6 ส.ค.63 - ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.นูรฮาลีซา เจะอาแว อายุ 18 อยู่บ้านเลขที่ 43/1 หมู่ 1 ตำบลกะรุบี อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ได้คลอดลูกที่โรงพยาบาล kajang ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นการคลอดก่อนกำหนด ทำให้ลูกมีอาการป่วยต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าว

จากนั้นวันที่ 18 มีนาคม 2563 จำเป็นต้องเดินทางกลับไทยเพื่อต่อวีซ่าที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อทำธุระเสร็จจะเข้ากลับไปรับลูกที่ประเทศมาเลเซียทันที่ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าประเทศมาเลเซียได้ เพราะได้ปิดประเทศจากสถานการณ์โควิค-19 ดังนั้น จึงได้เดินทางกลับบ้านประเทศไทยเพื่อตั้งหลักหาเงิน หางานทำและจะเข้าไปรับลูก แต่จนถึงขณะนี้ น.ส.นูรฮาลีซา ก็ยังไม่ได้เข้าประเทศมาเลเซีย จึงวิงวอนหน่วยงานรัฐ หรือผู้ใจบุญช่วยรับลูกตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด ที่โรงพยาบาลจังหวัดปัตตานี นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วย รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลปัตตานี นายอำเภอเมืองปัตตานี และเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมส่ง น.ส.นูรฮาลีซา เจะอาแว ขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางไปรับลูกที่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา หลังไม่ได้เจอหน้าลูกนานเกือบ 5 เดือน ซึ่ง น.ส.นูรฮาลีซามีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ตื่นเต้นและดีใจที่กำลังจะได้พบลูก โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานภาครัฐได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

สำหรับการเดินทางไปลูกของน.ส.นูรฮาลีซา ได้เดินทางด้วยรถโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อไปยังด่านนอก จ.สงขลา (ชายแดนไทย-มาเลเซีย) เช่นเดียวกับทางด้านโรงพยาบาล kajang ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้นำเด็กมาส่งยังด่านนอก ซึ่ง จนท.ของมาเลเซียและไทยจะพบกันบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย จากนั้นทางไทยจะเป็นผู้รับเด็กต่อไป

ต่อมาเมื่อรับเด็กเป็นอันเรียบร้อย ก็จะเดินทางกลับมายังโรงพยาบาลปัตตานี โดยผู้ว่าฯได้เตรียมห้องพิเศษและหมอเด็กเพื่อรักษาพยาบาล และดูแลตามมาตรการโควิด-19 โดยจะให้เด็กกับแม่จะอยู่ห้องด้วยกัน เพื่อกักตัว 14 วันโดยไม่ให้บุคคลอื่นเข้าเยื่ยมได้

น.ส.นูรฮาลีซา เจะอาแว อายุ 18 ก่อนจะเดินทางไปรับลูก เปิดเผยว่า ดีใจมากที่จะได้เจอหน้าลูก ขณะนี้น้ำหนัก 3.6 กิโลกรัม ร่างกายแข็งแรงดี โดยเมื่อมาถึงโรงพยาบาลปัตตานี ตนและลูกจะต้องกักตัว 14 วันและจะเดินทางกลับบ้าน ที่ อ.กะพ้อ จังหวัดปัตตานี และขอบคุณหน่วยงานทุกฝ่ายและคนไทยทุกคนที่ไม่ทิ้งกัน