เลขาฯครป.โพสต์การใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ไม่ใช่ความผิด อ้างประเทศที่พัฒนาแล้วจะดูแล ฟูมฟักอนาคตของชาติยิ่งกว่าไข่ในหิน


เพิ่มเพื่อน    

12 ส.ค.63 - นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) โพสต์เฟซบู๊กเรื่อง "การใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ไม่ใช่ความผิด" โดยมีเนื้อหาดังนี้ การสูญเสียอนาคต มันไม่เหมือนการแพ้เลือกตั้ง ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลผิด หรือหุ้นตกไม่กี่จุด ที่จะเยียวยาหรือแก้ไขใหม่ได้ เยาวชนคนหนุ่มสาวทุกคนล้วนแต่ใฝ่ฝันถึงอนาคตอันดีงามทั้งนั้น คำถามสำคัญคือ สังคมไทยได้ช่วยโอบอุ้มดูแลความฝันของอนาคตเหล่านั้นหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วได้ทำลายความใฝ่ฝันนั้นลงทีละเล็กละน้อยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เรามีรัฐบาลเพื่อจัดวางการอยู่ร่วมกันของสังคม มีกฎหมายเพื่อเป็นเครื่องประกันที่ต่ำที่สุดในการจัดการความสัมพันธ์ของผู้คน และกฎเหล่านี้ก็เปลี่ยนแปลงได้ตามพลวัตของสังคมเรื่อยไป ไม่มีอะไรที่ตายตัวสำหรับจักรวาลแห่งความรู้ ความรักและความจงรักภักดี กระทั่งความเกลียดชังและความเข้าใจ เราไม่สามารถเดินลงแม่น้ำไปเป็นครั้งที่สองได้ เพราะสายน้ำนั้นได้เคลื่อนผ่านไปแล้วทุกนาทีไม่ได้อยู่ที่เดิม ครั้งหนึ่งเราเคยเชื่อว่าโลกแบน แต่ต่อมาจึงรู้ว่าโลกกลม คนรุ่นก่อนใครจะคิดว่าวันหนึ่งเราจะสามารถพูดคุยกันได้ แม้อยู่ห่างไกลกันหลายพันไมล์ ใครจะไปคิดว่าเราจะสามารถส่งจดหมายถึงกันได้ โดยแทรกอากาศมาถึงภายในเวลาชั่ววินาที สังคมพัฒนาอารยะธรรมไปไม่มีที่สิ้นสุด และคนหนุ่มสาวคือพลังสร้างสรรค์เหล่านั้น ให้โอกาสพวกเขาได้ใฝ่ฝันและดูแลความฝันของพวกเขาให้เติบโต

ภายหลังจากที่เราได้ประชาธิปไตยทางการเมือง หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เรามีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมาก แต่ความเป็นธรรมทางสังคมยังเหลื่อมล้ำต่ำสูงอยู่ คนหนุ่มสาวของเราได้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ความเป็นธรรมทางสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปที่ดิน ที่ทำกินต้องเป็นผู้ถือคันไถ รัฐบาลต้องดูแลปัญหาชาวนา กรรมกรต้องได้รับความเป็นธรรมในการจ้างงาน และสังคมนิยมทางเศรษฐกิจอื่นๆ จริงๆ แล้วแนวคิดที่ว่า ประชาธิปไตย ก็คืออำนาจเป็นของประชาชน เป็นของสังคมส่วนร่วม ซึ่งก็คือสังคมนิยมโดยตัวเอง สิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างสรรค์ขึ้นเองได้ ควรจะเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของสังคม สังคมใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่แนวคิดทุนนิยมตีมูลค่าทุกอย่างเหล่านั้นในกลไกตลาด เราเอาที่ดินทำกินเข้าสู่กลไกตลาด แรงงานเข้าสู่กลไกตลาด พลังงานของสาธารณะเข้าสู่กลไกตลาด และแปรผันทุกอย่างเป็นธุรกิจการค้า แม้กระทั่งการศึกษาซึ่งเป็นองค์ความรู้ของมนุษยชน

