ตีฝ่าถึงให้วันเกิดเมือง 2564-เศรษฐกิจเริ่มขาขึ้น


เพิ่มเพื่อน    

        

 รูปที่ 1.ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และรูปจันทร์ล่าราหู 8 ศรีจร และราหู 8 ศรีจรค้นทรัพย์ดวงเมืองสมัยลดค่าเงินบาท 2 พฤศจิกายน 2527

รูปที่ 2.ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และรูปจันทร์ล่าราหู 8 ศรีจร และราหู 8 ศรีจรค้นทรัพย์ดวงเมืองระหว่าง 10กันยายน 2563-29 มีนาคม 2565

            ก่อนอื่นขอย้ำอีกครั้งถึงภาพกว้างๆ ของเมืองว่า ตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป จะเริ่มมีปรากฏการณ์อลวนสำคัญทั้งดี-ร้าย ในเมือง (ดาวใหญ่เดินผิดปกติหลายดวง-บวกจันทร์ล่าราหูศรีจรและราหูศรีจรค้นทรัพย์ดวงเมือง) ทั้งทางเศรษฐกิจ-การเมือง-ภัยพิบัติขนาดใหญ่ จนบางระยะเหมือนเมืองถูกบีบ-คลาย-บีบ สลับกันไป ถึงอย่างต่ำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อเดินหน้าสู่วันเกิดดวงเมืองที่ 21 เมษายน 2564 อันเป็น หมุดหมายของปีทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

                ขนาดราหูไม่เริ่มค้นทรัพย์-จันทร์ยังไม่ล่าราหูดวงเมืองจริง เอาแค่เริ่มฉายหนังตัวอย่างอาการหนักหนาทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 (มฤตยูจร 0 เจ้าของภัยอาเพศทับลัคนาเมือง-โลก) ก็เริ่มปรากฏเป็นระยะๆ ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าทั้งด้านสุขภาพและกระทบเศรษฐกิจใหญ่หลวง

                ขอสารภาพว่า เมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ประเมินอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศปี 2563 ว่าจะติดลบร้อยละ 8.1 จากเดิมร้อยละ 5.3 ผู้เขียนซึ่งอยู่ในวงการข่าวมาสามสิบปี เจอเรื่องทั้งดี-ร้ายของชาติมาหลายครั้ง ถึงกับสะดุ้งพลิก ตำราโหร-ปูมโหร แทบไม่ทันว่าเมืองจะไปทางไหน? อะไรที่รอเมืองอยู่? แล้วสกัด-สรุปออกมาเป็นบทความตอนสุดท้ายเพื่อทำนายผลที่รอเมืองอยู่ท่ามกลางจันทร์ล่าราหูและราหูค้นทรัพย์เมือง ดังนี้

                1.ทั้งปรากฏการณ์จันทร์ล่าราหูศรีจร และราหูศรีจรค้นทรัพย์เมืองรอบนี้ ทั้งเรื่องร้าย-ดีจากพระราหู จะเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นมูลเหตุ (พระราหูศรีจร 8 เดินอยู่ในราศีพฤษภ ดินแดนของเศรษฐกิจ-การทำมาหาได้ของเมือง)

                2.ประเด็นเศรษฐกิจที่ปรากฏแววด้านร้ายออกมาเป็นระยะๆ ทั้งก่อนหน้าและขณะนี้ เช่น การที่เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งห้ามธนาคารพาณิชย์จ่ายปันผลเฉพาะกาล หรือซื้อหุ้นคืนเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความไม่แน่นอนสูงมาก ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทย ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ และจะจบอย่างไร จึงต้องสงวนเงินไว้เพื่อรักษาระดับเงินกองทุนของธนาคารเองได้เป็นกันชนรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นยังเป็นแค่หนังตัวอย่าง

                3.หนังจริง-เหตุร้ายหรือใหญ่จริงยังรอจะเกิดสักหนึ่งครั้ง โดยรอบนี้จะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป (พระราหู 8 ศรีจรเริ่มเข้าราศีพฤษภเริ่มถูกพระจันทร์ล่า และพระราหูศรีจรก็เริ่มค้นทรัพย์ดวงเมืองไปพร้อมกัน-พร้อมปรากฏการณ์เมืองถูกบีบ)

