ลงบันทึกก้าวหน้าเมย์เดย์ ให้48ชม.โชว์'สเตทเมนต์'


เพิ่มเพื่อน    

    “บุญเกื้อ” เอาจริง ลงบันทึกประจำวันกรณี “ช่อ  เมย์เดย์” แล้ว “หมอวรงค์” เตรียมเปิดรายชื่อ 15 ผู้บริจาค พร้อมให้เวลา 48 ชม. คณะก้าวหน้าเปิดสเตทเมนต์ของจริง! ศรีสุวรรณลองของหมู่บ้านเสื้อแดง ชี้มีพิรุธเร่งตั้งวิสาหกิจ “อานนท์” เดือดขู่เอาคืน เพราะรังแกรากหญ้า        
    เมื่อวันอาทิตย์ ว่าที่ ร.ต.บุญเกื้อ ปุสสเทโว อตีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม เพื่อขอลงบันทึกประจำวันพร้อมมอบหลักฐานเป็นรายชื่อผู้บริจาคและจำนวนเงินของผู้บริจาคให้ตรวจสอบกรณีเงินบริจาคโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ 7.2 ล้านบาท ของคณะก้าวหน้า ที่เปิดรับบริจาคช่วยเหลือประชาชนช่วงโควิด-19 ที่มีข้อพิรุธและความไม่โปร่งใส
    ว่าที่ ร.ต.บุญเกื้อกล่าวว่า ได้นำหลักฐานเป็นบัญชีรายชื่อและสเตทเมนต์ของผู้บริจาคในโครงการเมย์เดย์ฯ ซึ่งได้ติดตามโครงการมาโดยตลอด เพราะเป็นประชาชนธรรมดา และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบริจาค โดยบริจาคไป 1 สตางค์ ซึ่งที่บริจาคแค่นี้เพราะเห็นว่าได้ยอดเยอะแล้ว และแม้เป็นเงินไม่มาก ก็น่ามีสิทธิ์ตรวจสอบความโปร่งใส ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ารับงานมาจากใครหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่ามาทำหน้าที่ของประชาชน ไม่มีใครสามารถมาสั่งให้ทำอะไรได้ โดยโครงการนี้ขอตั้งข้อสังเกตหลายอย่าง เช่น การเปิดรับบริจาคไม่ควรใช้บัญชีส่วนตัวของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เพราะการรับบริจาคขนาดนี้น่าจะเปิดบัญชีในรูปแบบขององค์กร ที่ต้องมีคนร่วมเปิดบัญชีร่วมกัน 3-4 คน รวมถึงเพิ่งประกาศรายชื่อผู้ร่วมบริจาคทั้งๆ ที่แถลงข่าวปิดโครงการไปนานแล้ว และหาก น.ส.พรรณิการ์จะนำสเตทเมนต์มาชี้แจง ก็น่าจะเชิญ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม มาดูด้วย ก็น่าจะมีความชัดเจน และน่าจะจบด้วยดี
     “เรื่องนี้ผมไม่ได้กังวลว่าจะถูกดำเนินคดีกลับ เพราะได้เตรียมโฉนดที่ดินไว้หากถูกฟ้องร้องขึ้นมา” ว่าที่ ร.ต.บุญเกื้อระบุ
    ทั้งนี้ ตำรวจรับเอกสารไว้ตรวจสอบและจะเชิญตัว น.ส.พรรณิการ์ รวมถึงคณะทำงานของโครงการมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมนำหลักฐานต่างๆ มาตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นไปตามที่ผู้ยื่นเรื่องตรวจสอบอ้างว่าผู้ถูกร้องยินดีเข้ามาพบพนักงานสอบสวนพร้อมกันก็ยินดี ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วไม่พบข้อพิรุธในส่วนนี้ ก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ แต่หากพบข้อพิรุธใด ก็ต้องรอให้ผู้ร้องมาแจ้งความดำเนินคดีในภายหลังอีกครั้ง
    ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ฉีกหน้ากาก” ระบุว่า ผ่านไปหนึ่งวัน มีปฏิกิริยาจากข้อเรียกร้องต่อคณะก้าวหน้าแตกต่างกันไป นายปิยบุตรเงียบ นายธนาธรเลี่ยงตอบ แต่ก็ยังยืนยันว่าพร้อมชี้แจง ส่วนคุณช่อก็มาในฟอร์มว่าให้ฝ่ายกฎหมายร่างคำฟ้อง และยังยืนยันว่าโอนเงินครบตามรายชื่อ ทำด้วยความโปร่งใส เอกสารทางการเงินเก็บในระบบเรียบร้อย
“เพื่อให้การเมืองมีมาตรฐานใหม่ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ให้เวลาเตรียมข้อมูล 24 ชม.ครับ พรุ่งนี้วันที่ 6 ก.ค. เวลา 09.00 น. ผมจะนำรายชื่อ 15 รายชื่อ จาก 2,427 รายชื่อเท่านั้นมาลงในเพจ และให้คณะก้าวหน้านำสเตทเมนต์การโอนเงินมาเปิดเผยต่อประชาชน ถ้าสามารถมาเปิดเผยครบ 15 คน ภายในเวลาไม่เกิน 48 ชม. ผมจะถือว่าพวกท่านดำเนินด้วยความโปร่งใส น่าชื่นชม ยกย่อง แต่ถ้าไม่สามารถมาเปิดเผยได้ครบ ในเวลากำหนด จะถือว่าโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ หลอกลวงประชาชน” นพ.วรงค์กล่าวและว่า ที่สำคัญหลักฐานการโอนเงินใน 15 คนนี้ ควรจะลงวันที่ ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ถ้าลงวันที่เดือน ก.ค. จะถือว่าเป็นการโอนเงินย้อนหลัง #ตามหาสเตทเมนต์ #หยุดโกหกประชาชน #ฉีกหน้ากาก
    วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ว่ามีการแอบอ้างการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนและการรวบรวมสมาชิกในพื้นที่ โดยกล่าวถึงชื่อกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีชื่อดังท่านหนึ่ง อดีตแกนนำ นปช.แปรพักตร์ ว่าไปข่มขู่ข้าราชการให้สนับสนุนและผลักดันการตั้งวิสาหกิจชุมชนอย่างเร่งรีบ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านยังไม่มีความพร้อม เพียงเพราะต้องการตัวเลขปริมาณวิสาหกิจชุมชนเยอะๆ เพื่อนำมาเสนอนายกรัฐมนตรีหวังขอส่วนแบ่งใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาท โดยได้มีข้อเสนอและขอรับการสนับสนุนให้รัฐบาลจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการแก้ไขปัญหาความยากจนเกษตรกร (คปจ.กษ.) ขึ้นภายใต้ของสำนักนายกรัฐมนตรี 
    “การจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนดังกล่าวขึ้นมาโดยอ้างโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ยากจนและประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเร่งรีบจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจขึ้นมา 3,058 กลุ่ม โดยมีเป้าหมายให้ได้ 10,000 กลุ่ม โดยที่ชาวบ้านยังไม่มีความพร้อม และเร่งรีบให้จัดทำโครงการมาขอใช้เงิน 3,058 โครงการ โครงการละ 3 แสนบาท โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีและแกนนำเสื้อแดงดังกล่าวจะเป็นผู้บริหารเงินเองนั้นเป็นข้อพิรุธ ที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ จำต้องนำความไปร้องเรียนให้คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตรวจสอบต่อไป” นายศรีสุวรรณระบุ
    ด้านนายอานนท์ แสนน่าน ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนเรารักประเทศไทย ออกมาตอบโต้ว่า สิ่งที่นายศรีสุวรรณกล่าวหาไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย เพราะในนามเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย และในฐานะที่เคยเป็นอดีตผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงและประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้ก่อตั้งหมู่บ้านไปทั่วประเทศไทยรวมทั้งหมด 28,850 หมู่บ้าน ซึ่งการต่อสู้ของหมู่บ้านเสื้อแดง จะไม่เหมือนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. เพราะเราจะส่งเสริมให้ประชาชนในหมู่บ้านสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา และหมู่บ้านเสื้อแดงก็ได้ยุบและสลายสีเสื้อไปหลังการปฏิวัติปี 2557 
    “3,058 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจาก 20,850 หมู่บ้าน เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ได้ขึ้นทะเบียนใหม่อย่างที่คุณศรีสุวรรณกล่าวอ้าง ซึ่งการที่นายศรีสุวรรณออกมาพูดเช่นนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญ และเห็นใจประชาชนชาวเกษตรกรรากหญ้าที่กำลังได้รับความเดือดร้อนหลังวิกฤติโควิด-19 ระบาด และการยื่นเอกสารต่อทางนายสุภรณ์ ได้ยื่นเสนอตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เพื่อเสนอพิจารณา และทางรัฐบาลเองก็ได้รับทราบพร้อมกับให้เจ้าหน้าที่กรมและกระทรวงต่างๆ มาชี้แจงระเบียบขั้นตอนของการของบประมาณให้ถูกต้องตามระเบียบของสภาพัฒน์ ยังไม่มีการอนุมัติงบประมาณให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนออกมาใช้แม้แต่บาทเดียว” นายอานนท์กล่าว
    นายอานนท์กล่าวอีกว่า ขอฝากเตือนนายศรีสุวรรณว่า อย่าทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน เพราะการจุดประเด็นของนายศรีสุวรรณครั้งนี้อาจเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งให้กลุ่มเกษตรกรเกลียดชังได้ แต่หากนายศรีสุวรรณอยากตรวจสอบ ก็ท้าให้ตรวจสอบได้เลย แต่เมื่อนายศรีสุวรรณกล่าวหาใส่ร้ายดูหมิ่นดูแคลนเครือข่ายวิสาหกิจของกลุ่มตนเอง ในฐานะประธานเครือข่ายฯ ก็ขอใช้สิทธิ์ปกป้องกลุ่ม โดยดำเนินการตามกฎหมายกับนายศรีสุวรรณต่อไปเช่นกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"