ว่าด้วยเรื่อง"ลูกหลานจัญไร"


เพิ่มเพื่อน    

              หายไป ๓-๔ วัน..........

                ก็ไม่ใช่ปุบปับตายหรือเกี่ยวก้อยโควิดลอยชายเที่ยวที่ไหน

                หากแต่ เมื่อถึงจุด "โลกเปลี่ยนทิศ"

                ทุกอย่างหมุนสู่ "มิติใหม่" ในจุดเปลี่ยนเร็วมาก ทั้งทัศนคติ-ชีวิต-เศรษฐกิจ-สังคม ในแต่ละชาวชน

                ในความอ่อนแรง ..........

                สัมผัสถึงความอ่อนล้าชีพจรธุรกิจสื่อ สภาวธรรม "เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป" ปรากฏ ท่ามกลางแรงหมุนเหวี่ยงไม่ปรานี-ปราศรัย สู่ยุค New Normal

                ผมจึงอยากใช้เวลากับตัวเอง "เหลียวหลัง-แลหน้า" บ้างเท่านั้น ว่าเท่านี้พอ หรือจะไปต่อ ก่อนตัดสินใจ เรื่องก็มีแค่นี้
                ทุกท่านก็เหมือนกัน.........

                อย่าใช้ชีวิตประมาทและอย่าปล่อยให้แต่ละวันเวลาลากตัวเอง โดยไม่ทบทวนการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เป็นชีวิตมีแบบแผนรองรับสังคมโลก-สังคมชีวิตการงาน ที่กำลังจะเปลี่ยนไป

                สังคมยุค New Normal ใครเรียนรู้เร็ว-ปรับตัวเร็ว "นาทีทอง" จะเป็นของคนนั้น

                "มิติโลกใหม่" ที่กำลังมา อย่าไปแข็งขืนกับมัน จงเปิดใจรับ เพราะหนีมันไม่พ้นหรอก

                เมื่อไม่พ้น และรักจะอยู่อย่างผู้ไม่แพ้

                จงมองความเปลี่ยนแปลงให้เป็นโอกาส และเริ่มศึกษา-เรียนรู้ ก.ไก่ ข.ไข่ ของภาษาสังคมโลกมิติใหม่

                เช่น AI, IOT, Cloud, Blockchain, Platform, Application,

e-wallet, Bitcoin, Cryptocurrency, Digital Currency และ ฯลฯ

                โดยเฉพาะคำว่า Startup!

                ส่วนผม "แก่แล้ว-แก่เลย" อยู่ในประเภทถ่างขาคร่อมอดีตกับปัจจุบัน พอยกขาก้าวไปอนาคต ใบไม้แห้งก็เขยื้อนสู่ปลิดปลิว

                จึงอยากบอกด้วยหวังดี ...........

                คนรุ่นใหม่ "ต้องไม่โง่"

                 อย่ามัวแต่งมหาแผ่นทองเหลืองอันไร้สาระแผ่นเดียว ของปี ๒๔๗๕ ที่หายไปอยู่เลย

                ในขณะที่สังคมประเทศวันนี้ ในปี ๒๕๖๓ ประเทศเรามีรถไฟฟ้าใต้ดิน-บนดิน ๑๓ สาย

                มีอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา, มีสถานีรถไฟกลางบางซื่อ ศูนย์กลางคมนาคมอาเซียน

                มีสนามบินอู่ตะเภา, มีรถไฟฟ้าเชื่อม ๓ สนามบิน, มีอีอีซี เมืองอุตสาหกรรมนวัตกรรม, มีรถไฟความเร็วสูง มีๆๆๆๆๆๆ

                วันนี้ ไทยกำลังยิงดาวเทียมเพื่อความมั่นคง "นภา-๑" สู่อวกาศ

                วันนี้ โลกยกย่องประเทศเราเป็นเยี่ยมหลายด้าน ทั้งด้านรับมือโควิด ด้วยการแพทย์-การสาธารณสุขเยี่ยม ด้วยสามัคคีประชาชาติเยี่ยม

                และประเทศไทยเยี่ยม เหมาะแก่การลงทุน!

