พิษCOVIDจีนงดตั้งเป้าโต บราซิลติดเชื้อทะลุ3แสน!


เพิ่มเพื่อน    


    จีนรับสภาพเศรษฐกิจยุคไวรัสระบาด งดกำหนดเป้าขยายตัวทางเศรษฐกิจประจำปีเป็นครั้งแรก ขณะตัวเลขว่างงานในสหรัฐช่วงล็อกดาวน์ใกล้แตะ 40 ล้านราย "โดนัลด์ ทรัมป์" สั่งหน่วยงานราชการลดธงครึ่งเสา 3 วันไว้อาลัยเหยื่อโควิด-19 ยอดติดเชื้อของบราซิลทะลุ 3 แสนจ่อแซงรัสเซียขึ้นอันดับ 2 ของโลก
    จีนเป็นประเทศแรกที่พบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว ข้อมูลของทางการจีนถึงวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2563 จีนมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั้งสิ้น 84,081 ราย เสียชีวิตไป 4,638 ราย ส่วนยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วโลกตามการรวบรวมของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์อยู่ที่ 5,125,612 ราย เสียชีวิต 333,382 ราย
    รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ได้แถลงเปิดการประชุมสภาผู้แทนประชาชนจีน เตือนว่าเศรษฐกิจของจีนเผชิญกับความท้าทายมโหฬารจากผลกระทบของการโรคระบาดนี้ และเนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนอย่างมาก รัฐบาลจีนจะไม่กำหนดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจประจำปี แต่จะให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับการสร้างความมั่นคงด้านการจ้างงานและรับประกันมาตรฐานการดำรงชีวิตของประชาชน 
    ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขชาวอเมริกันว่างงานที่ยื่นขอรับสวัสดิการคนว่างงานในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามีเพิ่มอีก 2.43 ล้านคน ซึ่งทำให้ตัวเลขคนอเมริกันว่างงานนับแต่มลรัฐทั่วสหรัฐใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพิ่มเป็น 38.6 ล้านคนแล้ว 
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่หวังจะชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ประกาศชัดเจนอีกครั้งระหว่างการปราศรัยที่มิชิแกนวันเดียวกันนั้นว่า เขาหวังว่าจะมีผู้ว่าการรัฐประกาศผ่อนคลายมาตรการเพิ่มขึ้นอีกหลายรัฐ เพราะหากไม่ทำสิ่งที่ถูกต้อง ประเทศนี้ก็จะพังครืน
    ทรัมป์ยังต้องการให้โบสถ์และศาสนสถานกลับมาเปิดได้อีกครั้งด้วย เดิมทีเขาตั้งความหวังให้ชาวอเมริกันเข้าโบสถ์ประกอบพิธีทางศาสนาได้ตั้งแต่วันอาทิตย์อีสเตอร์เมื่อต้นเดือนเมษายน แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐยังคงรุนแรง นอกจากนี้ทรัมป์ยังสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางลดธงชาติลงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วันเริ่มแต่วันศุกร์ เพื่อไว้อาลัยแด่ผู้สังเวยโควิด-19 ในสหรัฐซึ่งใกล้แตะหลักแสนศพแล้ว
    จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐถึงวันศุกร์อยู่ที่ 1,577,758 ราย เสียชีวิตแล้ว 94,729 ราย วันพฤหัสบดีสหรัฐมีคนเสียชีวิตเพิ่มรายวันอีก 1,255 ราย
    ในขณะที่สถานการณ์ของยุโรปเริ่มทรงตัวและหลายประเทศเพิ่มขึ้นประกาศผ่อนคลายข้อบังคับ รัสเซียและหลายชาติลาตินอเมริกายังคงพบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รัสเซียมีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยในวันศุกร์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 8,894 คน ยอดรวมเป็น 326,448 คน และมีผู้เสียชีวิตรายวันมากเป็นสถิติใหม่ของประเทศที่ 150 คน ยอดรวมเป็น 3,249 ศพ 
    บราซิลมีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ที่ 310,087 ราย แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นวันเดียวมากกว่า 18,500 รายเมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้มีความเป็นไปได้ที่บราซิลอาจแซงรัสเซียขึ้นอันดับ 2 ขณะเดียวกัน ผู้ป่วยโควิด-19 ในบราซิลก็เสียชีวิตเกิน 20,000 ศพแล้ว โดยมียอดสังเวยสูงสุดในวันเดียวถึง 1,188 ศพ ทำให้ยอดรวมเป็น 20,047 ศพ
    ในภูมิภาคอาเซียน สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อไวรัสเกิน 30,000 คนแล้วเมื่อวันศุกร์ หลังจากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 614 คน ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 30,426 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่พักรวมกันในหมู่อาคารหอพักแรงงานข้ามชาติ แต่สิงคโปร์มีผู้เสียชีวิตเพียง 23 คน ส่วนอินโดนีเซียก็มีตัวเลขติดเชื้อผ่านหลัก 20,000 คนในวันเดียวกัน โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 634 ราย ยอดสะสมเพิ่มเป็น 20,796 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 48 คน รวมเป็น 1,326 ศพ ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 163 คนในวันศุกร์ ยอดสะสมเป็น 13,597 ราย เสียชีวิตอีก 11 ราย ยอดรวมเป็น 857 ศพ 
    มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 78 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน ยอดติดเชื้อสะสม 7,137 คน ยอดเสียชีวิต 115 ศพ รายงานแชนเนลนิวส์เอเชียวันเดียวกันกล่าวว่า นายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ของมาเลเซีย ต้องกักกันโรคนาน 14 วันเริ่มแต่วันศุกร์ หลังจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เข้าร่วมการประชุมที่สำนักนายกฯ ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยทุกคนที่ร่วมการประชุมกับเจ้าหน้าที่ผู้นี้ได้รับคำแนะนำให้ตรวจเชื้อและกักกันตัวที่บ้านนาน 14 วัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"