เทคนิคแปลงร่างสร้างเกษตรไทยโต


เพิ่มเพื่อน    


    การทำการตลาดแบบเดิมของชาวนาและเกษตรกรรวมถึงผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าทางการเกษตรนั้นอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจากการตลาดรูปแบบเดิมนั้นเหมาะสำหรับการขายสินค้าหรือพืชผลทางการเกษตรผ่านทางพ่อค้าคนกลางเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญสถานการณ์มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกจากโรคโควิด-19 ผู้ประกอบการทั่วโลกยังถูกบีบและร่นระยะเวลาให้เข้าสู่ระบบการตลาดดิจิทัลไปโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้เกิดการเรียกวิกฤตการณ์นี้ว่า “COVID Disruption” วิกฤติที่ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องหันกลับมาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจ การขาย การตลาดในรูปแบบใหม่ทั้งหมด หรือชีวิตวิถีใหม่ (NEW NORMAL) เพื่อปรับตัวให้สามารถยืนหยัดต่อสู้กับสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบ ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการและผู้บริโภคจึงถูกดึงดูดให้ก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างที่ใครก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
    ในช่วงที่ผ่านมาสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดโครงการสัมมนาหลักสูตร Smart Farmer ออนไลน์สู่ตลาดโลก เพื่อให้ความรู้และเทคนิคเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัล กับการขายสินค้าในกลุ่มสินค้าเกษตรกับเกษตรกรรุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จ โดยมีวิทยากรมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และกลยุทธ์ในการขายสินค้าและการทำการตลาดให้กับเกษตรกรไทยรุ่นใหม่ โดยมีเทคนิคสำคัญที่ต้องจำและนำไปปรับใช้อยู่ด้วยกันหลายข้อ
    อย่างแรกเลยคืออยากรอดต้องรีบปรับ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม คนส่วนใหญ่ยังอยากออกไปทานอาหารนอกบ้าน ออกไปทำเล็บ ทำสปา ทำผม ทำกิจกรรมต่างๆ เพราะคนยังต้องการการเข้าสังคมอยู่ หากธุรกิจบริการยังฟื้นตัวได้ แต่ผู้ประกอบการไทยจำเป็นที่จะต้องรีบปรับตัว เพราะถ้าไม่ปรับโลกจะเป็นคนปรับเอง จะเห็นได้ว่าจากคลื่นโควิดที่กำลังถาโถมเข้ามาตอนนี้เป็นเพียงคลื่นลูกแรกที่เกิดขึ้น
    แต่ในอนาคตอาจจะมีคลื่นลูกที่สอง หรือสามตามมาอีก หากต้องการเป็นคนที่อยู่รอด พาธุรกิจตนเองให้รอดพ้นจากวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 นี้ ผู้ประกอบการจะต้องปรับ เปลี่ยน เรียนรู้ ตลอดเวลา อย่าหยุดนิ่งเพียงการขายและการทำการตลาดในรูปแบบเดิมเท่านั้น แต่ยังคงต้องมองหาช่องทางการขายใหม่ๆ ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้น
    ต่อมาก็ต้องบอกว่าอิทธิพลโซเชียลที่ยังทรงพลัง การสร้างคอนเทนต์และเรื่องราวที่ดีให้กับสินค้า เพื่อดึงดูดความน่าสนใจให้กับลูกค้า ดึงจุดขายของผลผลิตและผลิตภัณฑ์ออกมาให้น่าสนใจ ซึ่งหากคอนเทนต์นั้นได้รับความสนใจจากสังคม ก็จะเปลี่ยนมูลค่าของสินค้านั้นไปอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่าง จากข่าวในช่วงที่ผ่านมา แม่ค้าไลฟ์สดขายแตงโมกิโลกรัมละ 3 บาท ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีอยู่ในมือของตัวเอง เพียงแค่สมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่อง หลังจากนั้นมีคนแห่ซื้อจนขายหมดและมีออเดอร์มากมายเพียงชั่วข้ามคืน
    จะเห็นได้ว่าแม่ค้ามีเพียงแค่สมาร์ทโฟนเครื่องเดียว แต่สามารถพลิกวิกฤตินั้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้กลายเป็นโอกาสได้ในพริบตา สะท้อนว่าสถานการณ์ในวันนี้อิทธิพลของโซเชียลมีเดียทรงพลังมาก นอกจากจะเป็นการสื่อสารอย่างไร้พรมแดนแล้ว แต่ยังเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการขายผ่านออนไลน์อีกด้วย
    อย่างสุดท้ายเลยก็คือการตลาดยุคใหม่ต้องเอาใจคนขี้เกียจ อ้างอิงถึง Lazy consumer หรือตลาดของคนขี้เกียจ จากผลการวิจัยพบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีความขี้เกียจมากขึ้น เพราะมีเทคโนโลยีมาช่วย มีดิจิทัลครอบงำในชีวิตประจำวัน และตลาดคนขี้เกียจก็กำลังเป็นเทรนด์ที่เชื่อมโยงกับโลกออนไลน์ จนกลายเป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาดกับคนกลุ่มนี้
    กลยุทธ์ดังกล่าวเรียกว่า “SLOTH Strategy” โดยจะแบ่งคำจำกัดความได้ดังนี้ S = Speed หรือรวดเร็ว หากอยากถูกใจคนขี้เกียจต้องเร็ว, L = Lean กระชับ ตัดทอน พยายามทำทุกอย่างให้เข้าถึงง่าย, O = Enjoy สนุกสนาน เอาใจด้วยความสนุกและน่าสนใจ, T = Convenient ตอบโจทย์ความต้องการให้สะดวกและสบายมากที่สุด, H = Happy มอบความสุขและแก้ไขปัญหาให้ได้ตรงจุด และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการหลายๆ อย่างของคนในยุคนี้ เช่น ต้องการความสะดวกสบาย ไม่มีความยุ่งยาก พร้อมเสมอเมื่อมีความต้องการ นั่นจึงเป็นการตลาดยุคใหม่ที่ความขี้เกียจจะทำให้ธุรกิจยิ่งเติบโต.

รุ่งนภา สารพิน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"