                เหล่านี้ เป็นต้นทุนทางโอกาสในปัจจุบัน สู่อนาคตที่คนรุ่นใหม่ ต้องฉลาดด้วยวิสัยทัศน์

                ใช้มันสร้างชีวิตประกาศศักยภาพประเทศ สู่ยั่งยืนอย่างมีศักดิ์ศรี สมเป็นหน่ออารยะชาติไทย

                ผมเห็นคนรุ่นใหม่ ทั้งจาน-ทั้่งศิษย์  ออกมางมหาฝาทองเหลืองวันก่อน พูดด้านกตัญญู สิ่งทำกันนั้น แทนที่จะช่วยสร้างทัศนคติดีๆ ให้กับคณะก่อการ ๒๔๗๕

                ตรงกันข้าม .......

                สิ่งที่พวกอิงคราบนิสิต-นักศึกษาออกทำ โดยอาจารย์ออกมากำกับนั้น กลายเป็นพฤติกรรมทำลายภาพลักษณ์คณะก่อการให้พินาศ ด้วย "ทัศนะรังเกียจ" ในหมู่คนปัจจุบัน

                คือ ทั้งหยาบ ถ่อย ด้อยปัญญาสำนึก ผิดวิสัยศิษย์ของครูอาจารย์ ผู้บ่มเพาะ "คิดเนรคุณแผ่นดิน" มาจากฝรั่งเศส

                แค่ภาษาไทยเรียนรู้ได้ระดับประถม ๑ แต่ระดับนิสิต-นักศึกษา ยังอ่อนด้อยเขียนเป็น "เปลี่ยนแปรงการปกครอง"

                ก้านบัวบอกลึกชลธาร ฉันใด รุ่นใหม่ ในคราบนิสิต-นักศึกษาอัปลักษณ์กระจุกหนึ่ง ก็ ฉันนั้น

                "อาจารย์ปรีดี พนมยงค์" นั้น คุณงามความดีในส่วนท่านสร้างให้กับชาติบ้านเมืองมีมากหลาย

                ถึงขั้นพูดได้ว่า.......

                ที่ไทยเราไม่ถูกฝรั่งยุโรปอย่างอังกฤษยึดเป็นเมืองขึ้นเหมือนพม่า มาเลย์ ก็ด้วยท่านอาจารย์ปรีดี

                คือไทยเราประกาศสงครามกับ "สหรัฐ-อังกฤษ-รัสเซีย" ในสงครามโลกครั้งที่ ๒ (เพราะญี่ปุ่นบีบ-เปลว)

                ญี่ปุ่นแพ้สงคราม พินาศราบคาบ

                แต่ไทยชนะ สวนสนามประกาศชัยร่วมฝ่ายสัมพันธมิตร

                นี่ไม่ใช่เพราะโชคช่วย........

                หากแต่เพราะ "ท่านอาจารย์ปรีดี" ได้ก่อตั้ง "เสรีไทย" ทำงานใต้ดินร่วมสหรัฐฯ-อังกฤษ ช่วยรักษาให้ประเทศรอดไว้

                มีทั้ง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และอีกหลายท่าน นักศึกษาอยู่ในสหรัฐ, อังกฤษ ขณะนั้น

                แม้กระทั่ง "สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี" พระบรมราชินี ในรัชกาล ที่ ๗ ก็ยังทรงสมัครเข้าอยู่ในคณะเสรีไทย

                เนี่ย........

                ความรักชาติ เป็นแกนกู้ประเทศให้รอด ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อในฐานะ "ประเทศแพ้สงคราม" ก็จากท่านอาจารย์ปรีดี

                ไอ้พวกโหน ๒๔๗๕ แทนที่จะหยิบยกคุณงามความดีของท่านขึ้นมาสรรเสริญ บอกกล่าวให้คนรุ่นนี้ได้ทราบ

                พวกนี้กลับมุ่งประโยชน์ตนทางล้มล้างสถาบัน หยิบยกการเปลี่ยนแปลง ๒๔๗๕ ที่อาจารย์เป็นหัวหน้าคณะก่อการมาโหน

                "ศิษย์ชั้นเลวระยำ" ที่สุด กระทำ!

