‘เนตร’แจงสั่งตามสำนวน สอบวินัย14ตร.บกพร่อง


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" พอใจผลสอบ "บอส" ระดับหนึ่ง บอกจะพอใจมากหากเป็นที่ยอมรับของ ปชช. "เนตร" โผล่แจง กมธ.ปมไม่ฟ้องทายาทกระทิงแดง ยันสั่งตามสำนวนคดีพร้อมให้สอบเส้นทางการเงิน "สิระ" ขึงขังส่งหนังสือเรียก "วรยุทธ" มาชี้แจง "ตร." สรุปผลสอบไม่เห็นแย้งอัยการพบ "รอง ผบช.-พงส." 14 นายบกพร่อง ตั้งกก.สอบวินัย "พล.ต.ท.เพิ่มพูน" รอด อ้างทำตามขั้นตอน เล็งชงอสส.รื้อคดีใหม่ฟันข้อหา "ขับรถเร็ว-เสพโคเคน"

    เมื่อวันที่ 13 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง คดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อเสียชีวิต ว่าวันนี้มีความก้าวหน้าหลายอย่างหลายด้าน ทั้งในส่วนของอัยการ ตำรวจ และคณะกรรมการชุดของนายวิชา มหาคุณ ซึ่งมีการรายงานพูดคุยกับตนมาตลอดอยู่แล้ว
    "หากเรื่องใดที่ผมสามารถมอบให้คณะกรรมการด้านตำรวจดูแลแก้ไข ไปชี้แจง ก็กำชับไปแล้วว่าต้องให้ความร่วมมือทุกประเด็น ถ้าถามว่าพอใจไหม ก็ต้องบอกว่าจะพอใจได้ก็ต่อเมื่อมันสิ้นสุดไปในทางที่ดี ที่ประชาชนยอมรับนั่นแหละคือพอใจ แต่ตอนนี้ก็ยังถือว่าพอใจในระดับหนึ่ง ที่มีการออกมาขับเคลื่อนในเรื่องเหล่านี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    ที่รัฐสภา ห้องประชุม 414 มีการประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ร่วมกับ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน ที่มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ร่วมกันเป็นประธานการประชุมคดีนายวรยุทธเป็นครั้งที่ 3 หลังจาก 2 ครั้งแรกผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้โดยตรงไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง
    โดยเชิญนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด คนที่สั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธมาชี้แจงเป็นครั้งแรก รวมทั้งตำรวจที่ไม่เห็นแย้งคำสั่งอัยการ คือ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพนักงานสอบสวนในคดีนี้, นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความของนายวรยุทธ, พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ 4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจมาชี้แจง
    นายเนตร ซึ่งมาชี้แจงเป็นครั้งแรกยืนยันว่า การพิจารณาสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ สั่งตามที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาทั้งหมด ไม่มีข้อเท็จจริงนอกสำนวน ดุลพินิจที่ไม่สั่งฟ้อง ไม่ได้สั่งนอกสำนวนอะไรเลย มีเอกสารหลักฐานระบุความเห็นในการสั่งไม่ฟ้องคดีไว้ชัดเจน เหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ เพราะได้พิจารณาทั้งสำนวนเดิมที่มีการสั่งคดีไว้อย่างไร ครั้งแรกอัยการมีการสั่งฟ้อง ตามความเห็นของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ (ยศในขณะนั้น) ที่บันทึกความเร็วไว้ที่ 177 กม./ชม. แต่เมื่อมีการสอบพยานใหม่หลังมีการร้องขอความเป็นธรรม พบว่าผู้ให้ความเห็นความเร็วรถคนเดิมคือ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ มาเปลี่ยนคำให้การว่าไม่ใช่ 177 กม./ชม. เพราะวิธีคิดไม่ตรงกัน เมื่อคำนวณจากวิธีใหม่ ทำให้ความเร็วเหลือแค่ 79 กม./ชม. ถือว่าไม่เกินกฎหมายกำหนด
    นอกจากนี้ ประกอบกับพยานอื่นมาสนับสนุน ทั้งผู้เชี่ยวชาญ เช่น นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ยืนยันว่าความเร็วที่คำนวณจากภาพวิดีโอ เร็วแค่เพียง 76 กม./ชม. ไม่ถึง 80 กม./ชม. รวมทั้งมีพยาน 2 ปากที่ได้จากการสอบสวน ได้แก่ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร และนายจารุชาติ มาดทอง ให้การว่าความเร็วของนายวรยุทธ ไม่ถึง 80 กม./ชม. และพบว่าผู้ตายเปลี่ยนเลนกะทันหัน จากเลนซ้ายสุดมาขวาสุด  
'เนตร'ยันสั่งตามสำนวนคดี
    "เมื่อพยานให้การอย่างนี้ ความเร็วของรถนายวรยุทธไม่เกิน 80 กม./ชม. ถือเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะฉะนั้นถือว่าหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนไม่พอฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาความผิดฐานขับรถชนโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จึงสั่งไม่ฟ้อง และเสนอไปยัง ผบ.ตร. เพื่อให้ความเห็นชอบ" นายเนตรกล่าว
    กมธ.ถามถึงประเด็นที่นายวรยุทธร้องขอความเป็นธรรมมาหลายครั้ง ทำให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมใหม่จนต้องสั่งไม่ฟ้อง รองอัยการสูงสุดยืนยันว่า ตามระเบียบอัยการไม่มีกำหนดว่าจะร้องได้กี่ครั้ง เพราะเป็นสิทธิของผู้ร้องทั้งฝ่ายผู้ต้องหาและผู้เสียหาย การพิจารณาให้ความเป็นธรรมนายวรยุทธนั้น ก็มีการพิจารณามาเป็นลำดับชั้น กรณีนี้ทางสำนักงานกฤษฎีกาของสำนักงานอัยการเสนอมาว่าเห็นควรพิจารณาให้ความเป็นธรรม
    กมธ.ถามถึงการยื่นลาออกจากตำแหน่งรองอัยการสูงสุด นายเนตรยอมรับยื่นลาออกจริงเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ในฐานะเป็นคนสั่งคดีนี้ และสังคมก็กดดันสถาบันอัยการ ดังนั้นเพื่อความสบายใจของทุกคน จึงขอลาออกเพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร ที่ทำหน้าที่รับราชการเป็นอัยการอยู่ในองค์กรนี้มาแล้ว 40 ปี  
    กมธ.ได้ถามอย่างมากว่าคดีนี้มีการปั้นพยานขึ้นมาหรือไม่ ซึ่งนายเนตรชี้แจงว่า พยานที่ปรากฏเป็นไปตามสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนอื่นเกี่ยวข้อง
    กมธ.ยังได้ถามเหตุผลที่รายงานของ กมธ.การกฎหมายฯ สนช. เข้าไปอยู่ในสำนวนการสอบสวน นายเนตรชี้แจงว่า กระบวนการร้องขอความเป็นธรรมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนนานแล้ว ตนมาในช่วงท้าย ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีการดำเนินการสอบสวนพยาน ไม่ทราบรายละเอียด ไม่สามารถไปให้ความเห็นหรือก้าวล่วงได้ ความเห็นของตน สนช.ก็เป็นผู้แทนประชาชนชน เมื่อผู้แทนประชาชนส่งเรื่องมา ก็ต้องมีการพิจารณาและมีการสอบสวน ไม่ใช่เอาข้อมูลจาก สนช.ยุคนั้นมาพิจารณาได้เลย กรณีนี้ก็มีการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนตามปกติ และตามกระบวนการสามารถร้องใหม่ได้  
    นายสิระซักว่า คดีนี้ประชาชนเกิดความสงสัยว่าพยานใหม่เป็นพยานที่ช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือไม่ รวมทั้งคดีนี้มีการวิ่งเต้นหรือมีผลประโยชน์อยู่ที่ใครหรือไม่ นายเนตรชี้แจงว่า นายจารุชาติเป็นพยานตั้งแต่ต้น พล.อ.ท.จักรกฤชมาช่วงกลาง ซึ่งเป็นพยานที่เกิดจากการสอบสวนโดยชอบ ส่วนการพิจารณายืนยันว่าพิจารณาตามกระบวนการ พิจารณาจากการสอบสวนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนอื่นเกี่ยวข้อง
    กมธ.ได้ซักถามว่า นายเนตรยินดีให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินหรือไม่ ซึ่งนายเนตรยืนยันว่า ยินดีให้ตรวจสอบ เนื่องจากการพิจารณาคดี เป็นการสั่งคดีตามสำนวน ไม่มีเรื่องอื่นทั้งสิ้นเป็นคดีที่มาตามระบบ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายเนตรชี้แจงเสร็จสิ้นทาง กมธ.ได้มีมติทำหนังสือเชิญนายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. ประธาน กมธ.กฎหมาย สนช. และนายวรยุทธ โดยเฉพาะนายวรยุทธส่งเป็นหนังสือลงทะเบียน หากไม่มาชี้แจงอีกก็จะใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก
    ต่อมา พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ นักวิทยาศาสตร์ สบ  4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เข้าชี้แจงพร้อมยืนยันไม่เคยได้รับคำสั่งจากใครให้วิ่งเต้นคดีนี้ ยินดีพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน การทำคดีให้ประชาชนทำด้วยความยุติธรรมด้วยความทุ่มเทตลอดมา
    จากนั้น พล.ต.ท.เพิ่มพูนเข้าชี้แจงยืนยันเหตุที่ไม่เห็นแย้งต่ออัยการ เพราะได้ดูตามสำนวนตามลำดับชั้นที่ส่งขึ้นมา และมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่เห็นแย้งกับอัยการ เป็นการใช้ดุลพินิจโดยสุจริต เที่ยงธรรม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่มีใครมาสั่ง คนที่สั่งได้มีคนเดียวคือนายชัย ชิดชอบ บิดา ซึ่งวันนี้ไม่อยู่แล้ว เมื่อมีความเห็นแล้วจึงได้ส่งสำนวนคืนเจ้าหน้าที่ และส่งไปยังอัยการต่อไป
    “เมื่อได้ฟังตำรวจชี้แจงผมก็ตกใจเหมือนกัน ทำไมกลับคำง่าย ทั้งที่ควรยืน ยึดมั่นตามหลัก ก็ขอตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ทั้งนี้จะปรับปรุงการทำงานของเรา" พล.ต.ท.เพิ่มพูนกล่าว  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ชี้แจงแล้วเสร็จ ได้ถูกผู้สื่อข่าวรุมซักถามต่อในปมประเด็นความสงสัยเรื่องการให้การเรื่องความเร็วที่กลับไปมา แต่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์เลี่ยงที่จะให้ในรายละเอียดเพิ่มเติม  
'เพิ่มพูน'รอดฟันวินัย14ตร.
