ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯขยับ วอนเสริมสภาพคล่อง ธปท.จ่อลดดอกเบี้ย!


เพิ่มเพื่อน    


     ข่าวดี! ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน วอนรัฐเร่งเสริมสภาพคล่องเอกชน ฟื้นความเชื่อมั่น ลูกหนี้เฮ! แบงก์ชาติเตรียมออกมาตรการด้านการเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เฟสใหม่ ดีเดย์ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.นี้ สั่งลดดอกเบี้ยยกแผง
     เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 78.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 75.9 ในเดือน เม.ย.63 โดยค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 แต่ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ซึ่งกระทบต่อการค้าการลงทุนและการจ้างงาน
     ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดย่อมประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและการเข้าถึงสินเชื่อ นอกจากนี้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทมากกว่าประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการส่งออก โดยจากการคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 91.5 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 88.8 ในเดือน เม.ย.63 เนื่องจากผู้ประกอบการมองว่าการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐในระยะต่อไปจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่หลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เช่นกัน ทำให้คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศกลับมาขยายตัว อย่างไรก็ตามค่าดัชนียังต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังไม่ดี
    ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ว่าต้องการให้เร่งผลักดันการใช้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 5 แสนล้านบาท รวมทั้งให้ บสย.ช่วยค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดย่อมให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ "รัชดา ธนาดิเรก-รองโฆษกรัฐบาล" โพสต์ข้อความระบุว่า  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมออกมาตรการด้านการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 (เฟสใหม่) จะเริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค. - 31 ธ.ค.63 มาตรการประกอบด้วย
     มาตรการบัตรเครดิต ลดดอกเบี้ยเหลือ 16% ต่อปี (จาก 18% ต่อปี) ถ้าแปลงหนี้เป็นหนี้ระยะยาว  (เทอมโลน) ลดดอกเบี้ยเหลือ 12% ต่อปี, บัตรกดเงินสด ลดดอกเบี้ยเหลือ 26% ต่อปี (จาก 28% ต่อปี), สินเชื่อส่วนบุคคล ลดดอกเบี้ยเหลือ 25% ต่อปี (จาก 28% ต่อปี) กรณีเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินเฉพาะกิจและ Non Bank ลดดอกเบี้ยเหลือ 22% ต่อปี (จาก 28% ต่อปี)
    สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ลดดอกเบี้ยเหลือ 24% ต่อปี (จาก 28% ต่อปี), สินเชื่อเช่าซื้อ ลดดอกเบี้ยลง 1% จากสัญญาเช่าเดิม, สินเชื่อบ้าน พักจ่ายเงินต้น 3 เดือน ปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดค่างวดและขยายเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ รอประกาศจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.).


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"