ควบรวม“ทีโอที-กสทฯ” เลื่อนอีก6 เดือน


เพิ่มเพื่อน    

20 ก.ค.2563 นายพุทธิพงษ์ ปุณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงการควบรวม บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ได้สำเร็จซึ่งภายในเดือนกรกฏาคมนี้ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอขยายเวลาการควบรวม เพื่อจัดตั้งบริษัท NT ออกไปอีก 6 เดือน 

“ถามว่าติดปัญหาอะไร การควบรวมหากทำเร็วแล้วไม่ดี ก็ไม่ควรตั้ง การขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากมีปัญหาและอุปสรรค ในช่วงที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด การจ้างที่ปรึกษา มีบริษัทจากต่างประเทศที่ต้องเข้ามาเจรจา และมีแผนธุรกิจที่จะต้องเข้ามาวิเคราะห์จึงไม่สามารถทำอะไรได้ และการควบรวมจะต้องแจ้งเจ้าหนี้เพื่อให้รับทราบ ขณะเดียวกันกฏหมายซึ่งนี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีเรื่องของพ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจเข้ามากระบวนการต่างๆ จะต้องผ่านขั้นตอนทั้งหมด ทำให้การประชุมทั้งหมดหยุด และปัญหาด้านเทคนิค” 
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ในช่วง 6 เดือน โครงสร้างต่างๆ ของบริษัท NT ทั้งเรื่องธุรกิจ และการจัดตั้งคณะกรรมการจะมีไทม์ไลน์ออกมาให้เห็นชัด วิธีคัดเลือกหน่วยงาน ทั้ง ทีโอที และกสทฯมีจุดแข็งที่ต่างกัน วิธีการบริหารการจัดการพยายามทำให้ทีโอที เป็นบริษัท แม่ เป็นโฮลดิ้ง คัมปะนี ซึ่งในอนาคตจะแยกบริษัทมีประมาณ 4-5 บริษัท เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับ ทีโอทีและกสทฯ

แหล่งข่าวระดับสูงจากบมจ.ทีโอที เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้การประชุมครม.เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2563 มีมติให้เริ่มควบรวมให้เสร็จภายใน 6 เดือน โดยบริษัท NT จะมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดซึ่งผ่านไป 6เดือน ตั้งแต่เดือนมิ.ย.63 ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งบริษัทได้ เนื่อง่จากติดปัญหาทั้งทีโอทีและกสทฯ ไม่อยากนำทรัพย์สินมารวมกัน เพราะ การควบรวมทั้ง 2 บริษัท หมายถึงการรวม 2 บริษัทที่มีทรัพย์สินรายละกว่า 1.4 แสนล้านบาทเข้าด้วยกัน แต่ละฝั่งก็ยังมีข้อพิพาทที่มีทั้งระหว่างกันและกับเอกชนภายนอก โดยทีโอทีเป็นจำเลยในคดีสำคัญมีมูลค่ารวมราว 3 หมื่นล้านบาท ส่วนแคทมีคดีที่ตกเป็นจำเลย มูลค่าคดีราว 4 หมื่นล้านบาทรวมถึงการต้องรักษาสถานะการจ้างงานของพนักงานทั้งหมดกว่า 2.4 หมื่นคน แบ่งเป็น ทีโอที 1.9 หมื่นคน และแคท 4 พันคน ก็เป็นความทาทายที่จะขับเคลื่อน NT ต่อไปอย่างไร

แหล่งข่าวระดับสูงจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ปัญหาการควบรวม ทีโอทีและกสทฯ จะเป็นเรื่องใหญ่มากในเรื่องของการใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) คลื่นความถี่ 5G  ที่ทีโอทีได้ไลเซ่นส์ 5G ย่านความถี่ 26.4-26.8GHz. จำนวน 4 ใบ  และกสทฯ ได้ไลเซ่นส์ 5G ย่านความถี่ 700 MHz ใบจำนวน 2 ซึ่งกรณีนี้ กสทช.ยังไม่มีการออกประกาศเรื่องกฏหมายการควบรวมธุรกิจ จึงทำให้ไม่สามารถโอนย้ายไลเซ่นส์ที่เป็นคลื่นความถี่ได้ 

“ทีโอทีและกสทฯ เจอโจทย์นี้ การโอนอะไรที่ไม่ใช่คลื่นจะไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่เป็นปัญหาใหญ่แน่นอน เนื่องจาก กสทช.ยังไม่มีการออกประกาศหรือกฏหมายเกี่ยวกับการออกไลเซ่นส์หลังการควบรวมกิจการ ซึ่งปัญหานี้ ทรูมูฟฯ กำลังจะเป็นเคสตัวอย่าง หลังจากที่ เรียลมูฟ และทรูมูฟเอช รวมธุรกิจกัน  การโอนคลื่นความถี่ไม่สามารถโอนกันได้ ทรู มูฟ ไม่ได้รับการจัดสรรมา แทน เรียลมูฟ ที่ขอใช้บริการ MVNO จาก กสทฯ  เนื่องจากคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz เป็นของ กสทฯ ดังนั้น ทรู มูฟ ไม่มีสิทธิในการบริหารจัดการคลื่นความถี่ของ บมจ. กสทฯ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และการรวมธุรกิจทำให้ทรัพย์สินและหนีสิ้นทั้งหมด รวมไปถึงสิทธิต่างๆ ของบริษัท เรียล มูฟฯ จะต้องหมดไปด้วยเช่นกัน” 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"