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ดุลพินิจตำรวจกรณีไม่เห็นแย้งอัยการคดีนายวรยุทธ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวผลการตรวจสอบใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง โดย พล.ต.ท.จารุวัฒน์รับหน้าที่แถลงชี้แจง โดยไล่ไทม์ไลน์เหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว
    พล.ต.ท.จารุวัฒน์กล่าวว่า สำหรับผลการตรวจสอบความบกพร่องของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ไม่พบความบกพร่อง เนื่องจากการพิจารณาคำแย้งคำสั่งพนักงานอัยการ แย้งได้เฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย กฎระเบียบ ว่าตามที่พนักงานอัยการกล่าวอ้างมาถูกต้องหรือไม่ โดยจะนำความในคำพิพากษาศาลฎีกา หรือความเห็นทางกฎหมายจากผู้เชี่ยวชาญประกอบเหตุผลการพิจารณา และพิจารณาจากข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนที่อัยการส่งมาเท่านั้น และแย้งได้เฉพาะประเด็นที่สามารถกลับความเห็นของพนักงานอัยการได้ ไม่มีอำนาจทำการสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม
    "ผู้ตรวจสำนวนพิจารณาในกองคดีอาญาทุกระดับ มีผู้พิจารณาก่อนเสนอ พล.ต.ท.เพิ่มพูน มี 4 ราย ซึ่งทุกคนมีอิสระในการเห็นแย้งหรือไม่แย้งคำสั่งของอัยการ โดยผู้ตรวจสำนวนทุกคนมีความเห็นไม่แย้งตรงกัน ส่วน พล.ต.ท.เพิ่มพูน ผู้มีอำนาจในการพิจารณาทำความเห็นไปตาม ป.วิอาญามาตรา 145/1 ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ" พล.ต.ท.จารุวัฒน์กล่าว
    ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบข้อบกพร่องหลายแห่ง จึงจะประมวลเรื่องเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาดำเนินการ โดยทาง ผบ.ตร.จะส่งพยานหลักฐานให้อัยการไปดำเนินคดีใหม่ตาม ป.วิอาญา มาตรา 147 ทำให้มีการรื้อคดีนี้ขึ้นมาทำใหม่ 2 ข้อกล่าวหาในส่วนของคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง และข้อหาเสพยาเสพติดประเภท 2 (โคเคน)" ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว         
    พล.ต.ท.จารุวัฒน์กล่าวว่า ในส่วนการกระทำความผิดของตำรวจ หากพบจะมีการลงทันฑ์อย่างเด็ดขาด โดยขณะนี้จากการตรวจสอบพบตำรวจที่มีส่วนกับการกระทำความผิดตำแหน่งสูงสุดในขณะนั้นคือระดับรองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.) แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใคร เพราะตนเองไม่ใช่คณะกรรมการทางด้านวินัย แต่หนึ่งในนั้นมีชื่อของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ที่จะต้องถูกสอบวินัย และดำเนินคดีตามประมาลกฎหมายอาญามาตรา 157 กับตำรวจทั้ง 14 นาย เป็นพนักงานสอบสวนชุดเก่า 11 นาย และชุดใหม่ 3 นายที่เกี่ยวข้อง
    วันเดียวกัน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้มีคำสั่ง ตร. ให้ ผบ.ตร.เป็นผู้กำกับดูแลการบริหารราชการในงานกฎหมายและคดีด้วยตนเอง โดยมีผู้ช่วย ผบ.ตร. 5 ราย ช่วยกำกับดูแลในการสั่งคดี สำหรับงานที่มีความสำคัญหรือประชาชนและสังคมให้ความสนใจ ให้ผู้ช่วย ผบ.ตร.เสนอให้ ผบ.ตร.เป็นผู้พิจารณาสั่งการ
    ด้านนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กล่าวว่า ได้รับหนังสือเชิญชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ความเห็นต่อที่ประชุมครั้งแรกจากนายวิชา มหาคุณ ประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญากรณีนายวรยุทธ วันที่ 14 ส.ค.นี้ เวลา 14.00 น. โดยตนพร้อมจะเดินทางไปชี้แจงให้ความเห็นถึงประเด็นดังกล่าว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"