20พ.ค.63-รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งข้อสังเกตุ รายงานคนคิดเชื้อโควิด-19 เป็นความเงียบสงบ ที่มีคำว่า "แต่"

20 พฤษภาคม 2563

โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ดีใจนะครับ ที่จนถึงวันนี้เรายังไม่เห็นการกระเพื่อมขึ้นของจำนวนเคสติดเชื้อรายใหม่

วันนี้รัฐประกาศว่ามีเคสเพิ่ม 1 คน เป็นเชฟ เดินทางกลับมาจากตะวันออกกลาง ตอนนี้รักษาตัวอยู่ในกทม. ขอให้หายไวไวครับ

ตอนนี้มียอดติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 3,034 คน

ไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันเงียบผิดปกติ แตกต่างจากวิสัยของโรคระบาดอื่นที่ยังไม่มียาและไม่มีวัคซีน และคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีเคสเท่านี้จริงๆ

เหตุผลหนึ่งที่อธิบายปรากฏการณ์เงียบสงบกระตุ้นความเคลื่อนไหวของประชากรของโรค COVID-19 นี้ น่าจะมีอิทธิพลมาจากการติดเชื้อโดยไม่มีอาการใดๆ ได้ถึง 20%

กล่าวคือ 100 คนที่ติดเชื้อ จะไม่มีอาการเลย 20 คน บางงานวิจัยรายงานว่าอาจถึง 30 คนได้ด้วย

นอกจากนี้อีก 65 คน จะมีอาการน้อยๆ เหมือนหวัดหรือหวัดใหญ่ จึงอาจสำคัญผิด ไม่สงสัยว่าเป็น COVID-19 และไม่ได้ไปตรวจหา

การที่ระบบตรวจคัดกรองโรค COVID-19 ของรัฐในปัจจุบันไปทุ่มสรรพกำลังคัดกรองในกลุ่มเสี่ยง เช่น คนต่างด้าว คนทำงานบริการสาธารณะ คนในชุมชนแออัดต่างๆ นั้น ดูจะเป็นเรื่องดี และสมควรสนับสนุนให้ทำต่อไปอย่างเต็มที่ เพราะต้องสู้อีกยาว

แต่...แต่...และแต่...

ดีไม่ดี อาจถึงเวลาที่รัฐอาจต้องพิจารณาเพิ่มมาตรการใหม่เข้าไป เพื่อตรวจจับหาเคสที่ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยด้วย

ในคนที่ไม่มีอาการคงจะยาก และอาจถูกมองว่าไม่คุ้มค่า

แต่ในกลุ่มคนที่มีอาการคล้ายหวัดหรือหวัดใหญ่ อาจสนับสนุนให้มีการตรวจได้มากขึ้นและง่ายขึ้น ก็น่าจะเป็นการดี ยิ่งเป็นช่วงเข้าฤดูฝนที่หวัดและหวัดใหญ่จะมากขึ้น และประจวบเหมาะกับเป็นฤดูปลดล็อคระยะที่ 2 ที่ทำให้คนเดินทางไปพบปะกันมากขึ้น ยิ่งน่าจะเพิ่มโอกาสให้เกิดการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัวได้

อย่างที่บอกไปแล้วว่า ผลของการปลดล็อคระยะที่ 2 นี้ เราคงจะดูได้ในช่วงปลายเดือนนี้ถึงกลางเดือนหน้า

หวังใจว่า ยอดติดเชื้อเพิ่มจะไม่กระเตื้องขึ้นครับ ถ้าเราระแวดระวังในการใช้ชีวิต