'จตุพร' ฟันเปรี้ยง!ม็อบใหญ่กำลังจะมา คราวนี้ไร้แกนนำ-อาละวาดยิ่งกว่าซอมบี้


เพิ่มเพื่อน    

25 พ.ค. 63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์“Jatuporn Prompan - จตุพรพรหมพันธุ์” ในรายการPEACE TALK ว่าแม้การสำรวจผลโพลของสำนักนี้จะค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลก็ตามแต่การทำโพลหัวข้อเรื่องการสอบตกของรัฐบาลในการปรองดองนั้นจึงน่ารับฟัง

ตนพยายามอธิบายมาตลอดว่าหลังการยึดอำนาจเมื่อปี2557 ได้แบ่งบ้านเมืองออกเป็น2 ฝ่ายชัดเจนอีกทั้งช่วง10 ปีที่ผ่านมาแต่ละฝ่ายเกิดความขัดแย้งอย่างหนักดังนั้นจึงไม่มีฝ่ายใดเห็นด้วยกับความเห็นของฝ่ายตรงข้าม

อย่างไรก็ตามแม้ช่วงนี้อยู่ท่ามกลางพรก.ฉุกเฉินแต่ตนเชื่อว่าคนไทยไม่ใส่ใจมากนักกับการแพร่ระบาดของโรคเพราะพร้อมจะอยู่ร่วมกับโควิด-19 เนื่องจากเชื่อมั่นตัวเองจะจัดการอย่างไรกับการป้องกันไวรัสประกอบสภาพต้องต่อสู้กับเศรษฐกิจปากท้องเมื่อไม่มีกินจึงต้องออกมาดิ้นรนเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ทั้งสิ้น

อีกทั้งการกำหนดเคอร์ฟิวระหว่างห้าทุ่มถึงตีสี่นั้นยังมีเวลาให้รัฐบาลเล่นเกมขยายเวลาเคอร์ฟิวไปได้อีกหลายชั่วโมงพร้อมๆกับออกมาตรการคลายล็อกมาแลกเปลี่ยนซึ่งสิ่งนี้รัฐบาลรู้ความต้องการของประชาชนได้ดีจึงสามารถผ่อนปรนความรู้สึกของสังคมมาได้อย่างต่อเนื่อง

“หากจะขยายเวลาเคอร์ฟิวจากหลังเที่ยงคืนไปถึงตีสี่ก็ไม่รู้จะไปติดเชื้อได้อย่างไรซึ่งรัฐบาลได้ขยักเอาไว้เพราะต้องดึงเวลาให้ไปถึงการมาตรการระยะที่4 ดังนั้นการทยอยมาตรการโควิดเป็นช่วงๆเพื่อรักษาพรก.ฉุกเฉินนั้นต่างคนต่างคิดกันได้ทั้งสิ้นเนื่องจากมีคลื่นสึนามิทางการเมืองรอรัฐบาลอยู่ข้างหน้า”

นายจตุพรกล่าวว่าสิ่งสำคัญรัฐบาลยากจะหลีกพ้นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างลำบากและหนักหน่วงได้อีกทั้งปัจจัยขัดแย้งกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลนั้นต่างเล่นเกมแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยปัจจัยเหล่านี้ในทางการเมืองทุกฝ่ายมองเห็นสถานการณ์และคิดออกได้

"ปัจจัยต่างๆนี้จะนำพาไปสู่ปัญหาทางการเมืองอย่างไม่คาดฝันกันถึงขั้นลืมเหตุการณ์ชุมนุมในช่วง10 ปีที่ผ่านมาไปได้เลยเพราะการชุมนุมครั้งต่อไปจะไม่มีแกนนำเนื่องจากความหิวจะทำให้ประชาชนออกมาชุมนุมนำไปสู่สภาพโกลาหลยิ่งกว่า หนังซอมบี้ออกมาอาละวาดก็ว่าได้ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าไทยจะเดินมาถึงจุดนี้ได้โดยเฉพาะคนจนเมืองนั้นเมื่อไม่มีอาชีพก็ไม่มีกินความทุกข์เดือดร้อนจะหนักหนากว่าคนชนบทต่างจังหวัดหลายเท่า"

ส่วนการอภิปรายพรก.เงินกู้ทั้ง3 ฉบับนั้นนายจตุพรกล่าวว่าทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องพูดความจริงกับประชาชนรวมทั้งส.ว.บางคนเริ่มทำตัวขึงขังขึ้นมาดังนั้นห่วงเวลา1-2 เดือนนี้จะเป็นรอยต่อที่สำคัญอย่างมากแม้ไม่มีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่มีคนรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่ความจนที่ได้สะสมจากสภาพเศรษฐกิจทรุดกันมายาวนานจะทำให้ประเทศเดินไปถึงจุดไร้อนาคตเพราะความจนไม่ได้รับการแก้ไขหากปล่อยให้เศรษฐกิจทรุดต่อไปอีกสักช่วง1-2 เดือนข้างนี้แล้วความโกลาหลคงเกิดขึ้น

“ที่น่าเป็นห่วงคือวิธีคิดทางการเมืองแบบเดิมของคนการเมืองแก้ปัญหาประเทศชาติไม่ได้และจะนำไปสู่ไม่มีกระดานการเมืองให้นักการเมืองเล่นอีกถ้าปล่อยประเทศให้คนหิวโหยได้ออกมาโกลาหลด้วยแล้วคงต้องจบแบบเดิมไม่สงบก็มีคณะรักษาความสงบออกมาไม่ว่าไปมุมไหนก็ใดในวันนี้ถ้าเราไม่มีหลักคิดแบบพี่น้องคนในชาติแล้วเราจะข้ามพ้นสถานการณ์นี้ยากมาก"

นายจตุพรคาดว่าสถานการณ์ในอนาคตจะหนักกว่าพฤษภาทมิฬเนื่องจากผลโพลรัฐบาลสอบตกเรื่องความปรองดองแล้วยังมีคำถามสำรวจถึงการแย่งชามข้าวและน้ำข้าวกันอีกยิ่งสะท้อนถึงการเมืองมาถึงจุดเสื่อมอีกซึ่งจะนำไปสู่ธรรมชาติอำนาจคือทหารออกมายึดอำนาจอีก

"เมื่อการเมืองเสื่อมแล้วทหารออกมายึดอำนาจที่ผ่านมาเกิดขึ้นเพราะปัญหาการเมืองแต่ครั้งนี้ในอนาคตจะมีพร้อมปัญหาเศรษฐกิจและความยากจนมาผสมโรงด้วยดังนั้นผลลัพธ์จะแตกต่างจากที่คิดและคาดการณ์กันตามปกติ"

นายจตุพรแจ้งข่าวอาการป่วยของนายบุญกลมดงบังสถานสื่อมวลชนอาวุโสและนักจัดรายการ“หยิบข่าวมาคุย” ในสถานีโทรทัศน์พีซทีวีว่าขณะนี้นอนรักษาตัวและหายใจด้วยเครื่องอ๊อกซิเจนอยู่ที่รพ.พระนั่งเกล้าอาคารจินดามณีชั้น6 อาการยังไม่รู้สึกตัว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"