
“ประวิตร-วิษณุ” โยนฝ่ายความมั่นคงแจงม็อบเยาวชนฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ “ศรีสุวรรณ” บี้ตำรวจเร่งจัดการบอกใครก็อยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ สภาสูงจี้ต้องจัดการพวกแอบแฝงหมิ่นสถาบัน “ธนาธร” ปัดเป็นท่อน้ำเลี้ยงม็อบ แต่รับ “ก้าวหน้า-ก้าวไกล” ร่วมชุมนุมไม่แปลก เพราะเป็นอดีตอนาคตใหม่ที่หนุนแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมขู่เร่งเจรจาหาทางออกก่อนเกิดวิกฤติที่รุนแรง คำม็อบมุ้งมิ้งพ่นพิษแห่ชุมนุมหน้า บก.ทบ.
เมื่อวันจันทร์ที่ 20 ก.ค.ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free YOUTH) และสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่จัดขึ้นบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามที่ว่าการชุมนุมดังกล่าวผิดพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ ว่า ต้องไปถามเจ้าหน้าที่ ถามตนเองไม่รู้หรอก ส่วนเรื่องด้านความมั่นคงดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เอาเรื่องอื่นดีกว่า
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ตอบเรื่องนี้เช่นกันว่า "ไม่ทราบ ไม่มีความเห็น" และเมื่อถามอีกว่าการชุมนุมกระจายตัวไปยังต่างจังหวัดบ้างแล้ว นายวิษณุกล่าวว่า "ไม่ทราบ ต้องถามฝ่ายความมั่นคง" เมื่อถามย้ำว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงหรือไม่ นายวิษณุย้ำว่าต้องไปถามฝ่ายความมั่นคง
ขณะที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พร้อมผู้เกี่ยวข้องและหน่วยงานต่างๆ ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมาย รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐานของการชุมนุมดังกล่าว ทั้งใน กทม.และพื้นที่อื่นว่ามีความผิดใดหรือไม่
โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา กล่าวภายหลังว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนจะออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาสอบสวนหรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน จึงยังไม่สามารถระบุหรือชี้ชัดได้ว่ามีผู้ใดเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ซึ่งการพิจารณาความผิดจะอยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และ พ.ร.บ.การจราจรทางบก โดยขอฝากไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่า หากออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองต้องศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เนื่องจากอาจส่งผลให้ถูกดำเนินคดีได้ในอนาคต ส่วนการนัดชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องบุคคลที่ 3 ที่อาจมาสร้างสถานการณ์
ขณะเดียวกันในการประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.ตั้งกระทู้ถามด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรีถึงการชุมนุมทางการเมืองดังกล่าว ว่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาวอย่างไร เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าบ้านเมืองจะไม่กลับไปเหมือนก่อนปี 2557 รวมทั้งการชุมนุมยังมีการเขียนป้ายที่ไม่ได้เกี่ยวกับข้อเรียกร้อง ซึ่งสร้างผลกระทบกระเทือนจิตใจให้ประชาชนจำนวนมาก รัฐบาลจะมีวิธีการบริหารจัดการหรือสื่อข่าวสารไปยังผู้ชุมนุมอย่างไร เพราะจากประวัติศาสตร์เมื่อมีเรื่องเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองแล้ว ค่อนข้างจะอันตรายและสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง
ห้ามละเมิดสถาบัน
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและห่วงใยผู้ชุมนุมด้วย เนื่องจากปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับการบริหารจัดการการชุมนุมเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามสิทธิเสรีภาพของผู้แสดงออกทางการเมืองนั้น รัฐบาลได้มอบแนวทางให้เจ้าหน้าที่ในการดูแลเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และไม่เกิดผลกระทบกับประชาชน หรือถ้าเกิดก็ต้องเกิดให้น้อยที่สุด โดยให้เจ้าหน้าที่มีความอดทนอดกลั้นชี้แจงกับผู้ชุมนุมถึงข้อกฎหมาย สร้างความเข้าใจร่วมกันว่าตรงไหนปฏิบัติได้ ตรงไหนปฏิบัติไม่ได้อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมมีการสื่อสารกันตลอดเวลา ส่วนการชุมนุมต่อเนื่องในแต่ละพื้นที่ต่อจากนี้ไปนั้น รัฐบาลได้มอบหมายให้ สตช.ไปทบทวนและกำหนดมาตรการในการดูแลผู้ชุมนุมให้เหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย และต้องไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยและสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไปด้วย
“ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นรัฐบาลก็รับฟัง โดยในขั้นต้นข้อเสนอทั้ง 3 ข้อนั้นมีการดำเนินการในปัจจุบันอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น แต่การใช้สิทธิเสรีภาพนั้นต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่น ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่มีนัยแอบแฝง และต้องไม่ละเมิดสถาบันโดยเด็ดขาด โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมาย ตามหน้าที่ที่รับผิดชอบในทุกกรณี” พล.อ.ชัยชาญระบุ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ในการชุมนุมของม็อบวันก่อนมีกลุ่มล้มสถาบันเข้าร่วมมากมาย ทั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและที่เชียงใหม่ จึงเตือนผู้มีหน้าที่และอำนาจอย่าได้ละเลยการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และใช้ความระมัดระวังละเอียดรอบคอบและตรงไปตรงมาต่อผู้กระทำความผิดดังกล่าวตามภาพ"
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวเช่นกันว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นสิทธิที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 แต่การชุมนุมของนักศึกษาประชาชนใน จ.เชียงใหม่และอุบลราชธานี เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 9 (2) แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 209 ฐานเป็นอั้งยี่ และความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ขออนุญาตตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง 2493 ด้วย จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่และอุบลราชธานี ที่ต้องเร่งออกหมายเรียกและติดตามจับกุมผู้ที่ต้องสงสัย โดยเฉพาะแกนนำม็อบ เช่นเดียวกับม็อบเยาวชนปลดแอก เพราะจะใช้กฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมายมิได้ และหากตำรวจไม่ดำเนินการก็เข้าข่ายความผิดตาม ป.อ.157
อัดเสียคนตอนแก่
ด้านความคิดเห็นของบรรดานักการเมืองนั้น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภา และนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โพสต์เฟซบุ๊กสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นักศึกษากลุ่มเยาวชนปลดแอกต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้สำเร็จ ว่าขณะนี้ประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งแล้ว จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าการโพสต์แบบนี้เพื่อต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หรือมีนัยทางการเมืองแอบแฝง โดยอาศัยจังหวะความเคลื่อนไหวของน้องๆ นักศึกษาในขณะนี้ เพราะก่อนหน้านี้นายภูมิธรรมและนายจาตุรนต์ก็เคยระบุไว้ว่าอยากตั้งพรรคการเมืองใหม่ จึงอยากให้ยุบสภาเร็วขึ้นเพื่อที่กลุ่มของตนจะได้ลงสนามเลือกตั้งใหม่ให้เร็วขึ้นเช่นนั้นหรือไม่ โดยไม่สนใจปัญหาความแตกแยกวุ่นวายของบ้านเมือง
“แทนที่จะช่วยกันเตือนสติรุ่นน้องให้หันมาร่วมมือช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง กลับมีวิธีคิดที่จะยุยง เช่นนี้ถือว่าใช้ไม่ได้เลย พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่มองว่าลุแก่อำนาจ ถ้าสมองคิดแต่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเช่นนี้ มีนัยอะไรแอบแฝงร่วมกับคณะก้าวหน้า นายธนาธร นายปิยบุตร และ น.ส. พรรณิการ์หรือไม่ สังคมอาจสงสัยได้ ผมจึงขอเตือนทั้งสองท่านไว้ว่าระวังจะเสียผู้ใหญ่ตอนแก่ เก็บความนับถือศรัทธาไว้ให้คนในสังคมบ้าง อย่าให้คนในสังคมเสื่อมศรัทธาไปมากกว่านี้ จนไม่มีที่ยืนในสังคมเหลืออีกเลย" นายสุภรณ์กล่าว
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุถึงกรณี ส.ส.ที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองเชิญชวนและเข้าร่วมการชุมนุม ว่าอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งมีโทษยุบพรรคการเมือง และหากมีการยื่นยุบพรรคจริงก็จะปั่นกระแสสังคมอีกว่าถูกกลั่นแกล้ง ทั้งที่ใจก็รู้อยู่แล้วว่าสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย ซึ่งหากมีการกระทำดังกล่าวจริงก็ควรหยุดและให้น้องๆ เยาวชนแสดงออกโดยปราศจากการแทรกแซงของพรรคการเมือง นอกจากนี้การเตรียมการที่จะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวนั้น อาจทำให้น่าสงสัยว่า ส.ส.มีความสัมพันธ์กับผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยืนยันว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมครั้งนี้ และไม่เคยให้เงินเป็นค่าจ้างแก่กลุ่มแกนนำ และเชื่อว่าการออกมาชุมนุมของกลุ่มคนเหล่านั้นก็ไม่ได้รับอามิสสินจ้างจากใครด้วย แต่เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ส่วนที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.ให้ท้าสาบานว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมนั้น ไม่ขอต่อล้อต่อเถียงด้วย
