‘แตงโม’ควง‘ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน’เผยจุดเปลี่ยนหลังมรสุมชีวิตใหญ่


เพิ่มเพื่อน    

 

          เป็นคู่ซี้พ่อลูกสายฟุตบอล แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ และคุณพ่อตุ๊ก-ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่วันนี้มาเผยจุดเปลี่ยนหลังมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ ทั้งเรื่องงานน้อยลง เรื่องหยาบคายกับภรรยา ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow


ช่วงนี้ไม่ได้เจอหน้าจอ ไปทำอะไรอยู่บ้าง?
คุณพ่อปิยะพงษ์ : หลวมตัวไปทำรายการกับแตงโมในยูทูบครับ ในช่วงที่มีโควิดระบาดก็ต้องเปลี่ยนวิธีการ เปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนรูปแบบการบริหาร จัดการ วิธีการทำงานทั้งหมด เพราะว่าเราไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้

ตอนนั้นฉายา เดอะตุ๊ก ดังขนาดไหน?
คุณพ่อปิยะพงษ์ : ผู้สื่อข่าวเป็นคนตั้งให้มากกว่า เดอะตุ๊กน่าจะเป็นช่วงวัยกลางคน และอาวุโสมากขึ้นก็เลยเติมเดอะเข้าไป

แตงโมรู้ไหมสมัยก่อนพ่อดังขนาดไหน?
แตงโม : ผมเกิดมาไม่ทันที่คุณพ่อแตะฟุตบอลอยู่เกาหลี แตะทีมชาติ คือไม่ทัน มาทันช่วงปลาย ประมาณว่าใกล้จะเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว มันก็เกิดไอเดียเกิดคำถาม จริงๆแล้วไม่ใช่ผมคนเดียวเท่านั้น ผมว่าน้องๆ สมัยใหม่ อาจจะรู้จักคุณพ่อ แต่ว่าไม่รู้ว่าปิยะพงษ์เล่นเป็นยังไง มันก็เลยทำให้เกิดไอเดียว่าผมอยากรู้ แล้วก็ถามแทนทุกคนเลยว่าปิยะพงษ์เก่งจริงหรอ

 



คุณพ่อมีความรู้สึกอยากให้ลูกเดินตามการเป็นนักบอลแบบเราไหม?
คุณพ่อปิยะพงษ์ : เป็นตามธรรมชาติเลยครับ ลูกของนักฟุตบอลส่วนใหญ่ก็คิดกันแบบนี้ ไม่ว่าในระดับโลก หรือในระดับเอเชีย หรือเขาเรียกว่าวัฒนธรรมทางจิตใจ แล้วแตงโมเขาบอกว่าทั้งชอบและรัก ตอนนั้นผมก็เลยขายตึก ผมซื้อไว้เผื่อตอนแก่ ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว ส่งเขาไปเรียนที่อังกฤษครับ

แตงโม : แต่ว่าผมไป ผมก็ไปเริ่มเล่นฟุตบอลที่นั่น โชคดีเหมือนกัน ตอนแรกถ้าไปแล้วคัดไม่ติด คุณพ่อน่าจะต้องจ่ายเงินปีละหลายล้าน แต่ก็เบาภาระไปได้บ้าง เพราะไปคัดโรงเรียนติด ได้เรียนฟรี แล้วมีค่าเดินทางให้ด้วยนิดหน่อย ส่วนค่ากินคุณพ่อออกไป แต่ว่ามันก็มีอาการบาดเจ็บ มันก็เจ็บนู่น เจ็บนี่ เจ็บเยอะไปหมดในเส้นทางของนักกีฬา พอช่วงเจ็บผมก็มีโอกาสลองงานใหม่ๆ เข้าวงการบันเทิงบ้าง มาทำนู่น ทำนี่บ้าง แล้วก็เลยเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนนิดนึง มันเหมือนคนอยากจะฝัน อยากเป็นนักกีฬา อยากจะพุ่งไปข้างหน้า แต่ผมรู้อยู่แล้ว ตอนนั้นประมาณ 20 ว่าคุณพ่อมองเห็นแล้วว่าเราจะไปได้ระดับทีมชาติไหม จะเป็นเบอร์1 ไหม หรือจะติด 11 ตัวจริงไหม แต่เขาไม่ได้พูดไง เพราะมันดับฝันเด็ก ผมต้องรู้ด้วยตัวเอง

