‘ปู’ซัดยุติธรรมเหลื่อมล้ำ สมศักดิ์โอด12ปีตั้งข้อหา


เพิ่มเพื่อน    

  "ยิ่งลักษณ์" โวยโดน ป.ป.ช.เล่นงานฝ่ายเดียว เดือนเดียว 2 คดีติด ซัดยุติธรรมเหลื่อมล้ำเลือกข้างระวังคนหมดศรัทธา "สมศักดิ์" โอด 12 ปีเพิ่งแจ้งข้อกล่าวหา "อนงค์วรรณ" อ้างกรมบัญชีกลางการันตีสร้างฝายแม้วคุ้มค่าลงทุน ยันเมียพร้อมสู้คดีไปแจง 3 ส.ค.

    เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเรื่องดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบว่า เกิดความสงสัยและขอตั้งข้อสังเกตกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่ามีความขยันในการเร่งรัดคดีตนฝ่ายเดียว เพราะภายในเดือนนี้เดือนเดียว ป.ป.ช.ก็มีการชี้มูลความผิดตนถึง 2 คดีติดๆ กัน   
    โดยวันที่ 1 ก.ค.2563 ชี้มูลเรื่องการใช้อำนาจโอนนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ และเมื่อวันที่่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ถูกชี้มูลในคดีนี้อีก ซึ่งผิดกับคดีที่ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันถูกร้อง และขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ดูเหมือน ป.ป.ช.จะให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลปัจจุบันมากเป็นพิเศษในหลายคดี ทั้งๆ ที่เป็นคดีที่สังคมเกิดข้อกังขาและตั้งข้อสงสัยมากมายกับการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. และผลการพิจารณาหลายคดีก็ค้านกับความรู้สึกของประชาชน วันนี้แทนที่ ป.ป.ช.จะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณและการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อน ทั้งจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ปากท้อง และปัญหาโควิด-19 ที่รอการแก้ไข แต่กลับมาเร่งรัด เร่งรีบกับคดีของฝ่ายที่เห็นต่างและคิดว่าอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
    สำหรับคดีแรก กรณีการย้ายนายถวิล ตนมิได้เจตนาที่จะกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใด เพราะการที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลหนึ่งรัฐบาลใดใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการ โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติหน้าที่งานด้านความมั่นคง ซึ่งต้องเป็นที่เชื่อถือและไว้วางใจของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ได้กระทำกัน โดยหลังจากที่ตนหมดหน้าที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการโยกย้ายข้าราชการอย่างมากมาย แต่กลับไม่มีความผิด เพราะมีมาตรา 44 คุ้มครอง และคดีนี้มาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2557 เพื่อให้ตนพ้นจากหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรี และวันรุ่งขึ้น  8 พ.ค.2557  ป.ป.ช.ก็ชี้มูลเรื่องคดีจำนำข้าวโดยเร่งรัด ต่อมาเดือนเดียวกัน วันที่ 22 พ.ค.2557 ได้มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น จนทำให้เกิดปัญหามาจนถึงทุกวันนี้ ที่ประชาชนต้องเรียกหาความยุติธรรมและประชาธิปไตยไม่จบสิ้น
     ส่วนเรื่องจัดทำโครงการโรดโชว์สร้างอนาคตไทย สืบเนื่องจากรัฐบาลของตนเสนอนโยบายสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง และโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายเรื่อง โดยการออกร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ..... หรือร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน เป็นโครงการที่ทำให้เกิดการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่มีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบใดๆ ต่อมารัฐบาลชุดปัจจุบันก็นำโครงการนี้มาดำเนินการต่อ และวันนี้รัฐบาลปัจจุบันก็จำเป็นต้องออกนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน ซึ่งมากกว่ารัฐบาลของตน โดยปราศจากการท้วงติงหรือการตรวจสอบจาก ป.ป.ช.
