เลือกตั้งซ่อมลำปางพปชร.ชนะขาด


เพิ่มเพื่อน    


    เกรงจะโหรงเหรง "วิรัช" เปลี่ยนสถานที่เทียบเชิญ "บิ๊กป้อม" เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากทำเนียบฯ เป็นที่ทำการพรรคแทน กลัว ส.ส.ไม่สะดวก "ธนกร" ยก "อุตตม" ลูกผู้ชายตัวจริง ดูผ่อนคลาย สบายๆ สงสัยเพราะชอบเข้าวัดทำบุญ คงปล่อยวาง 
    เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า การที่กำหนดวันและเวลาที่แกนนำและ ส.ส.จะเดินทางไปเรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรค รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค พปชร.คนใหม่ จากเดิมกำหนดไว้วันที่ 23 มิ.ย.นี้ เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ล่าสุดได้เปลี่ยนเวลาและสถานที่ มาเป็นที่ศูนย์ประชุม ส.ส.พรรค อาคารวัน ตรงข้ามศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก 
    เนื่องจาก พล.อ.ประวิตรเกรงว่าแกนนำและ ส.ส.จะไม่สะดวกในการเดินทาง เนื่องจากตรงกับช่วงเวลาที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี จึงจะเดินทางไปพบกับ ส.ส.หลังการประชุม ครม.ในช่วงบ่าย ที่ศูนย์ประชุม ส.ส. ซึ่งจะตรงกับช่วงเวลาที่ประชุม ส.ส.ของพรรคด้วย
    ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์บอลรูม เมืองทองธานี ในวันที่ 27 มิ.ย.ว่า ขณะนี้เรากำลังทำเรื่องการปรับปรุงข้อบังคับของพรรคบางข้อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยนำข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเป็นตัวแบบ เพราะมีข้อบังคับบางข้อที่พรรคการเมืองอื่นมี แต่พรรค พปชร.ไม่มี เช่น ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค เพราะข้อบังคับเดิมไม่มีตำแหน่งรองหัวหน้าและตำแหน่งผู้อำนวยการ ที่ผ่านมาเป็นเพียงการจัดตั้งกันภายใน เราจึงแก้ไขวางกรอบอำนาจหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น 
    เขากล่าวว่า ในการประชุมในวันที่ 27 มิถุนายน ตอนนี้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ก็คงเหมือนการประชุม กก.บห.ครั้งที่ผ่านมา เพราะตนเชื่อว่านายอุตตม สาวนายน รักษาการหัวหน้าพรรค ที่จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม จะนำการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
    เราดำเนินการให้สมาชิกเข้าร่วมการประชุมตามข้อบังคับและกฎหมาย คือต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 250 คน โดยองค์ประชุมประกอบด้วยสมาชิกที่เป็น กก.บห.ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง สมาชิกจากสาขาพรรคไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง และสมาชิกพรรคประจำจังหวัด ทั้งนี้เราต้องจำกัดคนเข้าประชุมตามมาตรการป้องกันทางสาธารณสุข คาดว่าวันนั้นจะมาร่วมประชุมหลายร้อยคน
    เมื่อถามว่า ตำแหน่งเลขาธิการพรรคยังคงเป็นนายอนุชา นาคาศัย อยู่หรือไม่ นายไพบูลย์ตอบว่า เรื่องการเสนอชื่อว่าใครอยู่ตำแหน่งใด ก็คงมีการสรุปกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย คงเป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าว
    ส่วนในวันที่ 23 มิ.ย. จะมีการจัดขบวนเข้าเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคนั้น นายไพบูลย์กล่าวว่า ในส่วนนี้นายวิรัชเป็นผู้ดูแลหลัก ตนก็เห็นว่าได้เตรียมพร้อมแล้ว 
    นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ลูกผู้ชายตัวจริง การประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเพื่อกำหนดการประชุมใหญ่สามัญเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต้องชื่นชมสปิริตท่านรักษาการหัวหน้าพรรคมาประชุมด้วยสีหน้าสดใส ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
