ตร.ยันหลักฐานมัด แม่ฆ่าลูกรับบริจาค


เพิ่มเพื่อน    


    ป.แถลงจับ "แม่ปุ๊ก" วางยาฆ่าลูกขอรับเงินบริจาค ได้ไป 20 ล้านแลกกับชีวิตลูกบุญธรรมวัย 4 ขวบ ส่วนลูกแท้ๆ วัย 2 ขวบอาการยังโคม่า ดำเนินคดี 5 ข้อหาหนัก แพทย์ระบุเด็กได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายโดยการกิน รอผลตรวจใช่น้ำยาล้างห้องน้ำที่พบหรือไม่ เผยผู้ต้องหาเคยเรียนเภสัชฯ เปลี่ยนชื่อ-นามสกุลมาแล้ว 6 ครั้ง
    ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันที่ 24 พฤษภาคมนี้  พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4 บก.ป. และ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม รอง ผกก.4 บก.ป. ร่วมแถลงกรณีตำรวจ กก.4 บก.ป. จับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือแม่ปุ๊ก ในข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย,  ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ฉ้อโกงประชาชน” จากการก่อเหตุหลอกลวงชาวเน็ตให้สั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปรักษาลูกสาวชื่อน้องอมยิ้ม อายุ 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปลายปี 2562 ต่อมาแม่ปุ๊กอ้างว่าน้องอิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ลูกชายคนเล็กได้ป่วยแบบเดียวกัน แต่เมื่อแพทย์ตรวจสอบอาการเด็กแล้วพบพิรุธว่าเด็กอาจถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายร่างกาย ขณะที่ตัวแม่ปุ๊กกลับได้เงินช่วยเหลือไปร่วม 20 ล้านบาท
    พ.ต.ท.เอกสิทธิ์กล่าวว่า คดีนี้ในส่วนของกองปราบฯ เริ่มจากแม่เอม ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของน้องอมยิ้ม ถูกหมายเรียกในคดีหลอกขายสินค้าออนไลน์ เจ้าตัวจึงเข้าชี้แจงว่าถูกแม่ปุ๊กนำเอกสารส่วนตัวไปใช้เปิดบัญชีธนาคาร โดยอ้างว่าจะนำไปทำประกันสุขภาพให้น้องอมยิ้ม ต่อมาตำรวจสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่าบัญชีชื่อแม่เอมเกี่ยวข้องกับการรับบริจาคเงินให้น้องอมยิ้มและน้องอิ่มบุญ  เมื่อขยายผลพบว่ามีผู้เสียหายสั่งซื้อของกับแม่ปุ๊กแล้วไม่ได้รับสินค้าจำนวนมากได้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับจนกลายเป็นที่มาของการจับกุมครั้งนี้ พบเงินหมุนเวียนรวม 5 บัญชี เป็นชื่อของแม่เอม 3 บัญชี โดยแม่ปุ๊กเป็นผู้ดำเนินการเอง และชื่อแม่ปุ๊ก 2 บัญชี รวมยอดเงินราว 15-20 ล้านบาท แต่ยังไม่พบหลักฐานเงินบริจาคที่เชื่อมโยงไปถึงแม่เอม
    ด้าน พ.ต.ท.ณัฐพงษ์กล่าวว่า ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่าโรคประหลาดที่แม่ปุ๊กอ้างว่าลูกทั้งสองป่วยนั้น ไม่มีอยู่จริง ส่วนอาการเจ็บป่วยของเด็กซึ่งมีร่องรอยแผลไหม้ที่ปากนั้น ชัดเจนว่าเป็นการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานเข้าไป ไม่ใช่โรคทางพันธุกรรมตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา ซึ่งแพทย์ยืนยันข้อเท็จจริงมาแล้ว โดยในวันที่จับกุมผู้ต้องหา ตำรวจได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านและพบสารเคมีเป็นของเหลวต้องสงสัยบางอย่าง ซึ่งกำลังส่งตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ตรงกับที่แพทย์ให้ข้อมูลเรื่องอาการของเด็กหรือไม่
    "ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย แต่ยืนยันว่าตำรวจมีหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิดจริง และหากมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่ามีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ว่า น.ส.นิษฐาเคยเรียนเภสัชศาสตร์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการนำสารเคมีมาใช้หรือไม่ ก็นับเป็นข้อมูลสำคัญที่กำลังสืบสวนอยู่ ทั้งนี้ พบว่ายอดเงินบริจาคที่ได้รับ ไม่สอดคล้องกับค่ารักษาอาการเด็กอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะอาจมีการใช้สิทธิ์เบิกประกันอย่างไรหรือไม่"