                4.ปรากฏการณ์ด้านร้ายรอบแรกคาดว่า จะเริ่มคลี่คลายประมาณ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป (พระอังคาร 3 กาลกิณีจรดวงเมืองเริ่มเดินเข้าราศีพฤษภ-ได้มาตรฐาน-ปรเกษตร-ฤทธิ์ร้ายเสื่อมลง)

                5.ผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองที่รับมือปรากฏการณ์รอบนี้ส่วนใหญ่พึ่งได้ พวกเขาจะทำในสิ่งที่ควรทำ และต้องทำ (พระราหูมนตรีเดิม-หมายถึงผู้หลักผู้ใหญ่-ที่พึ่งของเมืองตามทักษาวันเกิดเมือง กำลังเป็นศรี-สิริมงคลจร) ตัวอย่างเช่น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งธนาคารพาณิชย์งดปันผลเฉพาะกาล ซื้อหุ้นคืน-กระทรวงทรัพย์รับคนทำงานชั่วคราวกว่าหมื่นคน-กระทรวงพลังงานออกมาตรการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น สำรวจขุดเจาะน้ำมันแก๊ส ฯลฯ

                แต่ก็อีกนั่นแหละ แม้จะเป็นศรีจร พระราหูก็คือพระราหู ที่เป็นบาปเคราะห์ ก่อนจะให้คุณงามความดีอะไรก็อาจจะต้องผ่านความยุ่งยากก่อน คือ จะมีเรื่องใหญ่ให้เป็นประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระวังการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่เหมือนหวัง (ทำ) ดี แต่ประสงค์ร้าย หรือ การใช้อำนาจเกินขอบเขตในเมือง (พระอังคารเป็นกาลกิณีจร)

                ตั้งแต่ข้อ 1-5 ผู้เขียนขอยกเหตุการณ์ในอดีตมาเทียบเคียงอีกครั้ง ด้วยเหตุการณ์ใน รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี-ดร.เสนาะ อูนากูล เป็นรองนายกรัฐมนตรี -คุณสมหมาย ฮุนตระกูล หรือปู่สมหมาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ขณะนั้นพระราหูเป็นศรีจร-ถูกจันทร์ล่า และราหูก็ค้นทรัพย์เมือง แต่เมืองพึ่งพวกท่านได้

                นั่นคือเมื่อเห็นว่าค่าเงินแข็งเกินไป รัฐบาลขณะนั้นจึงตัดสินใจลดค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2527 ประมาณร้อยละ 15จากประมาณ 23 เป็น 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

                ผลคือรัฐบาลถูกถล่มทั้งเมือง จนเกิดเหตุการณ์ทหารใช้อำนาจเกินขอบเขต (พระอังคารเป็นกาลกิณีจร) ในคืนวันลอยกระทงเมื่อพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผบ.ทบ.ขณะนั้น ออกอาการไม่พอใจแสดงความคิดเห็นคัดค้านรัฐบาลอย่างดุเดือด ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 7 ผลจึงกลับตาลปัตร สังคมหันมาหนุนรัฐบาลจนนำมาซึ่งการปลด ผบ.ทบ.ในที่สุด

                6.ผลทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์คืนลอยกระทงนั้นน่าสนใจมาก ผู้เขียนเองก็จำได้เลาๆ แต่ไปค้นดูพบคุณ ซูม หรือ สมชาย กรุสวนสมบัติ ท่านเคยเขียนไว้ในไทยรัฐเป็นตำนานว่า เพียงปีเดียวจากเหตุการณ์วันลอยกระทงปี 2527 พอวันลอยกระทงปี 2528 สัญญาณดีทางเศรษฐกิจเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภาคส่งออกและท่องเที่ยว

                คุณซูมสรุปว่า วันลอยกระทงปี 2528 จึงเป็นวันลอยกระทงที่สนุกที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ คนออกมาเที่ยวกันครึกครื้น เป็นการ เริ่มนำประเทศสู่ความโชติช่วงชัชวาล เพื่อ หวังเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย

