วุ่น! ประชุม กมธ.งบโควิด-19 'ไพบูลย์' นั่งหัวโต๊ะให้กรรมาธิการแนะนำตัว เจอท้วงเสียเวลา


เพิ่มเพื่อน    

25 มิ.ย.63 - ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบ การใช้เงินตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หลังจากมีมติเลือกนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ว่า ตนจะเสนอแนวทาง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.นอกจากงบประมาณจาก พ.ร.ก. 3 ฉบับแล้ว ต้องมีการตรวจสอบงบกลางที่ได้รับการโอนจากงบประมาณปี 2563 ด้วย 2.นอกจากการตรวจสอบงบประมาณแล้ว ต้องติดตามตรวจสอบมาตรการด้วย เช่น การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมาตรการหลายอย่างที่ยังไม่คลายล๊อค และ 3.การทำงานของ กมธ.ควรมีอายุมากกว่า 120 วัน เนื่องจาก พ.ร.ก.กู้เงิน ให้อำนาจรัฐบาลกู้เงินถึงสิ้นเดือนกันยายน 2564

ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ได้รับเลือกเป็นประธาน กมธ.นั้น นายพิธา กล่าวว่า ไม่ว่าประธานจะเป็นใคร ทุกอย่างมีกติกามีข้อบังคับ จริงๆ แล้ว ถ้าฝ่ายค้านเป็นประธานจะสง่างามกว่า เพื่อให้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ฝ่ายค้านก็ต้องทำงานให้หนักมากขึ้นในการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องเชื่อมโยงกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ด้วย

สำหรับกรณีที่น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊กตอบโต้กรณีวิจารณ์เกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)และปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐนั้น นายพิธา กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่เห็นข่าวดังกล่าว แต่ที่ตนแสดงความเห็นไปเนื่องจากเป็นผู้แทนประชาชน เพราะสิ่งที่ประชาชนเห็นเพียงแค่การรักษาอำนาจมากกว่าการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งตนก็ทำหน้าที่ของตน ส่วนน.ส.ปารีณาก็คงทำหน้าที่ของน.ส.ปารีณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมกมธ.มีการถกเถียงกันเล็กน้อยระหว่างนายไพบูลย์ ที่ให้กรรมาธิการแต่ละคนแนะนำตัว โดยนายอดิศร เพียงเกษ กรรมาธิการ จากพรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ทักท้วงว่าเสียเวลา แต่นายไพบูลย์ให้แนะนำตัวต่อไป จึงทำให้นายณัฐวุฒิ วอร์คเอ้าท์ออกจากห้องประชุม

ขณะที่นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานกมธ. เสนอกรอบการทำงาน เรื่องสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1. ต้องพิจารณาเกณฑ์การอนุมัติใช้เงินใน พ.ร.ก.แต่ละฉบับ เพื่อให้โครงการเป็นประโยชน์ต่อประชาชน 2.ต้องมีการประเมินผลที่ชัดเจน เกิดประโยชน์จริงหรือตรงกับกลุ่มคนที่ควรจะได้รับหรือไม่ ซึ่งระบบราชการไทยมักจะไม่มีการประเมินผล มีแต่การใช้งบประมาณให้หมด และต้องตอบให้ได้ว่าเป้าหมายคืออะไร และ 3.การพิจารณาโครงการต่างๆ กมธ.ควรมีคำแนะนำ ไม่ใช่แค่วิจารณ์อย่างเดียว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"