ชนชั้นนำได้ผูกขาดกรรมสิทธิ์ส่วนใหญ่ทางเศรษฐกิจ พวกเขาซึ่งเป็นชนชั้นปกครองที่มีอำนาจรัฐเกรงกลัวที่จะสูญเสียอำนาจและความสุขสบาย จึงได้ป้ายสีคนหนุ่มสาวเหล่านั้นให้เป็นอีกขั้วข้างของความถูกต้อง ป้ายสีคนหนุ่มสาวว่าเป็นปิศาจ ป้ายสีคนหนุ่มสาวว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ทั้งยังป้ายสีคนหนุ่มสาวว่าเป็นคนต่างแดนไม่ใช่คนไท เพื่อทำลายความใฝ่ฝันของคนหนุ่มสาวร่วมสมัยของเราด้วยความเกลียดชัง จนเกิดการฆ่าล้างกลางเมืองหลวงในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เมื่อ 37 ปีที่ผ่านมา

หากคนหนุ่มสาวคนหนึ่ง ใฝ่ฝันว่าสังคมจะต้องมีความเป็นธรรม ความสัมพันธ์ของคนเราต้องมีเสรีภาพจากการบังคับ และเรียกร้องให้รัฐบาลจัดวางการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมมากขึ้นโดยสันติ โทษทัณฑ์ใดที่สามารถเข่นฆ่าพวกเขาได้และปิดหนทางแห่งการเรียกร้องจนพวกเขาต้องเลือกหนทางเข้าป่าจับอาวุธขึ้นต่อสู้ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

มาถึงวันนี้สังคมไทยมีความขัดแย้งกันมากขึ้น ทั้งทางการเมืองและปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งได้มีคำตอบว่า ที่ผ่านมาเราต่อสู้กับอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยทางการเมือง แต่โครงสร้างทางเศรษฐกิจยังถูกทุนผูกขาดครอบงำอยู่ ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำอันดับหนึ่งในเอเชีย ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยห่างกันสูงมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หรือสังคมไทยไม่เคยเรียนรู้บทเรียนในประวัติศาสตร์ เพื่อแก้ไขปัจจุบันและสร้างอนาคตที่ดีร่วมกันของสังคมไทย เรามีรัฐเพื่อจัดวางการอยู่ร่วมกันของสังคมที่เป็นธรรมจริงหรือ หรือแท้จริงแล้วมีคนไม่มากนักผูกขาดการเมืองไทยและชักใยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอยู่

นับจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 สังคมไทยผ่านการสูญเสียและความรุนแรงอีกหลายครั้งหลายหน ราวกับว่า แท้จริงแล้วต้นตอของปัญหาก็คือ สังคมไทยไม่อนุญาตให้คนหนุ่มสาวของเราใฝ่ฝันถึงอนาคต รัฐไทยไม่อนุญาตให้คนหนุ่มสาวของเราใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ สังคมไทยไม่เคยปกป้องความใฝ่ฝันและอนาคตของพวกเขา สังคมของเราจึงล้มลุกคลุกคลานมานานตราบเท่าวันนี้

นึกถึงสังคมในฝัน และประเทศพัฒนาทั้งหลาย เขาดูแลโอบอุ้มอนาคตของชาติราวกับแม่ไก่ฟักไข่ในเล้า ฟูมฟักดูแลยิ่งกว่าไข่ในหิน ส่งเสริมองค์ความรู้และโอกาสทางการศึกษาต่างๆ ตามความใฝ่ฝันและความถนัด งบประมาณการปฏิรูปการศึกษาถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลในการโอบอุ้มดูแลอนาคตของสังคม

สังคมไทยจะเป็นอย่างนั้นได้หรือไม่ เลิกทำลายความใฝ่ฝันของคนหนุ่มสาว เลิกสร้างความเกลียดชังบนความต่างทางอุดมการณ์ทางการเมืองหรือความเชื่อทางสังคม ทุกคนมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์ใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ที่ดีงามของเรา ช่วยกันดูแลความฝันของอนาคตของคนหนุ่มสาว ให้พวกเขาสรรค์สร้างสังคมที่ดีแห่งอนาคตร่วมกัน โดยบอกพวกเขาว่า การใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ไม่ใช่ความผิด เพื่อให้สังคมไทยเติบโต.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"