รีสกิล/อัพสกิลรับมือตกงาน


เพิ่มเพื่อน    

 

          มีสัญญาณที่ค่อนข้างชัดจากบรรดาบทวิเคราะห์ หรือการประเมินจากนักเศรษฐศาสตร์มหภาคมืออาชีพว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปีนี้เรียกได้ว่า เข้าขั้นยากลำบากเลยทีเดียว หากจับกระแสจากตัวเลขที่ปล่อยออกมาหลายสำนัก อาทิ ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์จีดีพีปีนี้ติดลบ -6.7% ต่ำสุดในภูมิภาคเอเชีย หรือธนาคารโลกที่คาดว่าจีดีพีไทยปีนี้จะ -5% จากเดิมที่เคยคาดติดลบ -3% หรือแม้กระทั่งสถาบันของไทย อย่างธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินว่าจะหล่นลงมาถึง -8.1% ย่ำแย่กว่าวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งที่ผ่านมาเสียอีก

            ตัวเลขคาดการณ์ที่เกิดขึ้น ผลตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ การปรับตัวของธุรกิจ ซึ่งแน่นอนอาจจะมีบางส่วนที่ต้องล้มหายตายจาก ปิดกิจการไป หรือบางส่วนอาจจะต้องลดขนาดองค์กรให้เล็กลง เพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด ซึ่งผลจะมาลงที่คนทำงานที่อาจจะต้องตกงาน หรือถูกไล่ออก

            สำหรับประเทศไทยเอง กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดและวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นกลุ่มท่องเที่ยว ขนส่ง สายการบิน รถยนต์และและเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม และเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ซึ่งยอดการผลิตลดลง และต้องพักสายการผลิต หรือปิดโรงงานไปเลยก็มี

            และดูแนวโน้มสถานการณ์การระบาดก็ยังไม่คลี่คลาย จำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นหลักแสนทุกวัน ดังนั้นเรื่องการเปิดประเทศ การเดินทางท่องเที่ยว จึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำได้ตามปกติ ฉะนั้นเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักลง ผู้ที่เดือดร้อนคือ พนักงาน, ลูกจ้าง, มนุษย์เงินเดือนที่อาจจะต้องตกงาน และทำหน้าที่วิจัยฝุ่นอยู่กับบ้าน โดยจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 มีการคาดการณ์กันว่าจะมีผู้ที่ได้รับผลกระทบ ต้องตกงานหรือสูญเสียรายได้มากกว่า 8.3 ล้านคน (ตัวเลขจากเวิลด์แบงก์)

            แม้ว่าประเทศไทยเราจะมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะถึงแม้ว่าตัวเลขตกงานจะสูง แต่แรงงานไทยเรายังกลับเข้าไปหารายได้จากภาคเกษตรได้ ซึ่งในส่วนนี้จะรองรับคนที่ตกงานได้ส่วนหนึ่ง

            แต่ก็มีอีกบางส่วนที่ไม่สามารถผันตัวเองกลับเข้าไปทำงานในภาคเกษตรกรรมได้ ตรงนี้คงเป็นเรื่องของส่วนบุคคลที่จะต้องพยายามที่ขวนขวานหาความรู้และพัฒนาทักษะของตัวเองขึ้นมา ให้สอดรับกับความต้องการของตลาด ซึ่งประเด็นนี้มีการพูดถึงกันในวงกว้าง ในเรื่องของการอัพสกิล/รีสกิล

            ต้องเข้าใจก่อนว่า อันที่จริงแม้ไม่มีการระบาดของโควิด พนักงานหรือมนุษย์เงินเดือนบางส่วนก็มีความเสี่ยงที่จะตกงานอยู่แล้ว จากการถูกดิสรัปชันโดยเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาทำงานแทนแรงงานคน ดังนั้นแม้จะมีหรือไม่มีโควิดก็จะต้องมีคนที่ตกยุคและถูกเครื่องจักรเขี่ยออกจากงานอยู่ดี ดังนั้นสิ่งที่พนักงานทุกคนจะต้องเตรียมตัวเอาไว้ คือ การยกระดับทักษะของตัวเองขึ้นมา และมองหาการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่กำลังจะกลายเป็นเทรนด์การศึกษาแบบใหม่ซึ่งเน้นสร้างความรู้และทักษะใหม่ๆ ให้แรงงาน โดยไม่ได้มองที่ใบประกาศหรือใบปริญญา

            โดยในปัจจุบัน บรรดาองค์กรธุรกิจต่างก็กำลังมองว่าคนมีทัศนคติในเรื่องของทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต “Lifelong Learning” มากขึ้น เพราะโลกในยุคนี้มีความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ทุกๆ วัน และสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากยังเป็นคนที่ปิดตัวเอง ทำตัวเองตกยุค ก็จะกลายเป็นคนที่ถูกเขี่ยออกจากระบบแรงงานได้เร็วที่สุด

            ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตระหนักถึงการพัฒนาทักษะ ความรู้ของตัวเอง จะต้องฝึกเป็นคนที่มีความคิดแบบ “Growth Mindset” จำเป็นต้องหลุดออกจากพื้นที่ทางความคิดเดิมๆ เปิดรับความคิดใหม่ๆ มีความยืดหยุ่นและกล้าที่จะท้าทายตัวเองตลอดเวลา และที่จะลืมไม่ได้คือ จะต้องสร้างการเรียนรู้ในรูปแบบของตัวเอง (Self-directed learning) ให้ได้ ฟัง คิด อ่าน เขียน ทดลองทำ คือสิ่งที่จะช่วยพัฒนาทักษะขึ้นมาได้ และยิ่งมีความสามารถมากก็ยิ่งเป็นที่ต้องการตัวมากขึ้น

            หากไม่อยากตกงาน ก็ได้เวลาต้องปรับตัว และลงทุนกับวิชาความรู้มากขึ้นได้แล้ว.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"