ครา "ชายชาติทหาร" อกหัก!


เพิ่มเพื่อน    

     ในฐานะผูกพันกันทางตัวหนังสือ อยากฝากไว้คำ

            นับจากวันนี้ไป (๑๗ ก.ค.๖๓)

                น่าจะเข้ามิติ "โลกลอกคราบ" ตามวงรอบเปลี่ยนศตวรรษในกาลข้างหน้าที่เวลาเขยิบเข้ามาเรื่อยๆ

                ดังนั้น อะไรๆ "ทั้งดี-ทั้งร้าย" ผลัวะ-ผละเกิดขึ้นได้เสมอ

                จะเกิดแบบปุบปับ-ฉับพลัน ไม่มีสัญญาณใดๆ บอกให้รู้ตัวล่วงหน้า ทั้ง "การบ้านและการเมือง"

                ฉะนั้น "สติ" สำคัญมาก!

                พวกเราต้องพกสติเป็นทัพหน้า สตางค์เป็นทัพหลังไว้ให้พร้อม มีเหตุแตกตื่นตกใจ จะได้ใช้สติพินิจ-พิเคราะห์ ว่าควรเตลิดหรือควรอยู่เพลิดเพลินจากสิ่งนั้น

                ถ้าไม่มีสติ.........

                จะถูกข่าวสารลากเตลิดเปิดเปิงตามเขาไป เหมือนเรื่องทหารอียิปต์ที่ระยอง

                เรื่องจริงๆ แค่สลึง........

                แต่ถูกสังคมข่าวสารประเภท "ขายความเร็ว" ทั้งโซเชียล ทั้งโทรทัศน์ ตีฟองซะล้นบาท

                พวก "เชื้อชังชาติ" เห็นช่อง ก็ฉวยโอกาสเข้าผสมโรงถล่มรัฐบาล ซ้ำเติมสถานการณ์ให้ดูแย่ลงไปอีก

                ดูข่าว ก็เลยสติแตกกันยกใหญ่ กลัวกันจนไข่หด ไม่มีใครกล้าไปเที่ยวระยอง!

                แล้วนี่ เป็นช่วงจันทร์-ศุกร์ คนต้องทำงาน จะท่องเที่ยวกันก็ วันหยุด "เสาร์-อาทิตย์"

                แต่ข่าวโทรทัศน์ ไปถ่ายร้านค้าวันธรรมดา ซึ่งปกติคนน้อยอยู่แล้ว มาโหมประโคม

                ดูซี..ดูซี..ระยองเป็นเมืองร้าง ขายของกันไม่ได้เลย คนไม่กล้ามาท่องเที่ยว เพราะกลัวโควิดอียิปต์!

                ก็เล่นเอาสีสัน ข่าวเดียวกัน จากวันแรก วนออกต่อวันละรอบ-สองรอบ ระยองไม่พังเพราะทหารอียิปต์หรอก

                จะพังจริงๆ เพราะ "ข่าวเวียนเทียน" แบบนี้แหละ!

                กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว หมอทวีศิลป์ก็แถลงแล้ว ว่าตรวจทั้งคนที่ห้าง, ที่โรงแรม, ทั้งผู้สัมผัสใกล้ชิดทหารอียิปต์

                ผลออกมาเป็นลบ คือ "ไม่มีใครติดเชื้อ" เลย

                แทนที่จะฟูมฟักความมั่นใจให้คนกลับมาเที่ยวระยอง ด้วยการเผยแพร่ข่าวด้านบวก กลับมุ่งจวกเอามันส์ตะพึด-ตะพือ

                เรื่องโควิดนี่ รัฐบาลต้อง "ให้น้ำหนัก" ระหว่าง "เศรษฐกิจกับโควิด" ให้ดี

                ๒-๓ เดือน "เอาความปลอดภัยแลกเศรษฐกิจ" พอทนได้

                แต่เลยจากนั้น ครึ่งเดือน เป็นปี ไปถึงขั้น infinity

                ถึงจุดนี้.......

                ต้องชั่งหาความสมดุลแล้ว จะให้หนักไปทางใด-ทางเดียวไม่ได้ คือ ต้องเอาทั้งปลอดภัยและเอาทั้งเศรษฐกิจ

                รู้แหละว่า "มันยาก"

                ทั้งทีมเศรษฐกิจชุดเก่าก็ลาออก ทีมชุดใหม่ก็ยังไม่รู้ว่าใคร แล้วจะชั่ง-ตวง-วัด ให้โควิดกับเศรษฐกิจบาลานซ์กันตรงไหน?

                หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่เหลือโด่เด่ คือ "ท่านนายกฯ" ถึงยาก ก็ต้องทำทั้งยากนั่นแหละ

                เพราะ "ช้าเสียการณ์ นานจะพังทั้งประเทศ"

                โดยเฉพาะการส่งสัญญาณถึงทิศทาง เพราะยามหางเสือหลุด ถ้าสามารถสร้าง "ความมั่นใจ" ในการนำได้

                ผู้โดยสาร คือชาวบ้าน จะสงบ ไม่ผลุดลุก-ผลุดนั่ง ให้เรือเอียง-เรือคว่ำ เพราะผวาสถานการณ์

                พูดกันในข้อเท็จจริง........

                โควิดระบาดทั้งโลกแบบนี้ ที่ไทยเราจะรอดปลอดเชื้อตลอดชาติ-ตลอดไป เป็นไปไม่ได้

                เว้นแต่ว่า เราปิดประเทศ ไม่ไปมาหาสู่กับโลกภายนอกตลอดไป อย่างนี้ อาจจะปลอดโควิด

                แต่ถ้ายังคบค้าสมาคม เราไป-เขามา ต้องค้าขาย ต้องสัมพันธ์ต่อกันในความเป็นประชาคมโลก

                ซักวัน เชื้อจากข้างนอกก็ต้องเข้ามาระบาดในบ้านเราจนได้!

                เหมือน "ไข้หวัดใหญ่" โลกเป็น-เราเป็น สุดท้าย กลายเป็นโรคทั่วไป เดี๋ยวเป็น-เดี๋ยวหาย ร่างกายมีภูมิขึ้นมาเอง

                คนไทยเรา พูดได้ว่าตอนนี้ กระบวนการร่างกาย ยังไม่รู้จักไวรัสโคโรนาตัวนี้ จึงยังไม่มีภูมิ

                ถ้าระบาด รอบ ๒ รอบ ๓ เมื่อไหร่.........

                ในขณะที่บ้านอื่น-เมืองอื่นลด เพราะที่ตายก็ตายไป ที่เหลือ ก็มีภูมิขึ้นมาแล้ว ส่วนบ้านเราจะเพิ่มพรวด เพราะในตัวไม่มีภูมิต้านเลย!

                พูดแล้ว ก็ขอสรุปดื้อๆ...........

                พรุ่งนี้ "เสาร์-อาทิตย์" ไปเที่ยวระยองฮิกันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก นอกจาก "ผลไม้-ชายทะเล" และความแซ่บเวอร์เลอเลิศ

                ก็ทราบกันแล้วนะครับว่า.....

                เมื่อวาน (๑๖ ก.ค.) รองนายกฯ สมคิด และ ๔ กุมาร "นายอุตตม รมว.คลัง, นายสนธิรัตน์ รมว.พลังงาน, นายสุวิทย์ รมว.อุดมศึกษาฯ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาฯ นายกฯ

                ยื่นหนังสือ "ลาออกจากตำแหน่ง" แล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๖ ก.ค.๖๓ เป็นต้นไป

                "การเมืองเรื่องตำแหน่ง" ก็อย่างนี้แหละ วันนี้พราก พรุ่งนี้พบ, วันนี้จบ ปะรืนนี้เจอ รับรู้การอยู่-การไป ไม่ต้องไปอิน

                รู้แต่ว่า เมื่อวิญญูชนได้พบพา ก็เป็นวาสนา ได้ร่วมงานกัน ครั้นจากลา ก็เป็นวาสนา ได้นำความรู้สึกดีๆ อันมีต่อกัน ไปแตกแขนง-สร้างหน่อ ต่อวาสนาสู่การพบพา ในกาลหน้าเพื่อบ้านเมือง

                เรียกว่า "จากกัน" ด้วยความเข้าใจ ระหว่างนายกฯ กับทีม ๔ กุมาร

                เราๆ คนนอก ก็รับรู้ตามที่เขาให้รู้ภายนอก ส่วน "หวาน-ขม" อันเป็นเรื่องข้างในพรรค เราก็ "ยากรู้-หยั่งถึง"

                ไปดูนายกฯ บ้าง........

                เมื่อวาน เปิดทางให้ยื่นใบลาผ่านท่านเลขาฯ ส่วนตัวท่านนายกฯ เดินทางไปเยี่ยมพี่น้องชาวศรีสะเกษโน่น

                ท่านรับรู้การลาออกของทีม ๔ กุมาร ด้วยความรู้สึกอย่างไร ผมจะสรุปจากคำให้สัมภาษณ์ให้ฟัง

                -เกี่ยวกับท่านรองนายกฯ สมคิด

                "ผมเพิ่งทราบเมื่อวันที่​ ๑๕ ที่ผ่านมาเหมือนกัน ก็ได้พูดคุยกันเป็นระยะอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า แต่ละคน ถามเรื่องสุขภาพกันมานานแล้ว

                ท่านบอกผมมานานแล้ว ​ว่าพร้อมทำตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีอะไรกับท่าน ยังเคารพท่านเหมือนเดิม

                "สิ่งสำคัญ การทำงานของผม ผมเป็นทหารมา ก็มีความผูกพัน แม้แต่กับคนที่ทำงานมาด้วย เขาเรียกว่าความผูกพัน

            ดูสิ......