                7.ข้อมูลทางโหร (ตามรูปที่ 1.) คือ แม้จันทร์จะล่าราหูและราหูจะค้นทรัพย์ดวงเมืองขณะเกิดเหตุการณ์วันลอยกระทง แต่เพราะพระราหู-มนตรีเดิมอันหมายถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเป็นศรีจร หมายถึงสิริมงคล ขณะนั้น คณะ ครม.ของป๋าพึ่งพาได้ ทำสิ่งที่ต้องทำเพื่อเมือง คือตัดสินใจลดค่าเงินบาท

                แม้จะยุ่งยาก-ถูกดดันขนาดหนักก่อน (เพราะพระราหูเป็นบาปเคราะห์) แต่ผลดีค่อยๆ ตามมาให้เริ่มได้เห็น เมื่อทักษาเมืองเปลี่ยนภูมิแล้วพระศุกร์ (6) ซึ่งเป็นตัวแทนเศรษฐกิจและการทำมาหาได้ของประเทศเป็นศรีจรเมือง ระหว่าง 21 เมษายน 2528-21เมษายน 2529 นั่นคือ

                8.เพียงหนึ่งปีหลังเหตุการณ์คืนวันลอยกระทง 2527 ปรากฏว่าปี 2528 เป็นปีที่ไทยเริ่มมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก และเป็นไปยาวนานถึง 2539 คิดเป็น 9.4% ต่อปีโดยเฉลี่ย แม้ในทางการเมืองจะเปลี่ยนรัฐบาล-เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไปแล้ว

                9.ข้อมูลทางโหร (ตามรูปที่ 2) คือขณะที่พระราหูจรเริ่มค้นทรัพย์เมืองรอบนี้ตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป พระราหูเป็นศรีจรของเมือง

                ครั้นตั้งแต่ 21 เมษายน 2564 เป็นต้นไป-21 เมษายน 2565พระศุกร์จะเป็นศรีจรของเมือง จึงเมื่อเทียบเคียงกับเหตุการณ์สมัยป๋าเปรมแล้ว ผู้เขียนเชื่อว่าหากคนในเมืองฟันฝ่าไปถึงอย่างต่ำ 24 กุมภาพันธ์ 2564 แล้วไปให้ถึงวันเกิดดวงเมืองที่ 21 เมษายน 2556 แววดีทางเศรษฐกิจจะเริ่มเห็น และเมืองจะเริ่มไต่อันดับทางเศรษฐกิจไปเรื่อยเหมือนที่เคยเกิด เพราะฝีมือป๋าเปรม-คุณเสนาะ-ปู่สมหมาย

                และนี่คือที่มาที่ไปที่ผู้เขียนตอบคำถามคุณวีระ ธีรภัทรานนท์เมื่อปลายปี 2562 ที่ถูกถามเรื่องเศรษฐกิจในรายการฟังหูไว้หู คือให้คนไทยฝันให้ไกล ฟันฝ่าตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 ไปให้ถึงวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 ให้ได้ เพื่อสู่ปีที่ดี เริ่มเห็นแววได้ไต่อันดับทางเศรษกิจเหมือนสมัยที่รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เคยทำไว้

                ส่วนไต่ขึ้นแล้วจะไปถึงไหน ก็ต้องว่ากันเป็นช่วงๆ-ปีๆ ไป

                สุดท้ายชาวหุ้นถามกันมามาก ผู้เขียนก็เห็นว่าดัชนีมันก็ขึ้น-ลงทุกวัน แต่มีตัวอย่างตัดตอนเฉพาะ ปีที่พระศุกร์เคยเป็นศรีจรของเมือง ในรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคยทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก คือร้อยละ 116 เมื่อเทียบกับวันเดียวกันของปีก่อนหน้า เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อ 31 ธันวาคม 2546 ส่วนรอบนี้จะเป็นอย่างไรก็ดูกันเอาเอง

                อ้อเมืองที่อยู่ในช่วงที่พระราหูเป็นศรีจรต่อด้วยศุกร์ศรีจรแบบนี้ ปลายปีนี้เราอาจได้เห็นบุคลากรทางเศรษฐกิจของเมืองสักคน-สองคนอาจโด่งดังไปต่างประเทศ เช่นในอดีตที่ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ไปเป็นผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"