    "ทุกวันนี้ดิฉันใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ ในต่างประเทศอย่างปุถุชนคนทั่วไป แต่ยังต้องมาถูกกล่าวหาในทางอาญา 2 เรื่องติดต่อกันในเวลาไม่ถึง 1 เดือนอีก เพื่อให้มีการพิจารณาคดีลับหลังดิฉัน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ช่างสอดคล้องหรือเหมือนกับความโชคร้ายในชีวิตของดิฉัน ที่โหยหาความยุติธรรมว่าเมื่อไหร่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองอันเป็นที่รักของดิฉันเช่นกันเสียที ดิฉันไม่อยากให้ความยุติธรรมต้องเลือกข้าง ความยุติธรรมต้องไม่เหลื่อมล้ำ ถ้าเป็นนักการเมืองหรืออดีตนักการเมืองฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิดเสมอ แต่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ผิดเลย ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมเสียแล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่งความศรัทธา ความเชื่อมั่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.อาจหมดสิ้นไป" น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
         ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้กระทําอย่างถูกต้องตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ โดยสามารถยืนยันได้ เพราะได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ว่าโครงการได้ดําเนินการมาถูกต้อง และได้อนุมัติจ่ายค่าจ้างการจัดทําโครงการให้กับเอกชน ขอยืนยันว่าในฐานะรองนายกฯ ได้ดําเนินการไปตามอํานาจหน้าที่ ตามระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างระมัดระวัง และรอบคอบทุกประการ ได้กระทําด้วยความสุจริต บริสุทธิ์ใจ มิได้ทําเพื่อประโยชน์ส่วนตน หากแต่ได้คํานึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนสํานักงานอัยการสูงสุด และกระบวนการทางศาลต่อไป
    ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีอนุกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยา ทุจริตโครงการฝายแม้ว 770 ล้านบาท สมัยเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ปี 2551 ว่าเรื่องนี้คงต้องย้อนเวลากลับไปกว่า 12 ปี สมัยตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นางอนงค์วรรณเป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และได้ดำรงตำแหน่ง รมว.ทส. สาเหตุที่มีการร้องเรียนในสมัยนั้น เข้าใจว่ามีการลงชื่อร้องเรียน แต่การตรวจสอบข้อเท็จจริง คนที่ลงชื่อร้องเรียนได้ยืนยันกับผู้ตรวจสอบว่าตัวเขาเองไม่ได้ลงชื่อร้องเรียน กระบวนการสอบเหมือนจงใจจะชี้นำหรือหาเหตุผลในการจับผิดให้ได้หรือไม่ การพิจารณาเรื่องนี้ยาวนาน มีการเปลี่ยนอนุกรรมการหลายชุด จนเข้าใจว่าเรื่องนี้ได้ยุติไปแล้ว กระทั่งเวลาผ่านมาเป็น 12 ปี ป.ป.ช.เพิ่งมาแจ้งให้รับทราบว่านางอนงค์วรรณเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นรัฐมนตรีในขณะนั้น
    ทั้งนี้ ทราบมาว่าที่ผ่านมา ทส.และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ตั้งกรรมการสอบสวนตรวจสอบเรื่องนี้หลายครั้งว่าได้การดำเนินงานจริงหรือไม่ โดยมีรูปถ่ายยืนยันพร้อมค่าพิกัดของฝายทุกตัว และเมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไปตรวจสอบ ได้ทำหนังสือให้กรมบัญชีกลางเข้าตรวจสอบด้วย ผลการชี้แจงของกรมบัญชีกลางยืนยันว่างานที่ออกมามีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการลงทุน ตนได้ไปศึกษาสาเหตุของการสร้างฝายแม้วจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ มีความลาดชันสูง จึงต้องสร้างฝายให้ถี่ เพื่อที่จะอนุรักษ์ดินและน้ำ ฝายดังกล่าวยังช่วยป้องกันไฟป่า เพราะทำให้ดินมีความชุ่มชื้น ในเวลานั้นจึงไม่มีไฟป่ามาก แต่ขณะเดียวกันในเวลานี้ประเทศกลับถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประชาชนต้องเป็นโรคทางเดินหายใจ
    ในส่วนของการออกแบบฝายเป็นไปตามหลักวิชาการ กรมอุทยานฯ และขั้นตอนการออกแบบมีมาก่อนที่นางอนงค์วรรณจะรับตำแหน่ง โครงการนี้มีการผลักดันมานาน แต่ไม่สำเร็จ เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งพื้นที่ป่าต้นน้ำขอย้ำว่ามีความสำคัญ เพราะเป็นแหล่งที่จะเติมน้ำให้น้ำกับเขื่อนต่างๆ ดังนั้นการทำฝายชะลอน้ำในราคาประมาณตัวละ 5,000 บาท มีอายุการใช้งาน 3-5 ปี จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยในปัจจุบันทั้งกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และหน่วยงานอื่นยังดำเนินการกิจกรรมนี้อยู่
    “เรื่องนี้ยาวนานมาถึง 12 ปี คุณอนงค์วรรณไม่เคยถูกเชิญให้เข้าชี้แจงใดๆ เลย และผมเชื่อว่าเวลานี้ภรรยาของผมพร้อมที่จะไปให้ข้อมูลในวันที่ 3 ส.ค.อย่างแน่นอน” นายสมศักดิ์กล่าว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"