                ๙๙ ดี อันมีคุณูปการต่อชาติบ้านเมือง ทั้งอาจารย์และนักศึกษารับจ้างต่างชาติล่มชาติ ไม่ยกขึ้่นมาสรรเสริญคุณ

                กลับใช้ความงั่งรุ่นใหม่

                มุ่งเน้นโหมประโคม เฉพาะ ๑ ด้าน ที่อาจารย์ปรีดีในฐานะ "หัวหน้าคณะราษฎร" ล้มสถาบันกษัตริย์ เอาอำนาจการปกครองประเทศ จากกษัตริย์มาเป็นของคณะราษฎร

                อ้าง "อำนาจเป็นของราษฎร"

                แต่ความจริง ยึดอำนาจกษัตริย์มาเป็นอำนาจของกลุ่มบุคคลกันเอง ๓-๔ คน ในนามคณะราษฎร

                ลงท้าย "แย่งอำนาจกันเอง" ต้องแตกกลายเป็นศัตรูตามล้าง-ตามฆ่า กระจัดกระจาย ไปตายนอกแผ่นดินหมดทุกคน!

                วิญญาณแต่ละท่าน สงบ ณ แต่ละแเดน ตามบุญและกรรม ร่วมร้อยปีแล้ว

                เพราะรุ่นใหม่สมองหมูไม่กี่ตัวนี่แหละ เป็น "ลูกหลานจัญไร" ไปขุดคุุ้ยเฉพาะด้านขึ้นมาลวงสังคม ด้วยนึกว่า โก้-เก๋-เด่น-ดี มีประโยชน์ที่ตนจะได้

                ท่านอาจารย์ปรีดีผู้มีคุณ จึงต้องอัปเศร้าหมองศรี ด้วยลูกหลานอัปรีย์-จัญไร โหนนำไปในทางผิดเช่นนี้แหละ

                วันหลัง ผมจะนำเรื่องอาจารย์ปรีดี "หัก" จอมพล ป. ช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา ที่ญี่ปุ่นบุกไทยใช้เป็นทางผ่าน มาเล่าให้ฟัง

                ถ้าอาจารย์ปรีดีไม่ปฏิบัติการต่อต้านคำสั่งรัฐบาลจอมพล ป. "ตีไพ่สองหน้า" กับญี่ปุ่น ตั้งคณะเสรีไทยแยกสายเดินแผนใต้ดิน ส่งทหารเข้าร่วมรบและเป็นแนวที่ ๕ ให้กองทัพสหรัฐ-อังกฤษ แล้วละก็

                ประเทศไทย ไม่มี "ไทย" อย่างวันนี้หรอก!

                เพราะการศึกษาเรา ไม่เน้นเรียน-สอนประวัติศาสตร์ชาติตัวเอง จึงโตเป็นรุ่นใหม่แบบหัวเผือก-หัวมัน ที่เขาเอาตีนกวาดไปต้มกิน

                เขาหลอก เอาโน่น-นี่มาล่อเข้านิด ก็ชังชาติ ชังสถาบันบ้านเมืองตัวเอง ตามเขาสั่ง

                 เหมือนหมา-แมว ที่เขาเอาปลาย่างมาถูจมูก  มีแค่กลิ่น แต่ด้วยสมองหมา-สมองแมว ก็นึกว่ามีเนื้อ

                ไล่งับ ไล่ตะกุย เป็นไอ้บ้องตื้นจากเบ้ามหา'ลัย อับอายถึงโคตรอาจารย์ที่สั่งสอนกันอยู่ทุกวันนี้

                อ้าว.....

            ยังไม่เข้าเนื้อเรื่องที่จะคุยเลย หมดเนื้อที่ พรุ่งนี้ จะมานินทารัฐบาล "ป้อม ๑" ก็แล้วกัน!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"