            ทำงานมาตั้ง ๕ ปี และสิ่งสำคัญ วันนี้ ถือว่าท่านทำสำเร็จมาในขั้นต้นกับผมแล้ว​ ไม่ว่าจะเป็นการวางพื้นฐานดิจิทัลและอีอีซี​

            เรื่องเหล่านี้ ทุกท่านร่วมมือมากับผม​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะต้องพัฒนาประเทศให้ได้​ เพราะถ้าเราไม่ทำพื้นฐานพวกนี้ มันไปไม่ได้​​

            แต่เมื่อ "สถานการณ์การเมือง" มันเปลี่ยนแปลงไป​ เรามองในมิติการเมือง​ เรื่องของการเมือง​ ท่านก็ออกไป​

            จะบอกว่า...ก็เสียดาย​

            แต่มันก็จำเป็น​ด้วยสถานการณ์ทางการเมือง​

            ผมเองก็ไม่คุ้นเคยแบบนี้.......

            แต่จำเป็นต้องตัดสินใจ เราก็จากกันด้วยดี ไม่มีการให้ร้ายอะไรซึ่งกันและกัน ผมไม่เคยทำร้ายใคร”

                -ครม.จะต้องปรับเร็วขึ้นมั้ย เป็นการกดดันมั้ย?

                "ก็ต้องปรับ.....

            เพื่อไม่เกิดช่องว่างมากนัก ต้องทำให้เร็วเท่าที่ทำได้ และไม่กดดัน เป็นเรื่องธรรมดา ตอนก่อนหน้านี้ก็กดดัน เพราะผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะเป็นนายกฯ ถือว่าเป็นนักการเมืองแล้ว แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนด

            หนึ่ง...จะต้องไปถามคนที่จะมาเป็น เขาจะมาเป็นหรือเปล่า ต้องไปติดต่อคน เขาก็ยังไม่ตอบรับกันเท่าไหร่ ยังไม่ตอบกันทันที

                -ใช้เวลาซักเท่าไหร่ในการปรับ?

                "ไม่เกินเดือนเดือนสิงหา."

                -สัดส่วน ครม.มีคนนอกมั้ย?

                "ก็ต้องมี สัดส่วนของผมก็ต้องมี การปรับ ครม.ก็อย่างว่า จะให้ถูกใจทุกคนคงไม่ได้ ประเด็นสำคัญคือ

            คนที่เราอยากให้เป็น คนที่ประชาชนเขาอยากได้ เขามาได้หรือเปล่า บางคนเขาก็มีภารกิจที่จะต้องทำ แม้กระทั่งศาสตราจารย์หลายคนที่มา เขาก็มีงานของเขา"

                -ส่วนของเศรษฐกิจจะนำคนนอกเข้ามาช่วยงานมั้ย?

                "ตอนนี้ อยู่แต่ท่านยังไม่ตอบรับ ส่วนที่มีชื่อออกมา ก็ไม่รู้ว่าออกมาได้อย่างไร"

                -"นายไพรินทร์​ ชูโชติถาวร" จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีด้วย?

                "เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่าล่ะ?"​

            -พรรคพลังประชารัฐบอกว่าน่าจะเอาคนในมากกว่า?

                "ก็ไปถามหัวหน้าพรรคซี"

                -กระทรวงพลังงานแย่งกันมากจะทำให้มีปัญหามั้ย?

                “ผมพิจารณาของผมเอง”

                และสุดท้าย นายกฯ ย้ำ.........

                "การปรับ ครม.ขอให้มั่นใจ แต่จะทำให้ทุกคนถูกใจทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้"

                ครับ..........

                เนื้อหาหลักก็ประมาณนี้ แต่ก็ชัดเจน นายกฯ ท่านตอบตรงเนื้อ-ตรงประเด็นหลัก

                แต่จะเห็นชัดว่า ท่าน "มีความรู้สึก" มาก กับการจากลาของรองฯ สมคิดและ ๔ กุมาร เรียกได้ว่า "จากใจ...ชายชาติทหาร"

                "เพื่อน-พรรค" เมื่อ "การเมืองเรื่องตำแหน่ง" ทำให้เป็น "ศึกรบ-ศึกรัก"

                คน "อกหัก" ตอนแก่ ก็คือ "นายกฯ"

                เฮ้อ!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"