17 ส.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ประเมินการชุมนุมทางการเมืองของคณะประชาชนปลดแอก เมื่อเย็น 16 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เดินถูกทางแล้วที่ประกาศจุดยืนยึดมั่น 3 ข้อเรียกร้อง 2 จุดยืน กับ 1 ความฝัน

“เมื่อวานนี้ การชุมนุมได้ตั้งหลักถูกต้องในจุดยืนการเรียกร้อง การต่อสู้ที่เกิดขึ้นถือเป็นความยิ่งใหญ่ การแข่งขันด้วยน้ำอดน้ำทน ต้องสะสมชัยชนะกันต่อไป การยึดมั่น 3 ข้อเรียกร้องยิ่งเพิ่มความชอบธรรม อีกอย่างนายกรัฐมนตรี ประกาศไม่ให้ใช้ความรุนแรงจึงถูกต้อง”

นายจตุพร กล่าวว่า ตลอดกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ตนกล้าพูด กล้าแสดงความเห็นแตกต่าง และย่อมถูกผู้คนต่อว่าแดกดันสารพัด เพราะเข้าใจการเคลื่อนไหวการเมืองอย่างเป็นจริง และเมื่อวานนี้ คณะประชาชนปลดแอก ประกาศยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 2 จุดยืน 1 ความฝัน ซึ่งอยู่ในบริบทของรัฐธรรมนูญทุกอย่าง แล้วไม่มีอะไรซับซ้อน

“ถ้าคณะประชาชนปลดแอกพูดเท่านั้น ปัญหาต่างๆคงไม่เกิดขึ้น เนื่องจากรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมา มีเนื้อหาตาม 1 ความฝันที่ว่า คือ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยภายใต้กษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ทรงอยู่เหนือการเมือง และทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเนื้อหาของการชุมนุมเมื่อ 16 สิงหา ที่ผ่านมา”

อีกทั้ง กล่าวว่า เมื่อคณะประชาชนปลดแอกมีจุดยืนเช่นนี้ ความไม่สบายใจต่างๆของสังคมจะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งการชุมนุมเมื่อ 16 สิงหา มีประชาชนมาร่วมชุมนุมมาก สะท้อนถึงความอึดอัดที่มีจากรากฐานเศรษฐกิจ ความเสื่อมสังคม และการเมือง ทุกคนจึงต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ แล้วยุบสภา

สิ่งสำคัญคือ การเดินทางยาวเพื่อต่อสู้ของคนหนุ่มสาวนั้น เมื่อประกาศกันยายน ต้องแก้รัฐธรรมนูญในประเด็น ที่มาอำนาจ ส.ว. และ แก้ ม.256 ดังนั้นต้องเตรียมใจกันได้ว่า การริบคืนอำนาจ ส.ว.นั้น ไม่ได้กระทำการได้ง่ายๆ แต่การแก้รัฐธรรมนูญจะได้ประโยชน์ร่วมทุกฝ่ายนั้น อยู่ที่แก้ ม. 256 เท่านั้น

“มีใครเชื่อว่า ส.ว.จำนวนหนึ่งในสาม หรือ 84 เสียงจะโหวตให้ต้วเองพ้นตำแหน่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่การขีดเส้นให้แก้ให้เสร็จในเดือนกันยา ผมเชื่อว่าสิ่งนี้ยังไม่เกิดขึ้น เพราะคิดแค่ความเป็นมนุษย์ ส.ว.ก็คงไม่โหวตให้แก้รัฐธรรมนูญยึดอำนาจตัวเองแล้ว ดังนั้น กันยายน คงไม่ได้ตามข้อเรียกร้อง จึงต้องเตรียมการชุมนุมในครั้งต่อไป”

นายจตุพร กล่าวว่า จากนี้ต้องดูพรรคการเมืองใดจะเสนอให้แก้ ม.256 เพื่อต้องการลดปัญหาทุกกระบวนการจากข้อเรียกร้องของคณะปลดแอก อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าฝ่ายรัฐบาล พรรคการเมืองไม่ร่วมมือด้วย โดยเฉพาะ ส.ว. หนึ่งในสามต้องมาหนุน ดังนั้น คนที่ตั้ง ส.ว.ต้องส่งเสียงให้ ส.ว.ผ่านการแก้รัฐธรรมนูญด้วย

ดังนั้น เมื่อแต่ละฝ่ายประกาศชัดต้องแก้รัฐธรรมนูญ อีกอย่าง เกิดจากปรากฎการณ์แรงหนุนจากคนหนุ่มสาวที่แสดงพลังยิ่งใหญ่ ถ้ายืนตามเหตุผล 3 ข้อนั้นย่อมเดินต่อไปได้ เพราะมีความเข้าใจ และตนย้ำมาตลอดว่า การชุมนุมของประชาชนมาเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย ต้องไม่มีคนตายสักคนเดียว

“การชุมนุมการเมืองแบบไหนจะได้อะไร บางครั้งชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ได้เผด็จการ หรือบางครั้งได้ประชาธิปไตย และต่อมาเผด็จการแย่งชิงกลับคืน สิ่งเหล่านี้ประวัติศาสตร์สอนให้เรียนรู้มากมาย”

นายจตุพร ย้ำว่า ที่ผ่านมา ตนยืนต้านแรงลมทุกกระแส เนื่องจากยึดมั่นการเมืองจากความเป็นจริง กระทั่งเมื่อวานนี้ ประชาชนปลดแอกเดินมาทุกทางและทำถูกต้องแล้ว ซึ่งต่อไปเชื่อว่า จะมีผู้ร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากเพื่อต่อสู้ให้บรรลุตามข้อเรียกร้อง