สายตรงลุงตู่  กางปีก 'ไทยนิยม' คลุมพื้นที่


เพิ่มเพื่อน    

     ไทยนิยม ยั่งยืน โครงการต่อยอดจากแนวคิด ประชารัฐ เพื่อวางรากฐานการพัฒนาสู่ฐานรากของประเทศ ตามแนวคิดของ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งทำหน้าที่ประธานกรรมการขับเคลื่อน โดยดึงทุกภาคส่วนตั้งแต่ระดับบน จนถึงระดับล่างเข้ามาเป็นฟันเฟืองร่วมกันขับเคลื่อน

     ถึงวันนี้งานหลายด้านเริ่มขยับ ท่ามกลางเสียงตอบรับและคำติฉินปะปนกันไป บ้างก็ว่าทำเพื่อต่อยอดหาเสียง เรียกคะแนนนิยม บ้างว่าไร้ประโยชน์ เพราะทุกวันนี้บางคนยังไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่ามีโครงการดังกล่าว

     แต่ถึงกระนั้น บิ๊กตู่ ยังนำทัพลุยต่อ ด้วยการลงพื้นที่ทุกเดือนให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ  ขณะที่ล่าสุดได้เปิดตัวสายตรงไทยนิยม หรือ สายตรงลุงตู่ ซึ่งเปิดผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บไซต์  เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชัน เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน 

     ที่ประกอบด้วยแอปพลิเคชัน police I lert U แจ้งเบาะแสเหตุด่วนเหตุร้าย 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), สายตรงศูนย์ดำรงธรรม 1567 ของกระทรวงมหาดไทย, ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) และศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ สายด่วน 1299 ของ คสช.

     ขณะที่ความคืบหน้าการดำเนินงานของแต่ละกระทรวงเริ่มปรากฏ ปัจจุบันทุกกระทรวงต่างปัดฝุ่น ขันนอตภารกิจต่างๆ ของหน่วยงานในความรับผิดชอบ ให้เดินหน้าตามแบบไทยนิยมของบิ๊กตู่ 10 ด้าน  ได้แก่ สัญญาประชาคมผูกใจไทยเป็นหนึ่ง, คนไทยไม่ทิ้งกัน, ชุมชนอยู่ดีมีสุข ,วิถีไทยวิถีพอเพียง, รู้สิทธิ รู้หน้าที่, รู้กลไกการบริหารราชการ, รู้รักประชาธิปไตยไทยนิยม, รู้เท่าทันเทคโนโลยี, ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด และงานตามภารกิจของส่วนราชการและหน่วยงาน

     โดย กระทรวงมหาดไทย ในฐานะแม่งานหลักจัดเวทีประชาคมแต่ละพื้นที่ ได้นำเทคโนโลยี 4.0  ในการรายงานผลผ่านโทรศัพท์มือถือมาใช้ พร้อมจัดกิจกรรมในส่วนของกระทรวงด้วยเช่นกัน อาทิ  รณรงค์ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อส. อปพร. และประชาชนในพื้นที่สมัครเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) รับสิทธิรัฐสมทบเงินออมเพื่อบำนาญ เป็นการสร้างเสริม วิถีไทยวิถีพอเพียง มีวินัยการออมในทุกช่วงอายุตามแนวทางไทยนิยม

     ขณะที่ กระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดร่วมผนึกกำลังขับเคลื่อนการศึกษาและการเรียนรู้ ภายใต้กรอบหลักในการดำเนินการเพื่อการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศไทยสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ที่ต้องการให้เข้าไปร่วมเป็นทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยตามโครงการไทยนิยมฯ ระดับตำบล

     ด้าน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีส่วนร่วมตามโครงการใน 3 เรื่อง คือ 1.คนไทยไม่ทิ้งกัน  โดยทำแผนงานเพิ่มทักษะอาชีพแก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 2.ชุมชนอยู่ดีมีสุข ด้วยการทำแผนงานการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรทั้งระบบ และ 3.งานตามภารกิจของทุกหน่วยงาน โดยให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับกลไกการบริหารราชการ งบประมาณ สร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของประชาชนทุกขั้นตอน

     ส่วน กระทรวงยุติธรรม เตรียมเพิ่มช่องทางการเผยแพร่กฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในส่วนของกฎหมายใหม่และแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายที่ประชาชนควรรู้ กฎหมายที่เด็กและเยาวชนควรรู้ และกฎหมายที่สื่อมวลชนควรรู้ ซึ่งเชื่อมโยงกับโครงการไทยนิยมฯ ที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการของรัฐได้โดยง่ายและรวดเร็ว

     ด้าน กระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าไทยนิยมฯ ให้มีอาสาสมัครสาธารณสุข 4.0 เพื่อพัฒนาให้มีความรู้และดูแลประชาชน รวมทั้งยังมีโครงการเพิ่มเติมที่เน้นการดูแลเด็ก รวมถึงจะส่งเสริมโครงการสำหรับผู้มีรายได้น้อยและโครงการติดตามผู้เสพยาเสพติดด้วย

     ซึ่งทั้งหมดคือความคืบหน้าโครงการไทยนิยม ยั่งยืนเพียงบางส่วน ซึ่งมีการนำแนวทางไทยนิยมฯ มาสอดแทรกในแผนงานที่ดำเนินการเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมี บิ๊กตู่ ลงไปกวดขัน ส่วนท้ายที่สุดผลงานจะตกผลึกออกมาเป็นอย่างไร จะสำเร็จตามที่วางไว้หรือไม่

     และการสยายปีก ใช้สรรพกำลังในนามของไทยนิยมห่มคลุมไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จะสัมฤทธิผลมากน้อยแค่ไหน คำตอบคงเห็นได้จากผลการเลือกตั้ง?


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"