อึ้ง!โพลชี้ยุคไร้คนดี ไม่มีใครเหมาะนายกฯ/เย้ยพปชร.โอลด์นอร์มอล


เพิ่มเพื่อน    

  โพลระบุยังหาคนเหมาะสมเป็นนายกฯ ไม่ได้ แต่ยังหนุน "ประยุทธ์" นั่งนายกฯ ต่อ หดหู่การเมือง "บิ๊กตู่" กำลังเดินสู่ระบบเก่าที่เคยถูกอ้างก่อนยึดอำนาจ รู้สึกเห็นใจ 4 รมต.กุมารจะถูกปรับออก "เพื่อไทย" เย้ย พปชร.ยังไม่พ้นภาวะวางบิลแย่งชามข้าว การเมืองแบบโอลด์นอร์มอลทั้งระบบ บี้ "ประวิตร" พิสูจน์ตัวเองแก้วิกฤติเศรษฐกิจ "รองฯ อ้น" มั่นใจ "ลุงป้อม" นำ พปชร.เป็นหนึ่งเดียวรับใช้ประชาชน ฟื้นฟูประเทศให้เข้มแข็งเหมือนเดิม "สุวิทย์" โพสต์ทิ้งปริศนา "นกไม่เคยกลัวกิ่งไม้หัก มันไม่เคยเชื่อใจในกิ่งไม้ แต่เชื่อใจในปีกของตัวเอง"

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 2” สำรวจระหว่างวันที่ 22-24 มิถุนายน 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ 2,517 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 44.06 ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้, อันดับ 2 ร้อยละ 25.47 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะบริหารงานดีอยู่แล้ว ทำงานตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์ บ้านเมืองสงบไม่วุ่นวาย ช่วยเหลือประชาชนได้จริง และอยากให้ดำรงตำแหน่งต่อไป, อันดับ 3 ร้อยละ 8.07 ระบุคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) เพราะมีประสบการณ์การทำงาน การบริหารงานที่ผ่านมาได้ดี พูดจริง ทำจริง, อันดับ 4 ร้อยละ 7.03 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ
    อันดับ 5 ร้อยละ 4.57 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริง ทำจริง มีความซื่อสัตย์, อันดับ 6 ร้อยละ 3.93 ระบุว่าเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะอยากได้คนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ และชื่นชอบนโยบายพรรค, อันดับ 7 ร้อยละ 1.67 ระบุว่าเป็นนายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) เพราะมีวิสัยทัศน์ที่ดี มีความเป็นผู้นำ มีความสามารถทางด้านเศษฐกิจ และมีความเข้าใจการเมืองทั้งแบบเก่าและแบบใหม่, อันดับ 8 ร้อยละ 0.99 ระบุว่าเป็นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) เพราะชอบผลงานของพรรคเพื่อไทย และเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น, อันดับ 9 ร้อยละ 0.95 ระบุว่าเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะมีความเป็นผู้นำ การทำงานมีความยืดหยุ่น, อันดับ 10 ร้อยละ 0.87 ระบุว่าเป็นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคเศรษฐกิจใหม่) เพราะมีนโยบายพรรคที่ชัดเจน น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ดี
     อันดับ 11 ร้อยละ 0.83 ระบุว่าเป็นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะไม่มีประวัติด่างพร้อย และมีวิสัยทัศน์ที่ดี, อันดับ 12 ร้อยละ 0.44 ระบุว่าเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะมีผลงานในการทำงานที่ดี และบริหารจัดการงานได้ดี, อันดับที่ 13 ร้อยละ 0.32 ระบุว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) เพราะชอบในการทำงาน และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และนายชวน หลีกภัย ในสัดส่วนที่เท่ากัน, อันดับ 14 ร้อยละ 0.20 ระบุว่าเป็นนายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์,  อันดับ 15  ร้อยละ 0.16 ระบุว่าเป็นนายอุตตม สาวนายน (พรรคพลังประชารัฐ), อันดับที่ 16 ร้อยละ 0.08 ระบุว่าเป็น ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เพราะมีประสบการณ์ในการทำงานที่ยาวนาน และน่าช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดี และอันดับ 17 ร้อยละ 0.04 ระบุว่าเป็น น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา)
เห็นใจ 4 กุมารจะถูกปรับออก
    เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 1 เดือนธันวาคม 2562 พบว่า ผู้ที่ระบุว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา,  นายชวน หลีกภัย, ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา มีสัดส่วนลดลง ในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส, นายกรณ์ จาติกวณิช, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์, นายอุตตม สาวนายน ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
    เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 32.38 ระบุว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย, อันดับ 2 ร้อยละ 20.70 ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย, อันดับ 3 ร้อยละ 15.73 ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ, อันดับ 4 ร้อยละ 13.47 ระบุว่าเป็นพรรคก้าวไกล, อันดับ 5 ร้อยละ 7.75 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์, อันดับ 6 ร้อยละ 3.42 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ,  อันดับ 7  ร้อยละ 2.50 ระบุว่าเป็นพรรคเสรีรวมไทย, อันดับ 8 ร้อยละ 1.43 ระบุว่าพรรคภูมิใจไทย, อันดับ 9 ร้อยละ 1.11 ระบุว่าเป็น พรรคกล้า, อันดับ 10 ร้อยละ 0.60 ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อชาติ,  อันดับ 11 ร้อยละ 0.36 ระบุว่าเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา, อันดับ 12 ร้อยละ 0.20 ระบุว่าเป็นพรรคเศรษฐกิจใหม่, อันดับ 13 ร้อยละ 0.16 ระบุว่าเป็นพรรคประชาชาติ, อันดับ 14 ร้อยละ 0.11 ระบุว่าเป็นพรรคชาติพัฒนา และอันดับ 15 ร้อยละ 0.08 ระบุว่าเป็น พรรครวมพลังประชาชาติไทย
    ขณะที่นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง สี่รัฐมนตรีกับใจประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,470 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 26-27 มิ.ย.2563 ที่ผ่านมา เมื่อถามถึงรัฐมนตรีแกนนำสำคัญของรัฐบาลที่ประชาชนพอใจ เฉพาะรัฐมนตรีที่มีข่าวจะถูกปรับออก เทียบกระทบกับความพอใจของประชาชนต่อ 3 ป พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 49.2 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รองลงมาคือร้อยละ 48.3 ระบุ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง, ร้อยละ 43.5 ระบุนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน, ร้อยละ 43.2 ระบุ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, ร้อยละ 42.2 ระบุนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ,  ร้อยละ 36.0 ระบุ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน และสุดท้าย ร้อยละ 31.8 ระบุ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ
    เมื่อถามถึงความเห็นต่อรัฐบาลบิ๊กตู่ เดินหน้าสู่การเมืองใหม่ เป็นตัวอย่างที่ดีต่อเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือการเมืองเก่าแบบเดิมที่เคยถูกอ้างก่อนการยึดอำนาจที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.5 ระบุรัฐบาลบิ๊กตู่กำลังเดินสู่การเมืองเก่าแบบเดิมที่เคยถูกอ้างก่อนการยึดอำนาจที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ 34.5 ระบุการเมืองใหม่
    ที่น่าพิจารณาคือ ความรู้สึกเห็นใจของประชาชน สงสาร หดหู่ใจต่อการเมือง เมื่อเห็นสี่รัฐมนตรีถูกกระทำโดยผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลและคนในพรรคพลังประชารัฐ จำแนกตามกลุ่มการเมือง พบว่า พลังเงียบส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.3 รู้สึกสงสาร เห็นใจ หดหู่ใจต่อการเมืองไทย เมื่อเห็นสี่รัฐมนตรีถูกกระทำโดยผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลและคนในพรรคพลังประชารัฐ และแม้แต่ในกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลก็ได้ความรู้สึกสงสารเห็นใจมาจำนวนมากถึงร้อยละ 43.6 ในขณะที่ร้อยละ 29.5 ของผู้ไม่สนับสนุนรัฐบาลรู้สึกสงสาร เห็นใจ หดหู่ใจต่อการเมืองไทย ตามลำดับ ในขณะที่คนที่สนับสนุนรัฐบาลร้อยละ 56.4 ไม่รู้สึกอะไร และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.5 ของคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลไม่รู้สึกอะไรเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.5 ไม่เห็นด้วยต่อการลาออกจากทุกตำแหน่งของสี่รัฐมนตรี ในขณะที่ร้อยละ 37.5 เห็นด้วย
บี้ประวิตรแก้วิกฤติเศรษฐกิจ
    วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้โอวาทกับข้าราชการรัฐสภา ในงานวันสถาปนารัฐสภา 88 ปี ตอนหนึ่งว่า ตนเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านดีและด้านลบในระบอบประชาธิปไตยและระบอบรัฐสภาไทย ซึ่งถือว่าไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ได้เห็นความตื่นตัวของประชาชนเรื่องประชาธิปไตยชัดเจนขึ้นในทุกลำดับ และเป็นไปตามสถานการณ์ และการแสดงออกส่วนปัญหาเรื่องการทุจริต ทั้งจากข้าราชการและนักการเมืองนั้น จะเห็นว่าแม้บุคคลนั้นๆ จะจบการศึกษาสูงๆ และมีกฎหมายที่ดีคอยควบคุม แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะปัญหาอยู่ที่ภาคปฏิบัติ คือพฤติกรรมของตัวบุคคล ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามีธุรกิจการเมืองเกิดขึ้น มีการซื้อเสียงที่หวังเข้ามาหาทุนคืน ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งใครมีเงินก็ชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ จึงได้ของบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันพระปกเกล้าเขียนหลักสูตรสร้างการเมืองที่สุจริต เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกส่วนได้ศึกษาและเป็นภูมิต้านทานป้องกันปัญหาธุรกิจการเมือง
      นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ว่า จากนี้ไปคงมีอีกหลายขั้นตอนกว่าจะไปถึงการปรับ ครม. ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการปรับ ครม.เมื่อไหร่ คนที่จะถูกปรับออกคงอยู่แบบซังกะตาย ไม่มีแรงบันดาลใจอะไร เหมือนพนักงานได้รับแจ้งว่าจะไม่ผ่านการทดลองงาน แต่ต้องทนอยู่จนกว่าจะหาคนใหม่ได้ ประชาชนคงต้องทนเห็นข่าวแยกก๊ก แบ่งมุ้ง วางบิล แย่งชามข้าว ฟัดกันไม่เลิก ทั้งที่ปัญหาของประเทศขณะนี้วิกฤติหนัก คนไทยอยากเห็นการแก้ปัญหาประเทศแบบนิวนอร์มอล แต่โอกาสเกิดคงยาก เพราะการเมืองที่มีพรรคร่วมรัฐบาลมากที่สุดไม่ได้รับการปฏิรูป เป็นการเมืองแบบโอลด์นอร์มอลทั้งระบบ พล.อ.ประยุทธ์จะหลบหลังโควิดตลอดไปไม่ได้ ประชาชนจะอดตาย หัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะปฏิเสธความรับผิดชอบและโยนบาปให้คนอื่นไม่ได้ การปล่อยให้คนไทยต้องรอรัฐบาลแก้ปัญหาของตัวเองก่อนทุกครั้ง ไม่เป็นธรรมกับคนไทย
      ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.คนใหม่ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนได้ฝากความหวังไว้ว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อยาวนานถึง 6 ปี ตลอดระยะเวลาดังกล่าว เศรษฐกิจไทยแทบไม่เติบโตเลย ประเทศไทยมีโอกาสอันดีในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะเรามีตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 น้อย และไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวในประเทศเป็นเวลาเกินกว่า 1 เดือนแล้ว คงถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประวิตรจะได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ว่าท่านจะนำพาเศรษฐกิจไทยเป็นไปในรูปแบบกราฟตัว U, V, W หรือ L เพราะในอีกไม่นานนี้คาดว่าจะมีการปรับรายชื่อครม. ซึ่งแน่นอนว่าทุกพรรคการเมืองย่อมมีสิทธิในการเสนอรายชื่อ และเชื่อได้ว่าการปรับ ครม.ด้านเศรษฐกิจในครั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ จะเป็นตัวชี้วัดได้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้ยาวหรือไม่
    นายรยุศด์ บุญทัน ผู้ก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค พปชร.ชุดใหม่ทุกท่าน ขอให้ตั้งใจทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง และแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างแท้จริง  ตนก็รู้สึกเสียใจที่วันนี้การเมืองไทยยังไปไม่ถึงไหน รูปแบบและกลไกทางการเมืองยังวนอยู่ในลักษณะเดิมๆ ผลประโยชน์ของกลุ่มยังคงสำคัญเหนือผลประโยชน์ส่วนรวม โฉมหน้าการเมืองวันนี้แทบไม่ต่างอะไรจากอดีต แม้จะมีนักการเมืองหน้าใหม่เข้ามาบ้าง แต่ตำแหน่งแห่งที่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนัก เพราะผู้บริหารประเทศส่วนใหญ่ยังเป็นนักการเมืองเก่า นายทหารเก่า และนายทุนเก่า หากเป็นเช่นนี้ สังคมคงต้องช่วยกันตั้งคำถามว่าอนาคตของประเทศไทยจากนี้ไปจะเดินไปอย่างไร อยากฝากไปถึงผู้มีอำนาจทั้งหลายว่า อย่าหวงอำนาจไว้อีกเลย ให้โอกาสนักการเมืองรุ่นใหม่ๆ คนใหม่ๆ ที่ดี และเก่ง มีความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศ
มั่นใจ'บิ๊กป้อม'นำพปชร.ฟื้นฟูชาติ
    นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพรรค พปชร. ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรคชุดใหม่ จะสามารถสร้างความเข้มแข็งมั่นคงให้กับพรรค พปชร.เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่พรรคร่วมรัฐบาลให้ความเคารพนับถืออยู่แล้ว รวมทั้งประสบการณ์ด้านการบริหารที่ผ่านมา ท่านสามารถที่จะประสานการทำงานร่วมกันของทุกพรรคให้เกิดความเรียบร้อยตามนโยบายของรัฐบาล ที่ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบความสำเร็จ ในการนำพาประเทศชาติและประชาชนฝ่าวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจไปได้
    นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีความเหมาะสม และเป็นเรื่องดีที่ยอมรับตำแหน่ง เพราะในพรรคพลังประชารัฐมีคนจากหลายกลุ่ม จึงจำเป็นต้องใช้ผู้ที่มีความสามารถในการประสานงานได้ และ พล.อ.ประวิตรเป็นที่เคารพรของทุกคน จึงเชื่อว่าจะสามารถประสานคนในพรรคพลังประชารัฐได้ดี และเชื่อว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ในรัฐบาลดีขึ้น มีเอกภาพมากขึ้น เพราะ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้จัดการรัฐบาลอยู่แล้ว และหวังว่างานในสภาผู้แทนราษฎรราบรื่นขึ้น เอกภาพในพรรคพลังประชารัฐน่าจะดีขึ้น
     น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมเดินหน้าทำงานทันที เชื่อมั่นว่าท่านจะนำพาพรรค พปชร.ยุคใหม่รับใช้ประชาชน ฟื้นฟูประเทศชาติให้กลับมาเข้มแข็ง เจริญก้าวหน้า ภายใต้การจับมือกันของสมาชิกที่อยู่ในฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายหลักให้ ส.ส.และอดีตผู้สมัครของพรรคลงพื้นที่ใกล้ชิดกับประชาชน เพื่อนำปัญหามารายงานต่อหัวหน้าพรรคหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน หัวหน้าพรรคยังได้ย้ำให้สมาชิกมีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้พรรคมีความเข้มแข็ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้ได้ เชื่อว่าหัวหน้าพรรคจะทำให้รัฐมนตรีของพรรค ทำงานร่วมกันกับ ส.ส.และอดีตผู้สมัครของพรรคได้อย่างเป็นเอกภาพ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของพรรค ยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง
    นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรค พปชร. เปิดเผยว่า สำหรับการนัดประชุมภายในพรรค หัวหน้าพรรคจะเป็นผู้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ครั้งที่ 1 เบื้องต้นต้องรอว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค จะกำหนดนัดหมายประชุมเมื่อใด อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ พล.อ.ประวิตรมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค ส.ส.และสมาชิกพรรคทุกคนต่างรู้สึกดีใจ และมีความมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะมั่นคงและเติบโต
    ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นรูปภาพนกเกาะอยู่บนกิ่งไม้ และมีข้อความว่า “นกไม่เคยกลัวกิ่งไม้หัก มันไม่เคยเชื่อใจในกิ่งไม้ แต่เชื่อใจในปีกของตัวเอง” #nocaptionneeded #suvitmaesincee โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจจำนวนมาก พร้อมบอกให้สู้ๆ เป็นต้น
    นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรค พปชร. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำหน้าที่โฆษกพรรคฯ ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมา นอกจากพรรคแล้ว ผมก็ทำหน้าที่ปกป้อง "ลุงตู่" เพราะผมเชื่อมั่นว่า "ลุงตู่" มีความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพราะฉะนั้นผมจะทำตามที่ผมเชื่อมั่นและศรัทธาจะช่วย "ลุงตู่" ต่อไป จนกว่า "ลุงตู่" จะไม่ใช้ผม ส่วนการทำงานในตำแหน่งเลขานุการ รมว.คลัง ผมจะทำต่อไปให้ดีที่สุด เพราะวันนี้พี่น้องประชาชนยังเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด-19 อย่างมาก ทั้งนี้ การเมืองยุค new normal นั้น หลายสิ่งหลายอย่างต้องปรับตัว ไม่เช่นนั้นอนาคตจะไล่ล่าคุณ ตัวผมเองคงต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน เพื่อให้เป็นที่รัก ศรัทธา และน่าเชื่อถือในสายตาของพี่น้องประชาชน.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"