'จตุพร' ยอมรับ 'นปช.' ไม่เหมือนเดิม - แจงปมแกนนำแตก!


เพิ่มเพื่อน    

20 พ.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ ในรายการ PEACE TALK ว่า การพูดถึงควันหลงของเหตุการณ์พฤษภา 2553 เมื่อ 10 ปีที่แล้วนั้น เป็นสิ่งที่ยากลำบาก นับแต่ประกาศยุติชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์แล้ว แกนนำไปมอบตัวที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนั้นตนเป็น ส.ส. ซึ่งการควบคุมตัวเกิดขึ้นได้ถ้าถูกจับกุม ไม่ใช่การมอบตัว ดังนั้นจึงไม่ถูกควบคุมตัว ส่วนแกนนำคนอื่นถูกควบคุมตัวไปที่ค่ายตำรวจตระเวนชายแดนนเรศวร หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตนอยู่ที่ สตช.รอให้ DSI มาแจ้งข้อกล่าวหาคดีก่อการร้าย แต่กระทำไม่ได้เพราะไม่มีอัยการมาด้วย อีกทั้งฝ่ายตนก็ไม่มีทนายความ ขณะที่อยู่สตช. ได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ และยังเห็นควันไฟ 

เมื่อออกจาก สตช. พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย (ขณะนั้นเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร) นำไปอยู่บ้านหลังหนึ่งที่จ.นนทบุรี ร่วมกับหมู่มิตรจำนวนหนึ่ง ตนพักอยู่ร่วมเดือน ได้ติดตามข่าวสาร เห็นการแถลงข่าวต่อทูตประเทศต่างๆ และดูภาพการดำน้ำ งมหาอาวุธที่สระน้ำในวัดปทุมวนาราม เวลานั้น สภาพคนเสื้อแดงถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง แต่ตนรอจนถึงวันเปิดประชุมสภา เพื่อจะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรก แต่ถูกประท้วงว่าไม่มีสิทธิ์อภิปรายฯ เนื่องจากถูกคดีก่อการร้าย ในที่สุด ก็ได้อภิปรายฯ

"หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น น้องสาวคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คือ คุณฐิติมา ฉายแสง มาบอกว่า รองอธิบดีกรมหนึ่งแจ้งให้ผมหนีไป มิเช่นนั้นจะถูกฆ่า ผมยิ้มรับ และวันรุ่งขึ้นก็มาสภาเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งผมไม่ได้หลบหนีไปไหนแม้แต่วันเดียว"

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อปิดสมัยประชุม มีการยื่นถอนประกันตัว และศาลอนุญาตให้ตนประกันตัว อีกทั้งยังมีการเสนอให้หนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่ตนไม่หนี เพราะต้องอยู่เพื่อแสวงหาและทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย หลังจากนั้น มีการชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวพี่น้องที่ถูกจับกุม รวมทั้งยังมีพี่น้องถูกฆ่าในภายหลังยุติชุมนุมในพื้นที่ต่างๆอีกจำนวนหนึ่ง ต่อมาถูก DSI ยื่นถอนประกันตัวทุกสัปดาห์ ซึ่งรู้ชะตากรรมดีว่า คงไม่รอดแน่ และแล้วเมื่อมีการยุบสภา ก็ไม่รอด ถูกถอนประกันตัว ติดคุกตามคาด และต้องสมัคร ส.ส.ในเรือนจำ ได้รับการรับรองให้สมัครได้เป็นคนสุดท้าย แต่กลับถูกเพิกถอนสิทธิ์เป็นคนแรก โดยวันที่ 18 พ.ค. 2555 ศาล รธน.ให้เพิกถอนเป็น ส.ส. กระทั่งวันนั้น ถึงบัดนี้ยังไม่มีโอกาสได้เข้าสภาอีกเลย ซ้ำร้ายปัจจุบันยังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอีก 10 ปี