นายธนาธรยังกล่าวถึงกรณีตำรวจเตรียมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและการละเมิดสถาบัน ว่าขอเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันปกป้องกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยในวันนี้ เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นทำเพื่ออนาคตของประเทศ หากไม่ปกป้องก็จะไม่มีใครออกมาต่อสู้แทนประชาชนได้ เพราะถือเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความกล้าหาญ การออกมาข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีเป็นกลยุทธ์ของฝ่ายรัฐบาลเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลัว ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งถือเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการที่คนของคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลไปร่วมชุมนุมด้วยไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนของอดีตพรรคอนาคตใหม่ต่างก็เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเมื่อมีการออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้พวกเราก็พร้อมร่วมสนับสนุน
ขู่เร่งเจรจาก่อนวิกฤติ
“ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้าเข้าหากัน เพราะถึงจุดใกล้เกิดวิกฤติการเมืองแล้ว ซึ่งหากปล่อยให้วิกฤติการเมืองครั้งนี้เกิดขึ้น มันจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมามาก แต่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ที่จะยับยั้งวิกฤตินี้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียขึ้นอีก อย่ารอให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้นมาก่อนแล้วค่อยหันหน้าพูดคุยกัน ซึ่งข้อเสนอนี้ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางออกเดียวของสังคมไทย เพื่อหาข้อตกลงใหม่ ที่เป็นที่ยอมรับร่วมกัน” นายธนาธรกล่าวตอบในเรื่องการชุมนุมของกลุ่มดังกล่าวในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ตอนหนึ่งถึงการชุมนุมว่า "ขอให้ยึดข้อเรียกร้อง 3 ข้อให้มั่นคงถึงที่สุด เพราะเป็นความชอบธรรม แต่สิ่งสำคัญต้องไม่ก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นความละเอียดอ่อนและสุ่มเสี่ยงต่อการนำพาไปสู่ความสูญเสียเช่นดังประวัติศาสตร์การชุมนุมที่ผ่านมา ซึ่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งเคยพูดว่า การต่อสู้ทางการเมืองต้องไม่เดินเลยอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งมีความหมายถึงระบอบการปกครองของไทยยึดติดกับประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ในฐานะคนผ่านทางได้เห็นปรากฏการณ์และมีความหวั่นวิตกโรคแทรกซ้อนใดๆ ก็ตามจะทำลายการต่อสู้ของขบวนการอันชอบธรรมของนักศึกษา รวมทั้งต้องยอมรับความจริงว่า ถ้าเราต้องการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น จะต้องขีดเส้นใต้ว่าไม่ยุ่งเกี่ยวหรือก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะถ้าเลยอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไป ความชอบธรรมในระยะต่อไปนั้นจะมีความสูญเสียตามมาเป็นลำดับ"
นายจตุพรกล่าวอีกว่า "สิ่งสำคัญที่สุดของวันนี้คือ ปรากฏการณ์ชุมนุมของนักศึกษานี้ ถ้าไม่เกิดโควิด-19 สถานการณ์ไปไกลกว่านี้เยอะ แต่ขณะนี้ถ้าไม่บริหารจัดการในผู้ชุมนุมแล้ว เส้นแบ่งบางๆ พร้อมขาดสะบั้นได้ทุกเวลา เพราะไม่มีอะไรที่น่ากลัวไปกว่าความโกลาหล ดังนั้นจึงต้องมีความพร้อมในการจัดการ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย และรัฐต้องส่งคนเข้าไปร่วมบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เป็นชนวนน้ำผึ้งหยดเดียว ซึ่งเป็นความละเอียดอ่อนอย่างมาก การต่อสู้ต้องรักษาความชอบธรรมให้ยาวนานที่สุด ถ้าเสียความชอบธรรมไปจะนำพาให้เกิดความสูญเสียมากมายอย่างที่คาดไม่ถึง ซึ่งห่วงใยจากใจจริงที่สุด"
นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำ นปช.กล่าวว่า ขอให้กำลังใจน้องๆ ทุกคน ในฐานะที่เคยอยู่ในเวทีการชุมนุมมาก่อน ขอฝากให้ทุกคนดูแลกันและกันให้ปลอดภัย ระวังบุคคลที่สามจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการของกลุ่มนักศึกษาเห็นด้วยทุกประการ แต่หากถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ คงตอบว่าเป็นไปได้ยาก
วันเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเช้าทีมประชาสัมพันธ์กองทัพบกได้แจ้งสื่อมวลชนว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะแถลงข่าวในเวลา 10.30 น.ในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการชุมนุม แต่ต่อมา พล.อ.อภิรัชต์ได้สั่งการให้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบกมาแถลงแทน เพราะเกรงว่าจะเป็นการปลุกกระแสม็อบที่จะมาชุมนุมด้านหน้า บก.ทบ.ในช่วงเย็น
โกรธถูกเรียก 'ม็อบมุ้งมิ้ง'
พ.อ.วินธัยกล่าวถึงการโพสต์ของ พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร หรือหมวดเจี๊ยบ นายทหารประจำกรมยุทธการทหารบก ที่ระบุว่าม็อบเยาวชนปลดแอกเป็นม็อบมุ้งมิ้ง ว่าเป็นลักษณะส่วนบุคคลในฐานะประชาชนในสังคมไทย ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่รองโฆษก ทบ.แล้ว และเจ้าตัวได้ตัดสินใจลบโพสต์ไปแล้ว จึงอยากขอให้สังคมอย่าเชื่อมโยงประเด็นนี้กับองค์กร เนื่องจากในระยะหลังพบว่ามีบางกลุ่มบางบุคคลพยายามแสดงความเห็นต่อกองทัพบก รวมถึงผู้บังคับบัญชาในลักษณะเชิงอคติและไม่เป็นธรรม
และเมื่อเวลา 15.00 น. สำหรับบรรยากาศการดูแลรักษาความปลอดภัยด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) หลังจากที่นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับประกาศนัดชุมนุมในเวลา 17.00 น. เพื่อแสดงออกเนื่องจากไม่พอใจการโพสต์ของ พ.อ.หญิง นุสรานั้น เมื่อเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ปิดประตูรั้วด้านหน้า บก.ทบ.ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ด้านหน้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. นางเลิ้งมาดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ด้านนอกบริเวณรั้ว บก.ทบ.ได้มีการขึงสแลนตั้งแต่บริเวณข้างกำแพงติดกับยูเอ็นจนถึงโรงเรียนแผนที่ทหารไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมรั้วและทาสีหลังจากที่ไม่ได้ปรับปรุงมากว่า 10 ปี
ต่อมากลุ่มเยาวชนปลดแอกและ สนท.นำโดยนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ อดีตพรรคอนาคตใหม่, นายอานนท์, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ เยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ได้ทยอยเดินทางมารวมตัวชุมนุม โดยใช้เครื่องขยายเสียงพร้อมตั้งเวทีปราศรัยขนาดเล็ก ซึ่งมีมวลชนส่วนหนึ่งชูกล้วยและป้ายระบุข้อความว่า "หยุดซื้อเรือ เครื่องบิน เพื่อปากท้องประชาชน", "ทหารคือรั้ว อย่ามั่วเป็นเจ้าของบ้าน" และ "ทหารมีไว้ทำไม"
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนนครบาล 1 จำนวน 1 หมวด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง และตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 20 นาย พร้อมรถเครื่องขยายเสียง และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวประมาณ 20 นายคอยทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ขณะที่เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ได้ปิดประตูทางเข้าด้านหน้าในเวลา 17.00 น. ทั้งนี้ก่อนที่แกนนำจะเริ่มทำกิจกรรม ตำรวจ สน.นางเลิ้งได้อ่านประกาศและข้อกำหนดโทษที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.การจราจร ผ่านรถเครื่องขยายเสียงโดยหันลำโพงไปที่กลุ่มผู้ชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ได้สนใจ
จากนั้นนายภาณุพงศ์ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า "ม็อบเราไม่ใช่ม็อบมุ้งมิ้ง เวลาเราทำกิจกรรมจะมีเจ้าหน้าที่แต่งกายคล้ายทหารไปหาที่บ้าน ถ่ายรูปครอบครัวและขอเบอร์โทรคนที่บ้าน สิ่งเหล่านี้คือการคุกคามประชาชนหรือไม่ ขอให้ช่วยแยกแยะอำนาจกับสิทธิเสรีภาพประชาชนด้วย ทั้งนี้ผู้นำควรรับฟังเสียงประชาชน ทั้งผู้เห็นด้วยและผู้เห็นต่าง"
จนกระทั่งเวลา 18.30 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีกองทัพบกและ พล.อ.อภิรัชต์อย่างต่อเนื่อง โดยตอนท้ายได้ระบุว่า "เมื่อมาถึงกองทัพบกก็ต้องมีอะไรพิเศษ" พร้อมนำภาพถ่ายของ พล.อ.อภิรัชต์ที่สวมเครื่องแบบสีเขียวเต็มยศมาฉีก ท่ามกลางผู้ที่มาฟังการปราศรัย ประมาณ 30 คน.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |