'ฟิล์ม'เคลียร์ดราม่าอกตัญญู'เฮียฮ้อ' พร้อมอัปเดตสถานะ'พ่อ'


เพิ่มเพื่อน    

 

          ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เคลียร์เรื่องราวดราม่าชาวเน็ตจวกอกตัญญู เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หลังประกาศหมดสัญญาต้นสังกัด พร้อมร่วมงานต่างสังกัดเต็มตัว และอัปเดตบทบาทคุณพ่อมือใหม่ หลังรับลูกชายลูกครึ่งฝรั่งเศสที่เป็นลูกของเพื่อนสนิทคุณแม่ มาเป็นลูกบุญธรรม ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow

ล่าสุดก็มีเรื่องดราม่า เรื่องหมดสัญญากับค่ายเดิม แล้วไม่โพสต์ขอบคุณ แล้วก็เลยกลายเป็นคนอกตัญญู?
ฟิล์ม : มันน่าจะมีคนที่หวังดี เขาก็มาพูดกันในโซเชียลว่าทำไมผมไม่โพสต์ขอบคุณเลย ผมอยากจะบอกว่าจริงๆ ผมก็มีเหตุผลของผม ที่ผมไม่ได้โพสต์เนี่ย ถ้าคำว่าขอบคุณสำหรับเฮียฮ้อ หรือว่าผู้บริหารอาร์เอส หรือว่าอาร์เอส เนี่ยคือชาตินี้ผมคงขอบคุณไม่หมด เพราะว่าเขามีพระคุณต่อผมมาก ผมเลยมองว่าทำไมเราต้องประกาศว่าเราหมดสัญญาแล้ว เพราะว่าในใจของผม ผมก็ยังอยู่อาร์เอสตลอด ตั้งแต่วันแรกที่ผมมีตัวตน จนถึงวันนี้ แล้วก็ผมมีชีวิตที่ดีขึ้น พ่อแม่มีความสุขขึ้นก็เพราะเฮียฮ้อทั้งนั้น เราไม่คิดเลยว่า มันเป็นเพียงกระดาษหนึ่งใบที่มันหมดสัญญา แต่ตัวเองนั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม

ทางเฮียฮ้อเขาทราบไหมว่ามันเกิดประเด็นดราม่าขึ้น ได้คุยกับเฮียฮ้อไหม?
ฟิล์ม : จริงๆ ผมคุยกันตลอด แต่ผมเชื่อว่าเฮียน่าจะยุ่ง คงมองว่าผมน่าจะเอาอยู่ อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดามาก คงจะเป็นแค่คนพูดกัน คือเขาคงหวังดีกับเราแหละ ลงบอกหน่อย แต่ผมอยากจะบอกกับทุกท่านว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อสักครู่ว่ามันไม่จำเป็นหรอกครับ ทำไมผมต้องประกาศว่าผมอิสระแล้ว ทั้งที่มันเป็นเพียงแค่หน้าที่การงานของผม แต่จริงๆ แล้วผม ความรู้สึกกับผู้บริหาร เฮียฮ้อ ผมก็ยังรักและเคารพเหมือนคุณพ่อผมตลอดมา

มีคำแรงที่เรารู้สึกว่ามันแรงไปไหม?
ฟิล์ม : มันก็มีบ้าง แต่เราก็ห้ามความคิดใครไม่ได้ มันกลายเป็นแบบอย่างไปแล้วว่าศิลปินเวลาออกจากค่ายเขาก็จะโพสต์กัน แต่เรากลับไม่ได้โพสต์ เพราะว่าผมก็มีเหตุผลของผม

แล้วอยู่ค่ายเดิมมากี่ปี?
ฟิล์ม : 15 ปีเต็ม มันมีแต่ความสุข แล้วได้รับโอกาสจากเด็กธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นคนที่มีคนรู้จักทั่วประเทศ มันทำให้เรารู้สึกว่าโอกาสนี้ไม่รู้ว่าเราจะหาคำขอบคุณหรือไปทดแทนบุญคุณนั้นยังไง คือผมก็มีแต่ความสุขแล้วได้รับโอกาสที่ดีตลอดมา ผมอยู่กับอาร์เอสผมไม่ได้ทำอะไรเลย คือจะมีผู้ใหญ่มอบโอกาสให้ผมเสมอ พิธีกร ตั้งแต่เด็กๆ เดินตามกองถ่ายสัมภาษณ์คนอื่น เป็นนักร้อง เป็นดาราละคร ภาพยนตร์ แล้วก็หลายๆ อย่างที่ผมไม่เคยทำก็ได้รับจากที่นี่

เราอยากจะบอกอะไรกับคนที่พูดถึงเราในแง่ไม่ดีบ้างไหม?
ฟิล์ม : อยากจะขอบคุณมากกว่า เขาก็คงรักเราแหละ เขาอยากให้เราดูน่ารักตลอด ผมก็เป็นตัวของผม ผมก็จะรู้ว่าผมควรจะทำอะไร แล้วก็อยากให้เคารพความคิดของผมบ้าง

 

 

บางคอมเมนต์บอกว่า ว่างงาน 3 ปีไม่ได้ทำอะไรเลย อันนี้ก็เลยเป็นหนึ่งเหตุผลที่พี่ฟิล์มออก?
ฟิล์ม : จริงๆ แล้วไม่เกี่ยว อย่างที่ผมบอกกระดาษมันก็หมดไปตามสัญญาของมัน แต่ความรู้สึกผม ผมไม่ได้หมดไปจากเฮียเลย ผมก็ยังรักแล้วเคารพเหมือนเดิม ผมมองว่าวันนี้ในมุมมองของธุรกิจ ของโมเดลต้นสังกัดเก่า เรามีธุรกิจที่เปลี่ยนไป แต่ตัวผมเอง ผมอยากทำงานในสิ่งที่ผมรักอยู่ อยากร้องเพลง อยากเล่นหนัง เล่นละครในเมื่อโมเดลธุรกิจเปลี่ยนไป แต่ตัวเราเองนั้นโตขึ้น แล้วก็มีการตัดสินใจได้มากกว่าเดิม เราก็ควรออกมาทำอะไรที่เรารักมากขึ้น ผมเชื่อว่าเฮียฮ้อก็คงภูมิใจกับผม เพราะสิ่งที่ผมทำทุกวันนี้ไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทาง หรือว่าทำอะไรให้เขาไม่ภูมิใจ ผมมองว่าผมยังร้องเพลงได้ ผมยังเต้นได้ แล้วต้นสังกัดเราจะไม่มีอะไรพวกนี้แล้วผมก็ออกมาทำที่อื่นได้

หลายคนมองว่าที่เราไม่ต่อสัญญาเพราะว่าเราจะก้าวเข้าสู่การเมืองหรือเปล่า?
ฟิล์ม : จริงๆ แล้วการเมืองมันเข้าเส้นเลยตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เราชอบการเปลี่ยนแปลง เราชอบเห็นสังคมเจริญขึ้น ประเทศไทยดีขึ้น แต่บทบาทของวัยรุ่นสมัยก่อนมันไม่ค่อยอินกับการเมือง อยู่ๆ เป็นดารานักร้อง ออกมาการเมืองจะถูกก่า ถูกว่า อยู่ๆ เป็นวัยรุ่นออกมาพูดเรื่องการเมืองจะถูกมองว่าไร้สาระ ไม่มีประสบการณ์ แต่พอยุคที่ผ่านมามันมีการเปลี่ยนแปลง วัยรุ่นออกมาขยับตัวเคลื่อนไหวในสังคมมากขึ้น มันก็เลยทำให้คนดูว่า ถ้าที่ผ่านมาเราวิเคราะห์กันแล้ว รุ่นใหม่เก่งกว่ารุ่นเก่า แต่ต้องใช้รุ่นเก่ามาสอนรุ่นเก่าหน่อย มันก็เลยโคจรประเทศไทยก็เจริญขึ้น

ทำไมพี่ฟิล์มถึงชอบการเมือง?
ฟิล์ม : จริงๆ ผมชอบมาก ตรงที่ว่าถ้าเกิดว่ากลุ่มวัยรุ่นมาปรับเปลี่ยนอะไรได้มันจะดี แต่ว่าที่ผ่านมามันถูกสกัดกั้นจากคนรุ่นเก่าทำอะไรเดิมๆ ประเทศไทยเราก็เลยไม่ก้าวหน้า แต่ต่างประเทศเขาเจริญไปไหนต่อไหนแล้ว แล้วผมก็อยากเห็นประเทศไทยมี สตาร์ทอัพ เกิดขึ้นจริงที่เขาเรียกว่ายูนิคอร์น

พอเล่นการเมืองพี่ฟิล์มไม่กลัวดราม่าเหรอ?
ฟิล์ม : จริงๆ ก็โดนมาตลอด เขาก็จะมองว่าเป็นศิลปินดาราจะมีความคิดจริงหรอ ผมก็อยากจะบอกกับคุณผู้ชมว่าลองดูความคิดผมก่อน ก่อนที่จะพูดคำนี้ เพราะว่าเราก็เป็นคนคนหนึ่งที่เรารก็มีความรู้ความสามารถ มีเรื่องที่เราถนัดเหมือนกัน เราพยายามส่งเสริม ปลุกกระแสให้คนรุ่นใหม่ออกมาทำประโยชน์ให้กับประเทศ จริงๆ แล้วไม่ควรออกมาสกัดกั้น ควรส่งเสริมกันมากกว่า

 

 

ตอนนี้ลูกกี่ขวบแล้ว?
ฟิล์ม : 6 ขวบแล้วครับ นิสัยก็เหมือนผมนะ เพราะผมเลี้ยงมา อารมณ์ดี ขี้เล่น ตลกแล้วก็ชอบแกล้ง

ปู่-ย่า เห็นว่าหลงหลาน?
ฟิล์ม : หลงมาก ถ้าผมไม่ว่างคุณพ่อผมท่านก็จะไปรับแล้วคอยดูแลตลอด แต่เขาจะทะเลาะกับพ่อผมตลอดเวลา เด็กพอเริ่มโตก็เริ่มพูดเยอะ เริ่มเถียง เริ่มมีอะไรสงสัย แต่ผมก็เห็นว่ามันคือสีสัน ทำให้บ้านผมมีชีวิตชีวาขึ้นมา

เห็นว่าดื้อ?
ฟิล์ม : ดื้อมาก เพราะว่า อย่างที่ผมบอกมันคือสีสัน เขาจะประดิษฐ์อะไรตลอดเวลา ถาม บ้านพัง ก็คือวัยเขา

แล้วแฟนของคุณพี่ฟิล์มช่วยเลี้ยงลูกไหม?
ฟิล์ม : เป็นบางครั้งมากกว่า ไม่ได้มาช่วยอะไรมากมาย

วางแพลนอนาคตถึงเรื่องแต่งงานบ้างหรือเปล่า?
ฟิล์ม : ผมเฉยๆ กับเรื่องนี้นะไม่ค่อยเน้นเลยกับเรื่องพวกนี้ เพราะว่ามันคืออนาคตล้วนๆ แล้วบวกกับว่าผมอยากให้แฟนๆ ที่เอาผมเป็นแบบอย่าง ยึดแค่ผมทำงาน ผมดูแลพ่อ แม่ ผมจะไม่ให้เขามายึดอะไรแบบนี้ ผมก็เลยไม่ค่อยพูดที่ไหน ผมมองว่ามันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน แล้วผมไม่ชอบให้คนมาดูมุมนี้ของผม เพราะว่าในเมื่อมันไม่แน่นอนดูไปก็จะมีแต่ดราม่าเปล่าๆ

ตอนนี้ชีวิตครอบครัวแฮปปี้?
ฟิล์ม : แฮปปี้ครับก็มีจุดมุ่งหมายมากขึ้น รู้ว่าทำอะไรเพื่อใคร นอกเหนือจากทำให้คุณพ่อ คุณแม่ ก็ยังมีเด็กที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราขาดอะไรเราไปเติมที่เขาดีกว่า

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"