จับค้างคาวไทยหาเชื้อไวรัส


เพิ่มเพื่อน    


    "หมอล็อต" นำทีมศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ลุยป่าจับค้างคาวมงกุฎ 23 สายพันธุ์ ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด- 19 หลังประเทศจีนตรวจพบเชื้อในตัวค้างคาวมงกุฎ หวั่นคนที่ยังนิยมกินค้างคาวเป็นอาหารมีโอกาสจะติดเชื้อได้ง่ายอย่างยิ่ง  เพราะไวรัสกลับมาใหม่ได้
    เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือ “หมอล็อต” หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าสำรวจบริเวณพื้นที่ถ้ำสะดอ หมู่ 2 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตามคำสั่งนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ  พร้อมประสาน ดร.เทคนิคการแพทย์หญิง (ทนพญ.) สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี รองหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นคนไทยคนแรกที่ค้นพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทย นายประทีป ด้วงแค คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ทหารพรานนาวิกโยธิน 544 ร่วมกันตรวจหาค้างคาวภายในถ้ำดังกล่าว
    โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้วางแผนใช้ตาข่ายดักจับค้างคาวได้มากกว่า 100 ตัว โดยนำมาเก็บตัวอย่างเลือด น้ำลาย และอุจจาระ เพื่อนำตัวอย่างที่เก็บได้ไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และเชื้อไวรัสอื่นๆ ที่สำคัญอย่างละเอียดในห้องแล็บต่อไป  
    ทั้งนี้ จากกระแสข่าวการระบาดไวรัสโควิด-19 ในจีน ที่คาดว่าเริ่มต้นจากค้างคาว มีลักษณะเดียวกันกับไวรัสที่ตรวจพบในค้างคาวมงกุฎ ซึ่งในเมืองไทยเรามีค้างคาวสายพันธุ์นี้ถึง 23 สายพันธุ์ แต่ยังไม่เคยมีการค้นหาตรวจสอบเชื้อไวรัสจากค้างคาวมงกุฎมาก่อนเลย
    นอกจากนี้ คณะของหมอล็อตยังได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านคลองคต หมู่ 7 ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ร่วมกันให้ความรู้เกี่ยวกับเชื้อโรคติดต่อจากค้างคาวแก่ผู้นำชุมชน ครูและนักเรียนโรงเรียนดังกล่าว พร้อมด้วยคณะมวลชนสัมพันธ์ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ได้ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19  และการอยู่ร่วมกับค้างคาวอย่างปลอดภัย โดยในการให้ความรู้ของคณะ ทำให้ทราบจากผู้นำชุมชนว่า ปัจจุบันคนงานในสวนลำไยจากประเทศเพื่อนบ้านบางส่วนใน อ.โป่งน้ำร้อน ยังกินค้างคาวที่มาติดตาข่ายดักค้างคาว และพากันจับกินเป็นอาหาร
    ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องเริ่มมีการตรวจสอบค้างคาวมงกุฎ เนื่องจากมีรายงานจากประเทศจีนว่า ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในคน มีลักษณะเดียวกันกับไวรัสที่พบในค้างคาวมงกุฎ ที่สำคัญได้มีการพบค้างคาวชนิดนี้ในไทยด้วย ในเมืองไทยมีค้างคาวมงกุฎถึง 23 สายพันธุ์ จึงจำเป็นต้องค้นหาโรค และไวรัสโควิด-19 ในค้างคาวมงกุฎทุกสายพันธุ์ในเมืองไทย
    เป็นครั้งแรกของไทยที่มีการหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในค้างคาวมุงกุฎอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ การวิจัยเรื่องโรคจากค้างคาวที่เมืองไทยทำมาเกือบ 20 ปี แต่ก็ยังไม่เคยมีการตรวจสอบค้างคาวมงกุฎแต่อย่างใด จึงยังไม่มีข้อมูลว่าค้างคาวมงกุฎมีเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบ หาคำตอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนต่อไป 
    ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์เผยต่อไปว่า ถ้ามองการพบเชื้อไวรัสโควิด -19 ในค้างคาวมงกุฎแบบเดียวกับที่พบค้างคาวสายพันธุ์นี้ในประเทศจีน เมืองไทยก็มีโอกาสจะพบเชื้อไวรัสนี้ แต่อัตราการติดเชื้อจะมีโอกาสมากหรือน้อย ต้องตรวจสอบกันต่อไป 
    "เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จะหมดไปจากเมืองไทย ไวรัสเดียวกันนี้จะกลับมาเกิดขึ้นในไทยจากค้างคาวมงกุฎหรือไม่อย่างไร ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ในการกินอาหารของคนไทย หากไม่กินค้างคาว ก็ยากจะได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ที่เป็นห่วงคือ คนที่ยังนิยมกินค้างคาวเป็นอาหารมีโอกาสจะติดเชื้อได้ง่ายอย่างยิ่ง" ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์
    ด้านนายสัตวแพทย์ภัทรพลเปิดเผยว่า เป็นที่น่ากังวลที่ยังมีคนนิยมกินค้างคาว เพราะมีความเชื่อผิดๆ การกิน การจับ มีโอกาสจะได้รับเชื้อไวรัสหรือเชื้อโรคใดๆ ก็ได้ จึงจำเป็นต้องทำคู่มือว่าด้วยเรื่องการอยู่ร่วมกับค้างคาวอย่างปลอดภัยแจกจ่ายให้ประชาชน ขณะนี้กลุ่มนักวิจัยกำลังศึกษาเส้นทางการอพยพ เส้นทางการหากินของค้างคาว โดยเน้นไปที่ค้างคาวมงกุฎ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส หรือโรคที่มาจากค้างคาวในอนาคต เป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับไวรัส แต่วิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดคือ การไม่ไปทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายธรรมชาติ หรือบุกรุกป่า ไม่ล่า ไม่ค้าสัตว์ป่า เชื้อโรคใดๆ จากสัตว์ป่าก็ไม่สามารถมาสู่คนได้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"