ปลุกนิรโทษปรองดองสลายสีเสื้อ


เพิ่มเพื่อน    

  เวทีเสวนาหลายภาคส่วนประสานเสียง ถึงเวลาสร้างความปรองดอง สลายเสื้อสี หนุนนิรโทษกรรมคดีการเมือง "อดุลย์" ย้อนเจ็บ หากยึดกฎหมาย "ประยุทธ์" ต้องติดคุกด้วย เพราะยึดอำนาจมา "พล.อ.เอกชัย" เตือนถ้าไม่ปรองดองหลังโควิดม็อบนักศึกษามาแน่ นักวิชาการแนะผู้นำต้องมีเจตจำนงอย่างแท้จริง  

    ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย วันที่ 29 มิถุนายน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเสวนา “การผนึกทุกภาคส่วน ร่วมวางอนาคตประเทศไทย” โดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า 28 ปีจากเหตุการณ์พฤษภา 35 บ้านเมืองสงบเพราะมีการพูดคุยกันระหว่างญาติผู้สูญเสียและ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลั่นวาจาว่าจะปรองดองได้ต้องเคารพกฎหมายก่อน นับเป็นความไม่เข้าใจกระบวนการอยู่ร่วมกันอย่างยิ่ง เพราะการที่บ้านเมืองจะสงบได้นั้น ไม่ได้อยู่ที่กฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความเมตตาธรรม เพราะถ้าพูดถึงเรื่องกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์เองก็ต้องเข้าคุกด้วย เพราะยึดอำนาจมา
    พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการอยู่ร่วมกัน เปิดพื้นที่ทางการเมืองและเศรษฐกิจให้ประชาชน ส่วนการเมืองหลังโควิด-19 นักศึกษาจะออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งหากยังไม่เปิดพื้นที่การเมือง การเมืองไทยก็จะยิ่งต่างไปจากเดิมอย่างมาก แต่วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่มีนักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเมืองจำนวนมาก ส่วนการปรองดอง ประเทศไทยมีแผนจำนวนมากแล้ว ควรเริ่มปฏิบัติเสียที นับแต่ปี 2549 มาถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการนำแผนเกี่ยวกับการปรองดองมาใช้เลย มีเพียงการจัดทำแผนจากคณะกรรมการต่างๆ หลายคณะ  
    "วันนี้ถ้าไม่มีการปรองดอง อาจเกิดสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เพราะนับตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา จะเห็นว่าทุกๆ กว่า 20 ปี จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่เสมอมา" พล.อ.เอกชัยกล่าว
       นายภูมิ มูลศิลป์ ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์ มศว และอดีตคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า นับแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน เราไม่เคยขาดกรรมการปรองดอง โดยการแก้ไขปัญหาจะต้องพูดคุยกัน แต่กระบวนการยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านก็มีความจำเป็น สำหรับแนวปฏิบัติในการปรองดองที่คณะกรรมการปรองดอง ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน ประกอบด้วย 1.สร้างความเข้าใจร่วมในความขัดแย้ง 2.การแสวงหาและเปิดเผยข้อเท็จจริง 3.อำนวยความยุติธรรม 4.เยียวยาฟื้นฟู 5.สร้างสภาวะเอื้อการอยู่ร่วมกัน 6.เรียนรู้จากอดีต ทั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลต้องมีเจตจำนงปรองดองอย่างแท้จริง โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และการปรองดองต้องเป็นอิสระ ไม่มีเกณฑ์บังคับ และการแก้ไขปัญหาปรองดองอย่างแท้จริง ต้องมีกติกาที่ถูกต้องเป็นธรรม  
    นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การปรองดองต้องไม่นิรโทษกรรมเหมาเข่ง สุดซอย เพราะถ้าสุดซอยเมื่อใดก็พังพินาศเมื่อนั้น ส่วนตัวได้รับอานิสงส์จากนโยบาย 66/23 จึงเห็นว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีความสำคัญต่อบ้านเมือง เพราะเราจะปล่อยให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งต่อไปไม่ได้ ขณะนี้ผู้ที่อยู่ในความขัดแย้งต่างติดคุก การปรองดอง ถึงเวลาของการปฏิบัติจริง ไม่ใช่เวลาของการศึกษาอีกแล้ว เพราะนี่คือ new normal ปรองดอง คือการนิรโทษกรรม สมานฉันท์ โดยต้องเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาโดยเร็ว ก่อนวันที่ 28 ก.ค.2563 ยิ่งดี
         นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การจะนิรโทษกรรมครั้งนี้ ต้องไม่ใช่เพื่อแกนนำ แต่ต้องเป็นไปเพื่อสลายมวลชน เหมือนกับสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นการปรองดองของมวลชนทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ปรองดองกับแกนนำ เพื่อที่มวลชนจะได้เลิกทะเลาะกัน เพราะแกนนำหลายฝ่ายนั้น รับโทษจากการต้องคดีไม่น้อยไปกว่ากันมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว โดยสภาผู้แทนราษฎรต้องออกเป็น พ.ร.บ. เพราะอนาคตถ้าความเกลียดชังยังดำรงอยู่ ก็จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน  
         นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นับแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เรามีความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มีการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษา ซึ่งผู้นำต้องนำหลักอภัยและเมตตาเข้ามาใช้ แต่การสร้างความปรองดอง จะไม่ใช่แค่การนิรโทษกรรม แต่ต้องพูดคุยกัน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งจากการบาดเจ็บล้มตาย พร้อมกับการค้นหาความจริงและมีบทเรียนให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา นอกจากนี้ยังต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งไม่สอดคล้องกับกระบวนการประชาธิปไตย โดยการนิรโทษกรรมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล โดยการนิรโทษกรรมต้องไม่รวมคดีทุจริตและประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และยืนยันว่าไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ แต่ต้องเดินทางกระบวนการประชาธิปไตย
         นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า เหตุผลที่ประเทศไทยกระจายรายได้แย่ที่สุด และมีความเหลื่อมล้ำมาก เพราะเราขาดหลักนิติธรรม กระบวนการยุติธรรมไม่ได้รับใช้คนทั้งประเทศ ความไม่ยุติธรรมก่อให้เกิดความแตกแยก ไม่ปรองดอง เป็นผลต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเร่งให้เกิดความปรองดอง เข้าใจซึ่งกันและกัน
         ส่วนนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือเกด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมของ นปช.ปี 2553 กล่าวว่า การปรองดองควรเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เพราะบริบทสังคมในตอนนี้เปลี่ยนไปจากอดีตมาก หากเสนอสภาไปโดยไม่ฟังความเห็นรอบด้าน เชื่อว่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน สำหรับการนิรโทษกรรม หากยกโทษเจ้าหน้าที่รัฐ คงเป็นไปได้ยาก เพราะบางครั้งเจ้าหน้ารัฐผู้รับคำสั่งนั้น ทำเกินกว่าเหตุ ทั้งนี้ขอเสนอว่าควรทำประชาพิจารณ์ในการนิรโทษกรรมด้วย.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"