    ก่อนประชุมผมได้มีโอกาสคุยกับท่านอุตตม ดูท่านผ่อนคลาย สบายๆ สงสัยเพราะท่านชอบเข้าวัดทำบุญ ท่านคงปล่อยวาง ทุกอย่างว่าไปตามกติกา ตามข้อบังคับ ตามครรลองประชาธิปไตย ตั้งหน้าตั้งตาทำงานตามที่ "ลุงตู่" มอบหมายอย่างเต็มที่ นี่ถ้าเป็นผมคงไม่มีสมาธิ เพราะที่ผ่านมามีแต่ข่าวกระทบเก้าอี้แทบทุกวัน แต่ท่านอุตตมยังคงทำงานอย่างหนัก ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ผ่าน พ.ร.ก. 3 ฉบับ ต่อด้วย พ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 63 มาตรการเยียวยา 5,000 บาท เตรียม พ.ร.บ.งบปี 64 ฯลฯ
    ผมนับถือหัวใจท่านจริงๆ คนดี มีฝีมือ ซื่อสัตย์สุจริตเหมือน "ลุงตู่" นี่แหละที่สังคมไทยต้องการ ผมไม่ได้ชมท่านเพราะท่านเป็นผู้บังคับบัญชา แต่ผมชมท่านเพราะมันสัมผัสได้จริงๆ ผมเชื่อว่าคนที่รู้จักท่านอุตตมก็คงคิดเหมือนผม พี่น้องประชาชนคงคิดเหมือนผม อย่างไรก็ตาม 27 มิ.ย. ก็จะได้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่แล้ว ไม่มีความขัดแย้งใดๆ พลังประชารัฐจะต้องเป็นพรรคการเมืองของพี่น้องคนไทยทุกคนครับ"
    น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงชื่อของ พล.อ.ประวิตร ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคว่า ในส่วนของ พล.อ.ประวิตรนั้น ส.ส.ทุกคนให้ความเคารพท่านอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นเรื่องของมติพรรค ที่มาจากการตัดสินใจของสมาชิกพรรคทั้งหมด โดยเป็นกระบวนการประชาธิปไตยปกติ
    เมื่อถามต่อว่า เมื่อ พล.อ.ประวิตรมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแล้ว ความขัดแย้งจะจบลงหรือไม่ น.ส.วทันยากล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มหาเสียงวันแรก ไม่เคยคิดว่าพรรคจะเดินมาสู่ความขัดแย้ง ซึ่งพรรคก็มี ส.ส.ที่มาจากพื้นที่และสังคมที่หลากหลาย ถือว่าพรรคประสบความสำเร็จที่ ส.ส.เป็นตัวแทนของประชาชนทุกภาคทุกพื้นที่ ซึ่งสามารถสะท้อนปัญหาได้หลากหลาย วันนี้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มาจากความเห็นต่างเท่านั้น ขอให้อย่ามองว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องที่ไม่ดี เพราะในบางครั้งความขัดแย้งอาจจะนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนที่ดีขึ้นก็ได้
    พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชาติไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังชาติไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคพลังชาติไทยจะยุบพรรคเพื่อไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นเรื่องจริง ถ้า พล.อ.ประวิตรได้เป็นหัวหน้าพรรค พปชร.คนใหม่ จะไปเข้าร่วม แต่ต้องรอให้ที่ประชุม กก.บห.พรรคพลังชาติไทยเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด คงจะเรียกประชุม กก.บห.พรรคเร็วๆ นี้ คาดว่าคงไม่มีปัญหา เท่าที่เคยคุยทุกคนไม่ขัดข้อง
    เมื่อถามว่า พรรคเล็กรวมตัวกันสนับสนุนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้ได้โควตารัฐมนตรีในนามพรรคเล็ก พล.ต.ทรงกลดกล่าวว่า 11 พรรคเล็กมีการคุยกันเรื่องโควตารัฐมนตรี ซึ่งก็สนับสนุนนายมงคลกิตติ์เป็นรัฐมนตรี แต่บางพรรคไม่เห็นด้วยก็ไม่ลงชื่อด้วย ส่วนจะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รัฐมนตรีก็ไม่เป็นไร
    ด้านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ในฐานะโฆษกส่วนตัวของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคว่า ขอสื่อสารไปยังสมาชิกพรรคให้เชื่อมั่น เชื่อถือ และเชื่อมือในการบริหารงานของนายจุรินทร์และ กก.บห.ทุกคน ที่ได้ร่วมกันผลักดันผลงานให้เป็นรูปธรรม ส่วนช่วงที่ผ่านมา ที่มีการมองว่ามีแรงกระเพื่อมภายในพรรคนั้น ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นเสาหลักการเมืองของไทย และยืนหยัดทำงานเพื่อประชาชน
    เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค นายแทนคุณกล่าวว่า แน่นอนว่าหัวหน้าพรรคจะยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะกลไกไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ พรรคผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นสิบๆ ปี ในเรื่องกลไกมีความแน่นอน เรื่องเสรีนิยมและระเบียบวินัยต้องไปด้วยกัน โดยทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่อะไรที่กระทบต่อพรรคก็ไม่ควร บางเรื่องควรพูดคุยกันเป็นการภายใน เหมือนโบราณว่าความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า แต่ถ้าเกิดปัญหาก็ควรคุยกันอย่างญาติมิตร ซึ่งจากการทำงานของนายจุรินทร์ก็เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าไปปรึกษาหารือได้ตลอด รวมถึงให้ทีมงานมอนิเตอร์สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดผลกระทบต่อพรรค ทั้งนี้ ประชาธิปัตย์เกิดมรสุมครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง เชื่อว่าครั้งนี้ก็จะผ่านไปได้
    น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในผู้ที่ไปร่วมรับประทานอาหารที่ห้องทำงานของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เผยว่าการไปรับประทานอาหารเป็นนัดหมายที่มีมาตั้งแต่ก่อนมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อนักการเมืองเจอกันก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการเมืองและเรื่องภายในพรรค ซึ่งนายพีระพันธุ์ในฐานะที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ก็แสดงความเป็นห่วงพรรค เพราะมีข่าวว่ามีความเคลื่อนไหวจะเปลี่ยนตัวหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค แต่ตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะตนไม่ได้เป็นคนเคลื่อนไหว ส่วนตัวคิดว่าควรจัดประชุมใหญ่โดยเร็ว เพื่อระดมความเห็นต่างๆ จากสมาชิกจะได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรค และส่วนตัวก็ไม่ได้เคลียร์อะไรกับหัวหน้าพรรค เพราะไม่มีอะไรจะเคลียร์
    ถามว่า ไม่ผูกติดว่าจะต้องอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ตลอดไปใช่หรือไม่ น.ส.รังสิมากล่าวว่า เรื่องการเมืองจะจำกัดเลยคงไม่ได้ จะต้องดูสถานการณ์ ตอนที่จะเลือกตั้งว่าการเมืองเป็นอย่างไร ประชาชนยอมรับหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็หาเสียงด้วยตัวเองเช่นกัน เพราะมีกรณีชอบคนไม่ชอบพรรค
    ทั้งนี้ น.ส.รังสิมาไม่ได้รับปากว่าจะไม่ย้ายพรรค เพราะกลัวว่าถ้ารับปากแล้วมีเหตุให้ต้องย้ายพรรค เกรงว่าจะโดนด่า
    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 จ.ลำปางว่าคึกคักน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ขณะที่ภายหลังการปิดหีบลงคะแนนเวลา 17.00 น. บรรยากาศการนับคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งมีประชาชนมาสังเกตการณ์ประปราย เจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการนับคะแนน ซึ่งผู้สมัครเบอร์ 1 จากพรรคพลังประชารัฐ และเบอร์ 2 จากพรรคเสรีรวมไทย คะแนนค่อนข้างสูสี
    สุดท้ายทิ้งห่าง โดยนายวัฒนา สิทธิวัง เบอร์ 1 ได้ 46,080 คะแนน และ ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ เบอร์ 2 ได้ 26,879 คะแนน  ซึ่งเป็นคะแนนที่เก็บรวบรวมโดยพรรคพลังประชารัฐ. 
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"