บรรจุให้ได้ 75 ซีซี ถึง 1 ลิตร รับรองว่า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน", "เผาไปเลยพี่น้องผมรับผิดชอบเอง" นอกจากนี้การชุมนุมไม่ได้เป็นการชุมนุมอย่างสงบ แต่มีกองกำลังชุดดำติดอาวุธ
    ทราบหรือไม่ว่าการชุมนุมของ กปปส. ศูนย์เอราวัณได้สรุปยอดรวมผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมือง มีทั้งสิ้นถึง 807 ราย บาดเจ็บ 782 ราย และเสียชีวิต 25 ราย แต่ไม่เคยมีแกนนำรายใดเอาผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตมาปลุกระดมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเลย
    นพ.วรงค์ระบุว่า คณะก้าวไกลควรหยุดหลอกตัวเอง หยุดค้าความขัดแย้ง หยุดเคียดแค้น หยุดจมปลักกับอดีต หยุดความคิดที่จะให้วิถีไทยต้องไปตามตะวันตก หยุดการปลุกระดม เพราะทุกครั้งเมื่อมีการชุมนุม ไม่ว่าฝ่ายใด คนที่สูญเสียและเป็นเหยื่อมากที่สุดไม่ใช่แกนนำ แต่เป็นประชาชน
    นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ข้อความที่ยิงเลเซอร์มีส่วนไหนที่ไปสร้างความเสียหายต่อตัวอาคารและสถานที่หรือไม่ เป็นการสร้างความแตกแยกและกระทบอะไรกับความมั่นคงของชาติ หากว่ากันตามกฎหมายไม่มีข้อหาใดที่จะมาดำเนินคดีได้ สงสัยว่าการออกมาแบบนี้ของฝ่ายความมั่นคงเหมือนเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพและข่มขู่ประชาชนหรือไม่ เพราะข้อความนั้นไม่ได้มีอะไรที่กระทบกับคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ หากจะกระทบคงเป็นกลุ่มบุคคลที่กระทำการในเหตุการณ์นั้น ส่วนตนคิดว่าข้อความที่ยิงเลเซอร์คือการอยากค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเดือน  พฤษภาคม 2553 ฝ่ายความมั่นคงอย่าไปกังวลกับเรื่องนี้มากเกินไป 
    นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงว่าพรรคก้าวไกลเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และถูกคณะก้าวหน้าครอบงำ ขอย้ำอีกครั้งว่า ส.ส.ของพรรคก้าวไกลและสมาชิกของคณะก้าวหน้า คืออดีตสมาชิกของพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปแล้ว ไม่แปลกที่เราจะมีความเห็นที่ตรงกัน ยืนยันว่าเราไม่ได้ถูกนายธนาธรและคณะก้าวหน้าครอบงำ แต่อุดมการณ์และแนวทางการทำงานของเราตรงกัน เพราะเรามาจากอดีตอนาคตใหม่เหมือนกัน
    นางสาวขัตติยา สวัสดิผล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รำลึกครบรอบ  10 ปี การจากไปของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่า  "ขอเล่าถึงทหารผู้หนึ่งที่ชื่อ เสธ.แดง โดย เสธ.แดงที่กำลังจะเล่าถึงนี้ ไม่ใช่คนที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในปัจจุบัน แต่เป็นทหารไทยที่อยู่ข้างประชาธิปไตย ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
    วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 ขณะที่ เสธ.แดงกำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม เสธ.แดงถูกยิงด้วยกระสุนจากพลซุ่มยิงมุมสูงเข้าที่ศีรษะ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
     เสธ.แดง พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล คุณพ่อของเดียร์ ได้อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนเพื่อรักษาประชาธิปไตยจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต 10 ปีผ่านไป คดีของคุณพ่อไม่มีความคืบหน้า 10 ปีผ่านไป  ผู้มีอำนาจก็ยังใช้อำนาจของตนเพื่อปกป้องพวกพ้องและรักษาอำนาจของตัวเองไว้โดยไม่สนหัวประชาชนอยู่เหมือนเดิม และยังไม่เห็นมีนายทหารคนไหนกล้าทำอย่างคุณพ่ออีกเลย วันนี้คุณพ่อก็ได้ชื่อว่าเป็น 'ทหารของประชาชน' ทหารที่ได้ทั้งความรัก ความศรัทธา และความเคารพจากประชาชน แค่นี้ก็ทำให้ลูกสาวอย่างหนูภาคภูมิใจเป็นที่สุดแล้ว คิดถึงคุณพ่อทุกวัน"
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า  ทุกประวัติศาสตร์การเมืองไทยโดยเฉพาะเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และพฤษภาคม 2553 การชุมนุมไม่ได้เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่ถ้าในอนาคตการชุมนุมเกิดจากความหิวโหยแล้ว ใครจะไปฟังใครได้  หากประเมินสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่ำกว่าความเป็นจริง จะได้รู้ว่านรกมีจริง ก็ขอให้ตีขิมนั่งรอได้เลย
    "เราไม่ได้รำลึกด้วยความอาฆาตแค้น แต่ต้องการให้เป็นบทเรียนที่ไม่ต้องการให้ใครมาตายอีก  วันนี้ผู้ปกครองอาจรู้สึกกับงานรำลึก ขอให้มองอีกด้านว่า พ่อแม่ผู้ตายอยู่กับความทุกข์มากี่สิบปีแล้ว ดังนั้นงานรำลึกจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะเยียวยาหัวใจของผู้สูญเสีย พร้อมได้สดุดีวีรชนกัน ขอให้ฝ่ายอำนาจใจกว้างกันบ้าง" นายจตุพรกล่าว
    นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ของบ้านเมืองที่มีแนวโน้มจะซ้ำรอยประวัติศาสตร์เหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี 2535 ซึ่งห่วงว่าจะเกิดความไม่สงบและจะทำให้คนบาดเจ็บและล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้มาจากการดำเนินการของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ที่มีลักษณะการสืบทอดอำนาจไม่ต่างจากรัฐบาล พล.อ.สุจินดาในอดีต และจะรุนแรงยิ่งกว่าเพราะปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจจะยิ่งทับถม เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหามากขึ้น
    "ในฐานะประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ไม่อยากให้มีการเสียเลือดเสียเนื้อกันเหมือนในอดีต ที่ญาติทุกคนต้องเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รัก จึงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประเทศไทยจะได้ฟื้นกลับมาแข่งขันกับประเทศอื่นได้อีกครั้ง ประชาชนจะได้กลับมามีความหวังอีกครั้งหนึ่ง" นายอดุลย์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"