'จตุพร' เผยฝ่ายยุ ฝ่ายต้านม็อบไม่พอใจอย่างแรง หลังออกโรงเตือนอย่าก้าวล่วงสถาบัน


เพิ่มเพื่อน    

24 ก.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ PEACETALKช่วงหนึ่งว่า สิ่งที่นำเสนอให้การชุมนุมของนักศึกษาขีดเส้นใต้ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ อันชอบธรรมนั้น มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ที่ผ่านมา ไม่ใช่คนประจบสอพลอ เอาดีใส่ตัว ยกประวัติศาสตร์มาอธิบายครบถ้วนให้เห็นถึงการเดินอย่างไร แล้วต้องไปเจออะไรที่ปลายทางเดินนั้น พวกที่ชอบกระทบเสียดสี กลับบอกว่า ตนพูดเอาตัวรอดและไปขัดขวางนักศึกษาชุมนุม ซึ่งต้องอธิบาย เพราะพยายามไม่ให้เกิดเรื่อง เพียงให้นักศึกษาเดินตาม 3 ข้อเรียกร้องให้มั่นคงไม่ว่า ยุบสภา เลิกคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญ หากถูกปราบแล้วตนนิ่งเฉย ก็ใช้ไม่ได้ ที่เตือนเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่อง อยู่ในเหตุการณ์ 2535 กับ 2553 คนตายร่วม 200 ทำไมไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น หลายสถานการณ์เราควบคุมไม่ได้ทุกอย่าง มีโรคแทรก มีอะไรเกิดขึ้นได้ทุกวัน จะคิดป้องกันอย่างไรก็เป็นเรื่องยาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ การยืนระยะที่มีความชอบธรรม เบื้องต้นนักศึกษาต้องสร้างกำแพงให้แข็งแรงก่อน โดยเน้นที่ 3 ข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมตามวิถีประชาธิปไตย แม้สิ่งที่เตือนเป็นการกระทำของคนส่วนน้อย แต่มันจะทำลายส่วนใหญ่ให้พินาศย่อยยับ แล้วกลายเป็นจุดอ่อน 

"ผมออกมาเตือนเรื่องนี้ ทันทีโดนเล่นงานจึงรู้เลยว่า ทั้ง2ฝ่ายพร้อมจะมีเรื่องได้ตลอดเวลา ฝ่ายที่ยุยงแนวทางให้ล้นเกิน 3 ข้อไป เป็นหมู่มิตรกันมาทั้งนั้น มาวิจารณ์สาดเสีย ซึ่งไม่รู้จักผมหรือ มีตอนไหนที่ไปสนับสนุนเผด็จการ ผ่านการต่อสู้มาตลอด เห็นต้นทางจึงรู้ปลายทางจะเกิดอะไรขึ้น บางคนให้อยู่เฉยๆ นอกจากฝ่ายที่ยุงให้ไปล้ำเส้นแล้ว ยังมีอีกฝ่ายที่ต้องการจัดการกับฝ่ายล้ำเส้น เมื่อห้าม บอกอย่าล้ำเส้น จึงไม่พอใจผมทั้งสองฝ่ายเลย”นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า ช่วงสถานการณ์ชุมนุม อยู่จุดสำคัญเสมอ ในพฤษภา 2535 ทัพราชดำเนินแตก เหลือตนนำประชาชนไปต่อสู้ที่ ม.รามคำแหง ส่วนปี 2553 ถูกกล่าวหาเผาบ้านเผาเมือง ล้มล้างสถาบัน เป็นผู้ก่อการร้าย จนสู้จากกระแสสังคมที่ต่ำสุดกลับคืนมาดีขึ้น มีผลลัพธ์เลือกตั้งเป็นเครื่องพิสูจน์ พอแสดงความคิดเห็นเตือน หลายคนมีอารมณ์ค้างจากสงครามสู้รบเก่า คิดกล่าวหาว่า เป็นฝ่ายขวาจัด บางคนว่าตนไปสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งไปกันใหญ่ แต่สิ่งที่พูดเตือนให้ขีดเส้นใต้เพื่อเกิดความชอบธรรมใน 3 ข้อเรียกร้อง หากถูกปราบ ประชาชนก็ทนไม่ได้ ถ้าไม่ขีดเส้นใต้ก็ไปสร้างความชอบธรรมให้อีกฝ่ายหนึ่ง พอเสนอให้ขีดเส้นใต้บรรดากองเชียร์ทั้งหลายก็โกรธ ทั้งเกลียด รุมด่าสารพัด ได้ยกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การชุมนุมมาถ่ายทอดให้นักศึกษาฟัง และเสียงเตือนของตนนั้น จะทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่ ถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่พูดเตือนจะได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ และไม่ได้พูดบนวิถีทางเอาตัวรอด

ประธานนปช.กล่าวว่า จุดยืนหลักของตนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตลอดคือ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนปช.ยืนและยึดหลักอุดมการณ์นี้ จึงย้ำอีกครั้ง ด้วยการเตือนการชุมนุมของนักศึกษาให้ขีดเส้นใต้ ป้ายส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา แต่มีป้ายไม่กี่ป้ายเท่านั้น ที่จะเป็นปัญหาให้ถูกหยิบไปขยายจนกลายเป็นจุดอ่อนได้ และที่ทั้งสองฝ่ายรุมเล่นงานนั้น หมายความว่า เขากำลังปฏิบัติการอยู่แล้ว มาห้ามทำไม พวกเขาจึงร่วมกันกระทืบผมก่อน ที่จะไปฆ่ากัน ความจริงแล้ว 3 ข้อเรียกร้องเป็นความชอบธรรม และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย และต้องใช้เวลา ซึ่งต้องกำหนดไทม์ไลน์ให้ชัดเจน ดังนั้นจึงอยากให้ช่วยกันคิด แต่อย่ามาตราหน้าผม เพราะเป็นอย่างนี้

“ทั้งหมดคือ ความปรารถนา และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายกำลังรบกับ ทำลายกัน แต่ตนกลับดันเข้ามาอยู่ตรงกลางจึงถูกรุม เมื่อเตือนแล้วไม่ฟังก็เชิญหาความสำราญกับความตายกันเอาเอง วันนี้ เราต้องช่วยกันเมื่อประเทศกำลังเดินไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจ แต่ในทางการเมืองเราไม่ควรจะมีคนมาตายกันอีก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขวาหรือซ้าย”นายจตุพรกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"