    พ.ต.ท.ณัฐพงษ์กล่าวว่า การที่แม่เอมยกน้องอมยิ้มให้แม่ปุ๊กรับไปดูแลนั้น เพราะเจ้าตัวไม่พร้อมจะมีบุตร โดยไปรู้จักกันผ่านโซเชียลเท่านั้น ซึ่งแม่ปุ๊กอ้างว่าจบเภสัชศาสตร์ แม่เอมจึงเชื่อว่าเด็กจะมีอนาคตที่ดีกว่า จึงขอฝากว่า การมีบุตรในสภาพไม่พร้อมนั้น ยังมีหน่วยงานรัฐที่พร้อมให้การช่วยเหลือ การนำบุตรไปยกให้คนอื่นเองอาจไม่ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพของเด็กอย่างที่ควรจะเป็น และกลายเป็นบ่อเกิดปัญหาสังคม ขอเตือนด้วยว่า การให้เอกสารส่วนตัวกับคนอื่นนั้นไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ และฝากประชาชนที่ได้รู้เห็นพฤติกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้องอิ่มบุญ น้องอมยิ้ม ขอให้ติดต่อ กก.4 บก.ป. เพื่อให้ข้อมูลประกอบการทำคดีต่อไป
    ขณะที่ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ต้องหารับสารภาพเฉพาะคดีฉ้อโกงประชาชน ที่มีพฤติกรรมหลอกลวงให้มาคนบริจาค ส่วนข้อหาอื่นๆ เช่น ทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาค้ามนุษย์ ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ตำรวจก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม คาดว่าจะส่งสำนวนสั่งฟ้องได้ภายใน 1 เดือน  
    คดีแม่ปุ๊กต้องหาวางยาลูก มีข้อมูลที่น่าสนใจ ย้อนไปเมื่อปี 2560 แม่ปุ๊กสร้างโปรไฟล์เฟซบุ๊ก อ้างตัวเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูก 2 คน คือ ด.ญ.อมยิ้ม และ ด.ช.อิ่มบุญ ต่อมาปี 2562 แม่
ปุ๊กโพสต์ภาพและรับบริจาคช่วยน้องอมยิ้ม อ้างว่าป่วยเป็นโรคประหลาด มีเลือดไหลและอ้วกเป็นเลือด ซึ่งมีผู้ป่วยเพียง 1 ในล้าน ชื่อโรค "เรนินโนม่าห์" มีการทำสินค้าต่างๆ ออกมาเพื่อขอรับบริจาค อ้างจะใช้เป็นทุนในการรักษา แต่ปรากฏว่าเดือนสิงหาคม 2562 น้องอมยิ้มอาการทรุดหนัก กระทั่งเสียชีวิตในเดือนธันวาคม
    ปี 2563 แม่ปุ๊กอ้างว่าเสียใจที่น้องอมยิ้มเสียชีวิต จึงจะไปถือศีลบวชชี แต่ก่อนไปบวชได้โพสต์อ้างว่าน้องอิ่มบุญป่วยด้วยโรคเดียวกัน จึงจะขอขายสินค้าต่างๆ เพื่อนำเงินไปรักษาลูก ทำให้ชาวเน็ตแห่บริจาคเงิน และซื้อสินค้าจำพวกหน้ากากอนามัยและถุงผ้าจากแม่ปุ๊กจำนวนมาก คาดว่ามียอดบริจาครวม 20 ล้านบาท แต่แม่ปุ๊กไม่ได้ส่งสินค้าให้ผู้ซื้อและผู้บริจาค ทำให้ชาวเน็ตบางส่วนเริ่มตั้งข้อสงสัย กระทั่งมีผู้โพสต์ตั้งข้อสังเกตว่าเด็กทั้ง 2 คนถูกวางยาหรือไม่ 
    ประเด็นดังกล่าว ทำให้แม่ปุ๊กเข้าแจ้งความตำรวจเมื่อวันที่ 24 เมษายน ให้ดำเนินคดี 2 บุคคลที่โพสต์โจมตีว่ามีการวางยาลูก ขณะที่แพทย์ตรวจร่างกายน้องอิ่มบุญอย่างละเอียด พบสารเคมีที่ออกฤทธิ์เป็นกรด ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส คล้ายสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำหรือน้ำยาซักฟอก เข้าสู่ร่างกายโดยการกลืนเข้าไป ทำให้มีแผลในปาก ลำไส้ และกระเพาะอาหาร
    อีกด้านหนึ่ง ตำรวจได้ตรวจสอบสูติบัตรของน้องอมยิ้ม พบว่าแม่ปุ๊กไม่ใช่แม่เด็ก ส่วนสูติบัตรของน้องอิ่มบุญ ระบุว่ามารดาคือ แม่ปุ๊ก แต่ไม่มีบิดา และไม่ปรากฏประวัติฝากครรภ์ นอกจากนี้ ชื่อบัญชีที่รับโอนเงินยังไม่ใช่ชื่อของตนเอง อีกทั้งพบประวัติเคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุล 6 ครั้ง ในที่สุดตำรวจกองปราบฯ จึงจับกุมแม่ปุ๊กดำเนินคดี โดยสถานะปัจจุบันถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิง เนื่องจากไม่มีเงินประกันตัว 300,000 บาท.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"