จับตาจักรทิพย์ ลับดาบรอฟัน! วิระชัยกลับถิ่น


เพิ่มเพื่อน    

 จับตา “จักรทิพย์” ฟัน “วิระชัย” คดีคลิปเสียงคุยคดียิงถล่มรถบิ๊กโจ๊กหลุด หลัง “ประยุทธ์” ลงนามให้หวนคืนเก้าอี้ รอง ผบ.ตร.เผยกองคดีสรุปเบื้องต้นทำ สตช.เสียหาย “บิ๊กแป๊ะ” ยังลงนามให้ “บิ๊กช้าง” กลับถิ่น

เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ก.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามคำสั่งที่ 219/2563 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 ก.ค.
    โดยในช่วงเช้า พล.ต.อ.วิระชัยได้มาร่วมในพิธีเฉลิมพระเกียรติวันเฉลิมพระชนมพรรษา 68 พรรษา 28 กรกฎาคม 2563 ร่วมกับคณะข้าราชการตำรวจ โดยกล่าวสั้นๆ ขณะกำลังขึ้นรถไปเข้าร่วมพิธีทำบุญที่วัดโมรีว่า ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม ดูแลงานด้านกฎหมาย ซึ่งมีขวัญและกำลังใจดี พร้อมกลับมาทำหน้าที่
ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร. ได้แถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับหนังสือจากสำนักนายกฯ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะกำกับ สตช. มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัยกลับมาปฏิบัติราชการ โดยเดิมวันที่ 23 ม.ค.2563 นายกฯ มีคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 22/2563 ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกฯ และวันที่ 23 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงนามตามที่ สตช. ได้นำเรียนข้อมูลไปว่า จากรากฐานของคำสั่งเดิมแจ้งว่า เพื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อ สตช.มีคำสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่เดือน ม.ค. จนถึงวันนี้ สตช.ได้รายงานไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ทราบว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็ส่งคืนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่ สตช. แสดงว่าขั้นตอนที่นายกฯ สั่งการเสร็จแล้ว ที่เหลือเป็นขั้นตอนของ สตช.ดำเนินการต่อ เช่น นำผลสืบสวนข้อเท็จจริงมาพิจารณาต่อจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องธุรการ เช่น กองวินัย รวมทั้งการมอบหมายการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง
    เมื่อถามว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการจเรตำรวจแห่งชาติ ได้มอบให้สำนักงานกำลังพลและกองวินัยพิจารณา น่าจะเร็วๆ นี้ ภายใน 1-2 วัน จะส่งให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ดำเนินการต่อ ส่วนจะมีมูลหรือไม่ ไม่ทราบ
พล.ต.ท.ปิยะยังแถลงว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้เซ็นหนังสือคำสั่งที่ 382/2563 เรื่องยุติให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ซึ่งคำสั่งระบุว่า ตามคำสั่ง สตช.ที่ 28/2563 ลงวันที่ 23 ม.ค.2563 ให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สตช. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ สตช.มอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงนั้น เนื่องจากภารกิจที่มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และข้อ 8 (1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 จึงให้ยุติการปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ถามต่อว่า มีนัยอะไรหรือไม่ของการกลับมาทั้ง 2 รอง ผบ.ตร.ในช่วงแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนต่อไป พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากจเรตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามคำสั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้น ส่วนการดำเนินการว่าผิดหรือไม่ อย่างไร กระบวนการทางวินัยจะดำเนินการต่อ เป็นการต่อสู้ตามกระบวนการปกติ ต้องแยกกันคนละส่วน การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ยังไม่เกิด เมื่อกลับมา ผบ.ตร.ก็จะมอบหมายภารกิจเหมือนรอง ผบ.ตร.ทุกคน การแต่งตั้ง ผบ.ตร.โดยกฎหมาย ต้องแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.-จเรตำรวจแห่งชาติ กฎหมายเขียนไว้อยู่แล้ว แต่ตอบไม่ได้เพราะกระบวนการแต่งตั้งยังไม่เกิด
มีรายงานจาก สตช.แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้มอบหมายให้กองคดี สตช.เข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.วิระชัย จากกรณีเปิดเผยข้อมูลการคุยโทรศัพท์ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์และ พล.ต.อ.วิระชัย ผ่านสื่อมวลชน จนทำให้ สตช.ในฐานะนิติบุคคลได้รับความเสียหาย เนื่องจากเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 เรื่องห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์ หรือข้อมูลสื่อสารอื่นใด ซึ่งมีฐานความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับการเอาผิดดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน หลังมีการปล่อยคลิปเสียงการสนทนาดังกล่าวที่เป็นการพูดคุยกันเกี่ยวกับคดียิงรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ ซึ่งจากการสอบสวนถึงการปล่อยคลิป คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า พล.ต.อ.วิระชัยมีความผิด จึงได้ส่งมอบให้สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) สตช. หารือและตรวจสอบว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งพบว่าเป็นความผิดต่อ สตช. เพราะทำให้เสียหาย จึงได้รายงานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก่อนที่ กมค.จะประสานงานให้กองคดีเข้าแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว และทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามยังได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำสำนวนคดีให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาขอออกหมายเรียก พล.ต.อ.วิระชัย มาสอบปากคำพร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป.

    

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"