‘ทอน’ปั่นกระแสรัฐประหาร


เพิ่มเพื่อน    

  เข้าทาง "ธนาธร" โหนอาชีวะ โวทำธุรกิจ 20 ปีมีอาชีวะร่วมงานตลอด ฉะนั้นอย่าให้ใครมาอ้างชื่อไปจัดตั้ง ก่อม็อบชนม็อบ เพื่อจะมีเงื่อนไขก่อรัฐประหาร "แรมโบ้" สวนกลับ แก๊งก้าวหน้าปลุกปั่นยั่วยุให้เด็กชุมนุมทำให้ประเทศชาติเสียหายพังพินาศ  หวังล้มรัฐบาล ส่วนเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ จับมือบีบรัฐบาล เป็นเจ้าภาพแก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภา

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ร่วมจัดรายการก้าวหน้า Talk กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดยมีผู้ชมถามถึงเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาอาชีวะ ทั้งกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ที่ชุมนุมปกป้องสถาบัน และกลุ่ม “สามพระจอมจะยอมได้ไง” เครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าฯ 3 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ หรือ มจพ. ร่วมกับกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชน และกลุ่มอาชีวะโค่นเผด็จการ ที่เรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา และยกเลิกกฎหมายที่คุกคามเสรีภาพประชาชน
    นายธนาธรกล่าวว่า ตลอดชีวิตการทำธุรกิจ 20 ปี ทำงานกับคนอาชีวะมาโดยตลอด เพราะพนักงานส่วนใหญ่ในโรงงานเป็นคนที่จบอาชีวะ และตนเองชื่นชมความสามารถของคนสายช่างว่ามีส่วนอย่างมากในการพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ โดยนายธนาธรเล่าว่า คนที่จบอาชีวะในโรงงานตนเอง สามารถเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ที่มีความสลับซับซ้อนสูงได้ พิสูจน์ว่าพวกเขามีศักยภาพสูง และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
    นอกจากนี้ นายธนาธรยังกล่าวว่า คนอาชีวะเป็นกำลังหลักในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ในยุค 14 ตุลา 2516 กลุ่มคนที่นอนขวางรถถัง ก็เป็นเด็กอาชีวะ กลุ่มคนที่เข้าไปถอดสลัก รื้อฟันเฟืองรถถังจนวิ่งไม่ได้ ก็อาชีวะ เพราะเด็กมหาวิทยาลัยสายสามัญทำไม่เป็น
    “จะเห็นได้ว่าในประวัติศาสตร์ กลุ่มอาชีวะได้เคลื่อนไหวเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับนักเรียน นักศึกษา เรียกร้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครมาอ้างชื่ออาชีวะไปจัดตั้ง ก่อม็อบชนม็อบ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ฝ่ายที่ครองอำนาจอยู่ต้องการ เพื่อจะมีเงื่อนไขก่อรัฐประหาร ผมขอฝากไปถึงชาวอาชีวะทุกคน ส่งเสียงของคุณเองออกมาดังๆ ว่าในภาวะชี้เป็นชี้ตาย ในช่วงเวลาที่เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ เรายืนอยู่ที่ไหน เราอยากเห็นสังคมเป็นอย่างไร อย่าให้ใครมาแอบอ้างชื่อของพวกคุณ ลุกขึ้นมาส่งเสียงของพวกคุณด้วยตัวเอง”
    ส่วนนายปิยบุตรเตือนว่า ที่ผ่านมาพอรัฐเห็นว่ากลุ่มอาชีวะรวมตัวกันเข้มแข็ง เป็นกำลังหลักให้กับการเคลื่อนไหวของนักศึกษาประชาชน ก็เข้ามายุยงให้แตกแยก เช่นกรณี 14 ตุลา ที่เด็กอาชีวะมีบทบาทสูง ฝ่ายความมั่นคงจึงเข้ามายุยงแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเด็กอาชีวะ จนในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 อาชีวะบางส่วนถูกจัดตั้งเป็นกลุ่มการเมืองขวาจัด ถูกทหารใช้ในการก่อความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ในขณะที่อีกจำนวนมากยังคงยืนหยัดร่วมกับผู้ชุมนุมฝ่ายประชาธิปไตย จึงขอให้กลุ่มอาชีวะ ปวช. ปวส. ในปัจจุบันรวมตัวกันให้เข้มแข็ง อย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอดีต ตกเป็นเครื่องมือฝ่ายขวา นำมาใช้ทิ่มแทงประชาชนด้วยกัน    
    นายธนาธรยังกล่าวถึงประเด็นสำคัญในกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งนายปิยบุตรนั่งเป็นกรรมาธิการอยู่ด้วย โดยยืนยันว่าการที่ ส.ว.เริ่มยอมรับการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะกระแสกดดันจากการชุมนุม และการเรียกร้องของนักศึกษาประชาชนทั่วประเทศ ที่ดำเนินต่อเนื่องมาตลอดเดือน ต้องยกเครดิตให้กับประชาชน ที่ทำให้ฝ่าย ส.ว.ตอบรับ จากเดิมที่แข็งขืนต่อต้านมาตลอด
ปลุกกดดันแก้ รธน.
