เงินเฟ้อลบ3.4ตํ่าสุดรอบ10ปี


เพิ่มเพื่อน    


    "พาณิชย์" เผยเงินเฟ้อเดือน พ.ค.63 ติดลบ 3.44% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี 10 เดือน เหตุได้รับแรงฉุดจากราคาน้ำมันที่ลดลง รัฐลดค่าครองชีพทั้งค่าไฟฟ้า-น้ำประปา และลดราคาสินค้าจำเป็นบางรายการ ระบุเข้าสู่ภาวะเงินฝืดทางเทคนิค ไม่ใช่ฝืดจริงจึงไม่น่ากังวล ธปท.ยันยังไม่เข้าข่ายเงินฝืดตามนิยาม
    เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน พ.ค.63 ลดลง 3.44%  ซึ่งเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี 10 เดือน นับจาก ก.ค.52 ที่ลดลง 4.4% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้จะมีการปรับขึ้นหลายครั้ง แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน  และยังมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐบาล ทั้งการลดค่าไฟฟ้า น้ำประปา และลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพหลายรายการ รวมทั้งยังมีการลดลงของราคาผักสดที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่สินค้าและบริการอื่นๆ ยังปรับเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นไม่มาก ไม่สามารถไปลดสัดส่วนในกลุ่มที่ลดลงแรงได้  จึงเป็นปัจจัยทำให้เงินเฟ้อลดลง ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-พ.ค.) ลดลง 1.04%
    "หากมองตามทฤษฎี ตอนนี้เกิดเงินฝืดทางเทคนิค เพราะเงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 3 เดือน โดย มี.ค.ลบ 0.54% เม.ย.ลบ 2.99% และ พ.ค.ลบ 3.44% แต่ไม่ใช่การฝืดจริงจึงไม่น่ากังวล เพราะหากดูลึกลงไปราคาสินค้าหลายตัว ทั้งอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค ไม่ได้ลดลง เป็นบวกด้วยซ้ำ แต่บวกไม่เยอะ  เรียกว่าหมูเห็ดเป็ดไก่ไม่สามารถไปลดในสัดส่วนที่ลดลงมากของน้ำมัน ค่าไฟฟ้า น้ำประปา และมาตรการลดค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ที่ทำร่วมกับผู้ประกอบการลงได้ ประชาชนไม่ต้องกังวลว่าเงินฝืดแล้วจะทำให้เศรษฐกิจแย่" น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
    ทั้งนี้ หากดูเงินเฟ้อพื้นฐานที่หักสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงานออก ยังคงเพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสินค้ายังมีการเคลื่อนไหวทางด้านราคา ส่วนยอดรวม 5 เดือนลดลง 0.40%  
    น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวอีกว่า แนวโน้มเงินเฟ้อคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะเดือน พ.ค.63 น่าจะเป็นช่วงที่ต่ำที่สุดของปีนี้แล้ว เนื่องจากปัจจุบันกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์ ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัวและปรับตัวสูงขึ้น ส่วนค่าไฟฟ้า น้ำประปาก็สิ้นสุดมาตรการลงแล้ว เงินเฟ้อน่าจะเริ่มขยับเพิ่มขึ้น แต่ยังคงประเมินว่าทั้งปีเงินเฟ้อน่าจะอยู่ในแดนลบ คงไม่กลับมาเป็นบวก เพราะฐานน้ำมันปีก่อนยังสูง ส่วนตัวเลขที่ชัดเจนขอรอดูเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.63 ก่อน ถึงจะประเมินอีกครั้ง แต่ตัวเลขปัจจุบันประเมินเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ติดลบ 1.0% ถึงลบ 0.2% มีค่ากลางอยู่ที่ 0.6%  
    สำหรับปัจจัยที่มองว่าจะทำให้เงินเฟ้อกลับมาขยายตัว มาจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาขับเคลื่อนได้ คนเริ่มกลับมาใช้จ่าย และยังมีการทยอยเปิดการท่องเที่ยวข้ามจังหวัด รัฐบาลกำลังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อทดแทนรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจในประเทศหมุนเวียนซึ่งมีผลต่อราคาสินค้า ขณะที่ภัยแล้งแม้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก็ต้องติดตามราคาสินค้าเกษตรบางตัวอย่างใกล้ชิดต่อไป
    นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีที่อัตราเงินเฟ้อของไทยติดลบ 3 เดือน และแม้ประมาณการล่าสุดของ ธปท.จะให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีติดลบ แต่ยังมองว่าปีหน้าจะกลับมาเป็นบวกได้ อีกทั้งเป็นการติดลบจากราคาพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 5 ปี อยู่ที่ 1.8% ต่อปี ถือว่าใกล้เคียงกับกึ่งกลางของช่วงเป้าหมายเงินเฟ้อของ ธปท.ที่ 1-3% ต่อปี จึงยังไม่เข้าข่ายเงินฝืดตามนิยามของการดำเนินนโยบายการเงิน
    ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดได้ หากเศรษฐกิจไทยหดตัวลึกหรือฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินมาก โดย ธปท.จะติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี ในการดำเนินนโยบายการเงิน ธปท.อิงนิยามภาวะเงินฝืดของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งต้องเข้าเงื่อนไข 4 ข้อ ดังนี้ 1.อัตราเงินเฟ้อติดลบเป็นเวลานานพอสมควร (prolonged period) 2.อัตราเงินเฟ้อติดลบกระจายในหลายๆ หมวดสินค้าและบริการ 3.การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาว (ปกติดูที่ระยะ 5  ปี) ต่ำกว่าเป้าหมายระยะปานกลางอย่างมีนัย และ 4.อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจติดลบ และอัตราว่างงานมีแนวโน้มสูงขึ้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"