ที่เล่ามานั้น เพราะมีความกังวลถึงสภาพ นปช. สื่อมวลชนถามว่า มีความแตกแยกกันใช่หรือไม่ แต่ตนอยู่ในวัฒนธรรมของคนใต้ ที่อยู่ในความหวาดกลัว อีกทั้งกว่า 10 ปีมานั้น คู่ปฏิปักษ์ของตนก็อยู่กับความหวาดกลัวตนด้วย จึงต้องลงมือกระทำการเสียก่อน เพื่อให้ปลอดภัย ซึ่งบางเรื่องเป็นการกลัวเกินความจริงไป เมื่อมีการถามกันว่า นปช.อ่อนแอลงหรือไม่ คนเสื้อแดงอ่อนแอลงหรือไม่ ตนยอมรับความจริงว่า ความแข็งแรงไม่เหมือนในปี 2553 ซึ่งตนไม่ยอมเขียนเสือให้วัวกลัว แต่ต้องพูดในสิ่งที่เป็นจริง

อีกอย่าง มีการตั้งคำถามว่า ไปเจรจากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเป็น ผบ.ทบ. เมื่อ 21-22 พ.ค. 2557 ทำไม อยากบอกว่า ตนไปดูผู้ชุมนุมทุกเช้าวันที่ 21 พ.ค. คนเหลือน้อยกว่า 19 พ.ค. 53 หลายเท่า ทั้งถนนอักษะมีคนไม่ถึง 500 คน จึงตัดสินใจเอาแกนนำหลักๆไปเจรจาทั้งหมด เพราะต้องการยุติการรัฐประหาร ซึ่งทำไม่สำเร็จ ขณะเดียวกันถ้าจัดชุดต่อสู้ก็มีการตายเหมือนใบไม้ร่วงอีก เราไม่มีสภาพต่อสู้ มีทางเดียวคือการเจรจาเป็นทางออก ดังนั้น ในวันนี้ อีกฝ่ายหนึ่งมีความวิตก และกังวล รวมทั้งสงสัย โดยอาจคิดจะจัดการตนอย่างไรอีกเช่นเดิม ทั้งในข้อเท็จจริงนั้น เราเข้าใจว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน ทั้งที่สภาพไม่แข็งแรงเหมือนเดิม 

"ที่ไม่ได้อยู่รวมกัน แกนนำ นปช. ไม่ได้จัดงานร่วมกัน ไม่ได้หมายความว่า ผมจะทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่มีเลย เพราะผมเข้าใจ อยู่กันอย่างนี้ดีแล้ว เพราะจะอยู่ให้เขากลัวทั้งที่ไม่มีอะไรน่ากลัว ซึ่งมันจะไม่เหลืออะไรเลย"

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดนั้น การที่คนไปยืนที่จุดยืนของตัวเอง แล้วรักษาจุดยืนกันไว้ รวมทั้งการพูดความจริงนั้นจะกัดกร่อนความไม่จริง ความดีจะกัดกร่อนความเลว ความสุจริตจะกัดกร่อนความทุจริต นี่เป็นอนุภาพยิ่งกว่าการสร้างภาพใดๆ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาแล้ว เห็นพฤษภา 2535 และ เมษา-พฤษภา 2553 เห็นคนจำนวนมาก และเห็นเวลาที่ไม่มีใคร ถ้าเราไม่เคยผ่าน ไม่มีความเข้าใจแล้ว เราก็รู้สึกทรนงตัว โอ้อวดว่ายังแข็งแรง ถ้าเราคิดแบบเดิม ออกไปแบบเดิม ท้ายที่สุดศัตรูที่ยังแข็งแรงอยู่ เราก็ถูกจัดการแบบเดิมอีกไม่เปลี่ยน

ความจริงกับความทุกข์ที่ปรากฎ มันมีพลานุภาพ วันนี้โลกเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเรายืนจุดใด เมื่อลุกมาพูดความจริงก็ยังมีพลานุภาพกันอยู่ เมื่อเรายอมรับความจริง แม้เราอ่อนแอ แล้วต้องให้ไปสยบยอมหรือ ไม่มีเลยสำหรับตน

"ผมไม่มีความแตกแยกกับใครทั้งนั้น ไม่ได้ทะเลาะกับใครสักคนเเดียว แต่ผมมองอย่าเข้าใจ ถ้าไม่แข็งแรงจริงอย่าทำตัวให้เขามองเห็นว่าเราแข็งแรง แล้วก็จะถูกทำลายทั้งที่ยังไม่แข็งแรงพอ ดังนั้น การยืนโดยไม่จำเป็นต้องสำแดงพลัง แต่พูดความจริงให้ไปทำหน้าที่จะมีพลานุภาพในตัวเอง ซึ่งหลายคนตอนแรกอาจไม่มีความเข้าใจ"นายจตุพรกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"