    ส่วนขั้นตอนการแก้รัฐธรรมนูญ นายปิยบุตรกล่าวว่า เป็นไปได้ว่าทำทันในสมัยประชุมนี้ เริ่มจากยกเลิกมาตรา 279 ที่ให้ความคุ้มครองรับรองความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบรรดาประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งหมด ต่อด้วยการยกเลิก 4 มาตรา คือ 269-272 ที่ว่าด้วยเรื่อง ส.ว. ตามบทเฉพาะกาล หากยกเลิก ส.ว. 250 คนไป ก็หมายความว่า ส.ว.ทั้งหมดนี้จะพ้นจากตำแหน่ง และกลับไปใช้วุฒิสภาตามระบบปกติของรัฐธรรมนูญที่มาจากสรรหาตามกลุ่มอาชีพ และอำนาจของ ส.ว.ตามบทเฉพาะกาลก็จะหมดไปด้วย นอกจากนี้ กรณีที่ให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงร่วมออกแบบกฎหมายปฏิรูปต่างๆ อำนาจเหล่านี้จะสิ้นสุดลงทันที
    นายปิยบุตรย้ำว่า การแก้สองเรื่องแรกนี้ทำได้เลย เพราะไม่ต้องประชามติก่อน ส่วนการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ จะใช้เวลาเป็นปี โดยต้องเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อปรับวิธีการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ให้ง่ายขึ้น คือใช้เสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา พร้อมกันนั้นก็เพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นั่นคือกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แล้วให้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับต่อไป
    อย่างไรก็ตาม นายปิยบุตรเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันกดดันเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญต่อไป เพราะกระบวนการยังอีกยาวไกล แม้วันนี้ ส.ว.จะเริ่มเห็นด้วยและมีทิศทางตอบรับเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมากกว่าที่เคยเป็นมา แต่หากประชาชนหยุดเรียกร้อง หยุดกดดัน ก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีก
    นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธรพูดในลักษณะที่อย่าให้ใครอ้างชื่ออาชีวะไปจัดตั้งก่อม็อบชนม็อบ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ฝ่ายที่ครองอำนาจอยู่ต้องการ เพื่อจะมีเงื่อนไขก่อรัฐประหารว่า หากนายธนาธรคิดเช่นนั้น ถือว่ามีแนวคิดในแง่ลบมาก และหากที่พูดถึงผู้มีอำนาจหมายถึงนายกฯ นั้น ยืนยันว่านายกฯ ไม่มีแนวความคิดที่จะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน เพราะไม่เกิดประโยชน์กับชาติบ้านเมืองเลย และขณะนี้นายกฯ คิดถึงแต่ประเทศชาติ ประชาชน โดยต้องเร่งฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย และนายกฯ พูดอยู่บ่อยๆ ว่าไม่ต้องการให้มีการออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวบนท้องถนนของกลุ่มไหนทั้งสิ้น และยังห่วงอนาคตของนิสิต นักศึกษา ไม่อยากให้ทำผิดกฎหมาย นายธนาธรไปแอบอยู่ที่ไหน จึงไม่ได้ยินที่นายกฯ พูดสงสัยหูมีปัญหาแน่ แต่นายธนาธรกลับออกมาพูดในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และอาจทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมมากขึ้น
    นายสุภรณ์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ที่นิสิต นักศึกษา ออกมาเคลื่อนไหว นายธนาธรก็ออกมาสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ กลับมองว่าจะเกิดม็อบชนม็อบจนนำไปสู่การทำรัฐประหาร ซึ่งหากนายธนาธรกลัวว่าจะเกิดการรัฐประหารนั้น ก็น่าจะต้องพูดในลักษณะที่ให้นิสิต นักศึกษา หรือสถาบันอาชีวะ ยุติความเคลื่อนไหวในขณะนี้
    “เรื่องแบบนี้มีแต่คนที่มีแนวความคิดเป็นลบเท่านั้นที่คิดได้ ซึ่งนายธนาธรควรเอาเวลาไปทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติประชาชนมากกว่า หรือถ้าไม่อยากทำ ก็ขอให้ช่วยอยู่เฉยๆ โดยไม่ควรที่จะออกมาพูดว่าความเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา หรือกลุ่มอาชีวะ อาจลุกลามไปจนถึงการเกิดรัฐประหาร ทำไมนายธนาธรไม่ช่วยห้ามการชุมนุม บ้านเมืองจะได้สงบสุข เพราะการสนับสนุนยั่วยุ การชุมนุมจะทำให้ประเทศชาติเสียหายพังพินาศ หรืออาจเป็นเพราะเหตุแก๊งของกลุ่มก้าวหน้าเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังการชุมชุมที่หวังผลจะล้มรัฐบาลใช่ไหม พูดอะไร คิดอะไร ทำอะไร อย่าคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่โง่ คนไทยส่วนใหญ่รู้ดีว่ากลุ่มก้าวหน้าคิดอะไรอยู่ หวังยั่วยุปลุกระดมเพื่อประโยชน์ของกลุ่มประโยชน์ของตนเองอย่างไร นายธนาธรและคณะก้าวหน้าอ้าปากพูดอะไรออกมาคนไทยก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ช่วยคิดให้เป็นบวกเพื่อประเทศชาติประชาชนบ้างสักนิดได้ไหม แค่นายธนาธรไม่ต้องแสดงความเห็นอะไรบ้างสักเรื่อง ก็ถือว่าได้ช่วยทำประโยชน์ให้บ้านเมืองแล้วครับ" นายสุภรณ์กล่าว
รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ
    นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า แม้คณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ควรที่จะแก้ไขก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ เพราะหากแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังการเลือกตั้งไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ และให้นักการเมืองทั้งสภาร่วมมือกันจึงจะแก้ได้ ทั้งนี้ ดูจากข้อเรียกร้องของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน ก็จะทราบว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาแน่นอน
         "พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรนิ่งดูดาย เพราะรัฐธรรมนูญมีปัญหาที่มาและอำนาจของสมาชิกวุฒิสภามากเกินไป และสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ 2 ครั้งคือ 8 ปี นอกจากนี้ การกำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ เป็นอันตรายและล็อกตายการพัฒนาประเทศ เห็นได้จากการจัดทำงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ลอยตัวเหนือปัญหา ไม่รับรู้ข้อเรียกร้องของกลุ่มเยาวชน ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์รู้ว่าตัวเองไปไม่ได้แล้ว แต่ไม่ยอมรับความจริง คาดว่าในสับดาห์หน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติด่วนต่อสภาเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากสมาชิกเห็นด้วย การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะเร็ว และสามารถชี้แจงต่อสังคมได้" รองประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว
         ด้านนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะ กมธ. กล่าวว่า ถือเป็นข้อสรุปที่ กมธ.ได้ตกลงร่วมกัน หลังอนุ กมธ.ศึกษาวิเคราะห์บทบัญญัติรัฐธรรมนูญพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่ตนเป็นเลขานุการ ได้มีความเห็นร่วมกันเสนอต่อ กมธ.คณะใหญ่ ก่อนที่จะมีมติให้มีข้อเสนอดังกล่าวออกมา เพราะจากการพิจารณาของ กมธ.ทั้งหมดแล้ว เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีหลายเรื่องที่ต้องแก้และเกี่ยวพันเกือบทุกหมวดในรัฐธรรมนูญ จึงเสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 256ก่อน เพราะเป็นกุญแจดอกแรก ถ้าไม่เริ่มที่มาตรา 256 เปิดทางให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ส่วนอื่นๆ ที่เป็นปัญหาจะแก้ไขไม่ได้เลย
         นายนิกรกล่าวว่า นอกจากเสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้ง ส.ส.ร.แล้ว กมธ.ยังเห็นชอบให้มีการแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งหมดในรัฐธรรมนูญพ่วงเข้ามาเป็นเรื่องเร่งด่วน เฉพาะหน้าที่จำเป็นต้องมีการแก้ไขไปพร้อมๆ กับมาตรา 256 ด้วย โดยเรื่องดังกล่าวจะไม่รอให้ ส.ส.ร.เข้ามาพิจารณา เพราะที่ผ่านมาระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามีปัญหาจริง หากรอให้มีการเลือกตั้งใหม่ อาจจะนำไปสู่ระบบการเมืองที่ไม่ลงตัวอีก ดังนั้นการวางเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ก็เพื่อที่ระหว่างทางหลังจากนี้หากมีการยุบสภาปัญหานี้จะได้คลี่คลายลงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
      นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการตอบโจทย์ข้อเรียกร้องของนักศึกษา 3 ข้อ คือ 1.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.ยุบสภา 3.หยุดคุกคามประชาชน เมื่อ กมธ.มีผลสรุปของการศึกษาแล้ว จะนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมนี้ และมอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานกมธ. นำผลการศึกษาเสนอต่อรัฐบาล เพื่อให้มีการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ได้แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร จนถึงบัดนี้รัฐบาลบริหารประเทศมาเกือบ 2 ปีแล้ว เป็นเวลาที่เหมาะสมในการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นการปลดล็อกการชุมนุมรายวันของกลุ่มนักศึกษาด้วย
      “ขอเสนอให้รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ด้วยการส่งสัญญาณถึงสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เปิดทางให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชน ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ปัญหาการเมืองของประเทศในขณะนี้ และเชื่อว่าถ้ารัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียเอง จะเป็นการสนองตอบข้อเรียกร้องการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาด้วย เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชนที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ก็เป็นโอกาสที่รัฐบาลจะยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ต่อไป” นายเทพไทกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"