ขนส่งฯจ่อดึงเอกชนร่วมลงทุน PPP ศูนย์เปลี่ยนถ่ายขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย


เพิ่มเพื่อน    

 

29 ก.ค.63-นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธานในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนต่อร่างประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงรายว่า ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของอยู่บนเนื้อที่ 336 ไร่ มูลค่ารวม 2,139 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินก่อสร้าง 1,360 ล้านบาท และ วงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 779 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างระยะที่ 1 คืบหน้ากว่า 90% แล้วเสร็จปลายปี 2563 หลังจากนั้น ขบ. จะเข้าบริหารก่อน ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมให้เจ้าหน้าที่เรียนรู้กระบวนการทำงานเรียบร้อย หลังจากเปิดให้บริการต้องให้ศูนย์ขนส่งเป็นที่รู้จักก่อน จากนั้นคาดว่าจะมีรถสินค้าทยอยมาใช้อย่างต่อเนื่อง เพราะสะดวก เนื่องจากปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าผลไม้เป็นจำนวนมาก เช่น ทุเรียน เป็นต้น

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ซึ่งการที่ ขบ. บริหารก่อน 1 ปีนั้น เนื่องจากการบริหารจัดการโครงการ ขบ. อยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่าเวนคืนที่ดิน และค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ส่วนเอกชนเป็นผู้ลงทุนค่าเครื่องมืออุปกรณ์ยกขน และงานระบบบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ และรับผิดชอบในส่วนของการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (0&M) ตลอดระยะเวลาร่วมลงทุน 15 ปี

“ปัจจุบันคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ได้ให้ความเห็นชอบรูปแบบการร่วมลงทุนในโครงการตาม พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนดำเนินการคัดเลือกเอกชนตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562”นายจิรุตม์ กล่าว

นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นจึงจัดสัมมนาดังกล่าวขึ้นครั้งนี้ มีภาคเอกชนให้ความสนใจ 19 ราย ส่วนมากเป็นผู้ประกอบการด้านรถบรรทุก และผู้ประกอบการเดินเรือและเป็นผู้ประกอบการคนไทยทั้งหมด เพื่อให้ดำเนินการสอดคล้องกับความสนใจของภาคเอกชนและผู้สนใจร่วมลงทุนอย่างแท้จริงอย่างไรก็ตามกระบวนการ PPP คาดการณ์ว่าสามารถออกประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจเข้าร่วมลงทุนได้ในช่วงกลางปี 64 และลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนได้ในช่วงต้นปี 65 เข้าบริหารต่อไป

สำหรับโครงการดังกล่าวจะสามารถช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษได้ เพราะพบว่าด่านเชียงของมีมูลค่าการนำเข้าและส่งออก 28,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ช่วยอำนวยประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์เชิงบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพของประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตามโครงการนี้ตามแผนการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) ของ ขบ. ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศ บนเส้นทาง R3A เชื่อมต่อการขนส่งระหว่างไทย-สปป.ลาว-สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย)

รวมถึงรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) ระหว่างทางถนนกับทางรางผ่านแนวรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ปัจจุบันเตรียมเปิดประมูล และอยู่ระหว่างจัดจ้างที่ปรึกษาสำรวจจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินต่อไป คาดว่าจะเปิดบริการปี 68 ซึ่งทำให้เชียงของเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์ (Logstic Hub) ที่มีความสำคัญ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และสนับสนุนนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลได้

ส่วนระยะที่ 2 วงเงิน 600 กว่าบาท เริ่มดำเนินการได้ในปี 68 เพื่อกระจายสินค้า และเปลี่ยนถ่ายที่แท้จริง เปลี่ยนจากหัวรถลากมาสู่ระบบรถไฟ และเปลี่ยนจากระบบรถไฟมาเป็นหัวรถลากขนส่งไปยังจีนได้ ทั้งนี้ ขบ. ยังมีแผนจะสร้าง โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนในอนาคตที่มีค่าตอบแทนสูงอีก ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.แม่สอด จ.ตาก


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"