มาทำงานสายบันเทิง คือฟุตบอลเขาไม่ให้เล่นต่อครับ เมื่อกี้ถามพ่อว่าพ่อเก่งจริงไหม ถ้ากลับมาถามผมว่าผมเก่งจริงไหม ผมตอบได้ง่ายๆเลยเก่ง ปัจจุบันนี้ผมจะเลิกเหรอ ทุกคนจะได้หายสงสัย


ในจุดเปลี่ยนนั้นเราคิดไหมว่าคุณพ่อจะเสียใจ?
แตงโม : ไม่หรอกครับ เขาน่าจะออกแนวดีใจเลย ผมรู้ด้วยตัวเองว่านั่นไม่ใช่เวของผม ผมไม่ใช่คุณพ่อที่เป็นระดับโลก ผมว่ามันไม่ใช่ทางของผม ผมไม่ฝืน ผมอยากจะหาเวตัวเองที่เดินไปได้สุดทาง

 



สมัยก่อนเจอแตงโมเยอะมาก แล้วมันค่อยลดลง เพราะอะไร?
คุณพ่อปิยะพงษ์ : เส้นด้ายระหว่างความก้าวร้าวกับความตลกมันใกล้กันนิดเดียว อยู่ที่มุมมองของผู้คน แต่ช่วงนั้นเผอิญแตงโมออกไปมันดูเหมือนมีความก้าวร้าวมากกว่าความน่ารัก

แตงโม : ตอนแรกก็คือเรื่องของคาแร็คเตอร์ คือผมก็พยายามสร้างตัวตนออกมา แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าผู้ชมต้องการอะไร บางทีอาจจะพูดเยอะ บางทีอาจจะตะโกนออกไปทั้งๆที่เราติดไมค์โครโฟนอยู่แล้ว แล้วบางทีเราอาจจะไม่ได้ถูกใจใครร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมา เพื่อให้เป็นแตงโมเมื่อก่อน ซึ่งพอมาในปัจจุบันเราก็ได้อ่านคอมเมนต์ เราก็เคยคิดนะว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น มันอาจจะไม่มีงานเลยก็ได้ ผมก็เลยลองนึกย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อน เราเคยทำอะไรมา มันก็เป็นแต่ละช่วง แต่ละเวลาที่กระแสมันเป็นแบบไหน ซึ่งผมเลือกที่เป็นแบบนั้น แต่พอมานั่งคิดเป็นแบบนั้นมันไม่ค่อยเวิร์ก

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่อยากกลับไปแก้คืออะไร?
แตงโม : ผมไม่เคยอยากกลับไปแก้อะไร แต่เราจำเอาไว้ว่าเราผิดพลาดอะไร แล้วเราเอากลับมาเป็นบทเรียน เราทำวันนี้ดีกว่า เพื่อให้วันพรุ่งนี้มันดีขึ้น ซึ่งผมได้ฟังคนหนึ่ง ชีวิตผมเปลี่ยนเพราะคนนี้เลย ฌอน บูรณะหิรัญ ผมรู้สึกว่าการที่คนเรามองบวกได้ มันจะทำให้ชีวิตก้าวหน้า

แสดงว่าตอนนี้คิดได้แล้ว
แตงโม : คิดได้ดิ เขาบอกวว่ามนุษย์จะคิดไม่ได้จนถึงจุดที่ต่ำ

อีกหนึ่งจุดที่มันผลักให้หลังติดกำแพงก็คือช่วงที่เคยแต่งงาน 8 เดือนแล้วเลิกเลย ช่วงนั้นมรสุมชีวิตเยอะไหม?
แตงโม : จริงๆ แล้วมันเป็นช่วงชีวิต ทุกคนมีขึ้นมีลง มันไม่มีใครลงตลอด และขึ้นตลอด แต่ว่าตอนที่เราลง เราทำยังไงให้เราดีดตัวเองขึ้นมาให้ได้ ผมบอกได้เลยไม่ต้องมีสูตรอะไรเยอะแยะ คุณแค่พัฒนาตัวเอง

คุณพ่อมีอะไรอยากจะสอนลูกไหม?
คุณพ่อปิยะพงษ์ : ไม่มีแล้วครับ เพราะประสบการณ์เป็นสิ่งที่สอนเขาอยู่แล้ว ทุกวันนี้เขาคิดได้ ใครที่คิดได้ก่อนก็ทำให้ทุกอย่างมันมาเร็วขึ้น ผมไม่เคยการันตีเขามาก่อนในชีวิต การันตีได้เลย เป็นคนดีจริงๆ

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"