ซินลากูอ่อนแรง10จว.อ่วม


เพิ่มเพื่อน    

  พายุ "ซินลากู" อ่อนกำลังแล้วหลังถล่ม 10 จังหวัด เดือดร้อนกว่าพันครัวเรือน "บิ๊กตู่" เร่งรัดเจ้าหน้าที่ช่วยผู้ประสบภัย มท.1 ลงพื้นที่ "เลย" ให้กำลังใจพร้อมมอบของยังชีพ กำชับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดน้อมนำพระบรมราโชบายดูแล ปชช. "กอนช." เผยผลพวงพายุเติมน้ำ 35 เขื่อน 390 ล้าน ลบ.ม.

    เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ฝนตกหนักและเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นบริเวณกว้าง ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและทั่วพื้นที่ภาคอีสานโดยเฉพาะจังหวัดเลยว่า ได้กำชับตั้งแต่ตอนที่ท่วมแรกๆ แล้วว่าให้ทุกหน่วยไปดูแล โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารและกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  รมว.มหาดไทย ได้ลงพื้นที่ไปดูแลแล้ว รวมถึงเจ้าหน้าที่หลายกระทรวง ซึ่งสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือตอนนี้เป็นช่วงที่พายุเข้ามาหลายลูก และเข้ามาหนึ่งลูกแล้วคือพายุซินลากู
    โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รายงานว่า เนื่องจากฝนตกเกิน 100 มิลลิเมตร  ระบบระบายน้ำจึงรับไม่ได้ ทำให้ท่วมเอ่อเป็นธรรมดา เดี๋ยวก็ลดลง ส่วนของความเสียหายเดี๋ยวต้องมีแผนจัดการ ขณะนี้มี 3 จังหวัด คือ จ.น่าน พิษณุโลก เลย ได้รับผลกระทบและรายงานมาเพิ่มอีก 1  จังหวัด คือ จ.เชียงใหม่ ซึ่งพยายามเร่งรัดดำเนินการให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด โดยมีแผนการรองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามช่วงที่ฝนตกหนักถ้าเก็บน้ำได้ตรงไหนขอให้เก็บ ไม่อย่างนั้นวันหน้าจะเกิดปัญหาเรื่องน้ำแล้ง
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่วันหยุดที่ผ่านมาได้สั่งการให้ช่วยกันดูแลสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากแล้ว โดยเฉพาะ ส.ส.ของพรรคได้สั่งให้ลงพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วน้ำค่อยๆ ลด และฝนที่ตกลงมาเราต้องการเก็บน้ำไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงฤดูแล้ง
    ด้าน พล.อ.อนุพงษ์เปิดเผยว่า เพื่อให้การรับมือผลกระทบจากกรณีพายุซินลากูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการตามแนวทางการเผชิญเหตุ  ได้แก่ 1.เฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัย 2.อพยพประชาชนเมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดอุทกภัย ดินโคลนถล่มในพื้นที่ 3.เมื่อสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูตามระเบียบโดยเร่งด่วนต่อไป 4.ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุซินลากูสรุปสถานการณ์ และรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบอย่างต่อเนื่องทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
    ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานเลย อ.เมืองเลย จ.เลย พล.อ.อนุพงษ์พร้อมด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง นายชยพล  ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และคณะ เข้ารับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือประชาชนพื้นที่ประสบอุทกภัยบ้านสูบ โดยมีนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ให้การต้อนรับและบรรยายสรุป
    รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้มาติดตามสถานการณ์และลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอเมืองเลย ทั้งนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดน้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการดูแลประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว และดำเนินการตามแนวทางการเผชิญเหตุ ทั้งการติดตามสถานการณ์ การแจ้งเตือนประชาชน และเตรียมการทั้งด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ บุคลากร ให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที และประการสำคัญคือ การอพยพประชาชนต้องวางระบบให้สามารถดำเนินการได้ทันทีก่อนเกิดเหตุ
    นอกจากนี้ ในการตั้งโรงครัวพระราชทานต้องดูแลพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อบรรเทาและผ่อนคลายความเดือดร้อนและทุกข์ของประชาชน และในด้านการฟื้นฟู เมื่อสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลายแล้ว ต้องเร่งสำรวจ ประเมินความเสียหาย คาดการณ์งบประมาณค่าใช้จ่าย และเบิกจ่ายให้เป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของทางราชการ เพื่อรัฐบาลจะได้ช่วยเหลือส่วนที่ขาดเหลือต่อไป
    จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์และคณะเดินทางไปที่วัดศรีสว่างวารี (วัดบ้านสูบ) ตำบลน้ำสวย อำเภอเมืองเลย เพื่อมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 300 ชุด และพบปะให้กำลังใจพี่น้องประชาชน  รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชน
    นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลจากพายุ  "ซินลากู" ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 10 จังหวัด รวม 23 อำเภอ 46 ตำบล 130  หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,399 ครัวเรือน ได้แก่ น่าน อุตรดิตถ์ ลำปาง พะเยา เชียงราย  เชียงใหม่ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี และนครพนม ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด
    ขณะที่นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า พายุซินลากูทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเติมในเขื่อนขนาดใหญ่ทั้ง 35 แห่ง ช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ จากการติดตามตรวจวัดและคาดการณ์น้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ พบว่าตั้งแต่ 31 ก.ค. - 3  ส.ค.63 มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำแล้วรวม 390 ล้านลูกบาศก์เมตร
    กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ "หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน" ฉบับที่ 12  โดยระบุว่า พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว เมื่อเวลา 13.00 น. และได้เคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเมียนมาและบริเวณภาคเหนือตอนบนด้านตะวันตก อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 44 จังหวัด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
    ที่ จ.ลำปาง หลังฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลพายุซินลากูในหลายพื้นที่ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดมวลน้ำไหลจากยอดดอยทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตร ได้รับผลกระทบมากที่สุดในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอวังเหนือ อำเภอแจ้ห่ม และอำเภอเมืองปาน โดยนายประเสริฐ ต่อเขต หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จ.ลำปาง สาขาวังเหนือ นำเจ้าหน้าที่กู้ภัยวังเหนือสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชน พบว่าพื้นที่อำเภอวังเหนือน้ำป่าไหลหลากลงมาท่วมบ้านเรือนประมาณ 200 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายมากกว่า  3,000 ไร่
    ที่ จ.เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เกิดน้ำป่าหลากท่วมเส้นทางสายเชียงใหม่-เชียงราย จุดที่กำลังก่อสร้าง กม.ที่ 32-36 เส้นทางขาดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ตอนนี้กำลังเร่งให้ผู้เกี่ยวข้องซ่อมแซม ส่วนพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบภัยมากที่สุดคือ อำเภอสันทราย  พื้นที่ตำบลสันนาเม็ง พนังกั้นน้ำแม่กวงชำรุด ทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ได้สั่งการให้ทุกอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เฝ้าระวังภัยธรรมชาติต่อเนื่อง ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด
    ที่ จ.อุตรดิตถ์ ปริมาณน้ำจำนวนมากในแม่น้ำปาดได้ไหลลงสู่พื้นที่ ต.เด่นเหล็ก อ.น้ำปาด และไหลเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมหมู่บ้านห้วยแค หมู่ที่ 5 ต.เด่นเหล็ก ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำปาด บ้านเรือนราษฎรจำนวนกว่า 90 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมขัง ทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก ต่อมาทหารจิตอาสาภัยพิบัติ ชุดบรรเทาสาธารณภัย จากกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 35 กองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2 ได้นำอาหารและน้ำดื่มมามอบแก่ผู้ประสบภัย ส่วนถนนเส้นทางเข้าหมู่บ้านห้วยแคทั้งด้านทิศเหนือและทิศใต้ถูกตัดขาด ถนนจมอยู่ใต้น้ำลึกตั้งแต่ 30 เซนติเมตรถึงกว่า 1 เมตร
    ที่ จ.พิษณุโลก นายประพฤติ ยอดไพบูลย์ ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยาพิษณุโลก เปิดเผยว่า ฝนตกหนักในเขต อ.ชาติตระการ และ อ.นครไทย โดยในพื้นที่ตำบลห้วยเฮี้ย มีน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และเอ่อล้นท่วมถนนเส้นทางจราจรสายรองเข้าหมู่บ้านบางเส้นในช่วงดึกที่ผ่านมา ทั้งนี้มีชาวบ้าน 1 รายถูกกระแสน้ำพัดสูญหายไประหว่างเดินทางไปหาปลาที่บ้านลาด.  
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"